“ไมค์” รับจูบจริง “ออม” ในซีรี่ย์ Full House เวอร์ชั่นไทย บอกรู้สึกเฉยๆ กว่าที่คิด ปลื้มได้โชว์ของเต็มที่ทั้งแต่งเพลงประกอบซีรี่ย์และทำมิวสิควิดิโอเอง ฟุ้งตั้งแต่ไม่มีสังกัดงานเยอะขึ้น ส่วนเรื่องหัวใจยังโสด สเปคไม่ต้องสวยแค่เข้าใจกันก็พอ หลังจากที่นักร้องหนุ่ม “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ไม่ต่อสัญญาแกรมมี่ต้นสังกัด แล้วเบนเข็มหันมารับงานละครแทน ดูเหมือนจะรุ่งซะด้วยเพราะมีละครต่อเนื่อง ล่าสุดกระโดดมาเล่นซีรี่ย์ “Full House วุ่นนักรักเต็มบ้าน” ออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 56 ประกบคู่กับ “ออม สุชาร์ มานะยิ่ง” โดยในเรื่องไมค์ต้องรับบทเป็นซูเปอร์สตาร์หนุ่ม งานนี้ทำเอาหนุ่มไมค์โอด บอกเจองานหิน
“เนื้อเรื่องเหมือนกับต้นฉบับ แต่ว่าด้วยการแสดงด้วยการพรีเซ็นต์เหมือนชีวิตจริงของไมค์หมดเลย ก็จะยากกว่าละครปกติ คือยิ่งตัวละครใกล้เราเท่าไหร่ก็จะยิ่งเล่นยากขึ้น เพราะว่าเราต้องไปอยู่ในชีวิตของเราเอง ด้วยความที่ปกติไมค์เป็นดารา ศิลปินนักร้อง ที่มีผู้จัดการ มีการทำเพลง แล้วในเรื่องยังต้องทำเพลงที่สอดคล้องกับชีวิตจริง มันก็เลยมีความใกล้เคียงมากขึ้น คือหลายคนอาจมองเห็นไมค์ว่าเวลาไมค์ออกสื่อไมค์จะเป็นคนนิ่งๆ แต่ในเรื่องคนก็จะได้เห็นว่าเวลาไมค์อยู่บ้านไมค์เป็นคนยังไง ทำอะไรบ้าง”
“ก็หวังว่าแฟนๆ เกาหลีเขาคงชอบกันเพราะว่าฟูลเฮ้าส์มีหลายเวอร์ชั่นมาก หลายประเทศเอาไปทำ ซึ่งผมว่าของบ้านเราก็สู้ได้นะเพราะด้วยความที่มีผู้กำกับเก่ง มีทีมงานที่มีคุณภาพ อย่างตัวบ้านเราก็เลือกใกล้เคียงให้มากที่สุด เราถึงได้มาไกลขนาดนี้”
พร้อมเผยในเรื่องต้องจูบจริง “ออม” บอกเล่นหนังมาตั้งนานไม่เคยจูบจริง
“ซึ่งแรกๆ ก็ค่อนข้างลำบาก เพราะปกติไมค์จะรับบทนิ่งๆ แบบเรื่องรากบุญ คือมาบทนี้ก็ค่อนข้างเป็นคอมเมดี้ ซึ่งเป็นเรื่องแรกของไมค์ แต่พอหลังๆ ก็เริ่มสบายขึ้นเริ่มชินขึ้นก็เป็นบทบาทที่คนดูไม่เคยเห็นไมค์มาก่อน แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไมค์ได้จูบกับนักแสดงคนอื่น เป็นเรื่องแรกในชีวิตเลย เล่นละครเล่นหนังมาตั้งนาน (แล้วซีนที่ว่าจูบจริงไหม?) ก็แค่เอาปากแตะนิดเดียว ก็รู้สึกเฉยกว่าที่คิด(หัวเราะ) เพราะว่าเป็นงาน คือทุกคนกดดัน คือทุกคนเร่งๆ ให้จบซีนนี้แล้วเปลี่ยนซีน ทำให้เราไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่เราคิด เพราะเราเครียดด้วย จะตึงๆ เวลาทำงานต้องใช้สมาธิสูง เพราะว่าต้องเปลี่ยนบทตลอดเวลา ซึ่งเราก็ต้องตามให้ทันให้ได้”
ปลื้มมีโอกาสแต่งเพลงประกอบซีรี่ย์ และทำมิวสิควิดิโอ
“ใช่ครับ อย่างที่บอกว่าไมค์ดูแลหมดเลย ส่วนสไตล์เพลงอย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่มีความเป็นเกาหลีเลย แต่เป็นเด็กไทยที่เรียนในโรงเรียนอินเตอร์ ก็จะดูฝรั่งหน่อย เนื้อเรื่องมันก็จะดูเอเชีย เพลงก็จะไม่ใช่แนวเกาหลี จะเป็นโซนแนวอเมริกามากกว่า ซึ่งล่าสุดก็ไปกำกับเอ็มวีมา เหนื่อยมาก ก็ทั้งหมดมี 3 เพลง เขามีงบมาให้ทำ ตอนนี้เข้าเนื้ออยู่ครับ(หัวเราะ) เพราะไมค์ทำเต็มที่มาก คือไมค์ทำอะไรก็อยากให้ดีที่สุดไปให้ไกลที่สุด”
“ไม่ใช่ผมเก็บเงินนะ เพราะผมทำงานไม่ได้ห่วงเรื่องเงินมาก เพราะผมทำงานด้วยความชอบมากกว่า อย่างเวลาผมรับงาน ผมก็จะรับด้วยความชอบ ถามว่าเป็นฟรีแลนซ์ตอนนี้มันก็ได้ 2 แบบ คือเราต้องลงมาดูตัวเลขเอง ทุกอย่างก็ค่อนข้างที่จะเหนื่อยคือไม่ค่อยได้เงิน เพราะว่ามันเป็นเรื่องเงินหลายๆ อย่างมันจะปวดหัว แต่ความชอบก็คือเรามีอิสระ”
เปิดใจตั้งแต่ไม่มีสังกัดงานเยอะขึ้น
“เยอะขึ้นมากเลย คือยังบ่นกับตัวเองเลยว่าทำไมรับงานบ้าขนาดนี้ เราไม่ได้พักเลย ไม่ได้เจอใครเลย ไม่ได้พักผ่อนเพราะปกติไมค์จะแบ่งเวลาให้ตัวเองไปฟิตเนส อย่างยิ่งเร่งปิดกล้องเราก็จะกดดันตัวเอง จริงๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับเหมือนมันเป็นช่วงที่เข้ามาเอง คือมันเข้ามาชนกัน ก็เลยเยอะหลายอย่าง ก็จะมีหนังผีเรื่องฮาชิมะโปรเจกต์ วันที่ 31 ก็จะออกฉายแล้ว แล้วก็จะมีซีรี่ย์ฟูลเฮ้าส์ พอจบซีรี่ย์ฟูลเฮาส์ แล้วก็เรื่องรากบุญ ทางช่อง3”
“แต่เพลงก็ยังไม่ทิ้ง ก็จะมีแซมๆ อย่างทำเพลงให้เรื่องฟูลเฮ้าส์ มันสนุกครับ เหมือนเราได้เรียนรู้ ผมคิดว่าผมน่าจะไปสายนี้ คือแนวกำกับ อย่างตอนนี้ก็เริ่มด้วยการกำกับเอ็มวีไปก่อน อย่างอีเวนต์ผมก็นานๆ รับที 2 เดือนรับครั้ง ส่วนละครขอเป็นปีหน้าแล้วกัน คือเสียดายเหมือนกัน เหมือนมีหลายอันที่เขาติดต่อเข้ามาว่ามาเล่นให้หน่อยได้ไหม แต่ไมค์ติดปัญหาเรื่องคิวค่อนข้างมาก คือมันชนกันหมดเพราะด้วยความที่ไมค์เป็นฟรีแลนซ์ด้วย”
ทั้งนี้ เจ้าตัวยังอัปเดตเรื่องหัวใจให้ฟังอีกว่าโสดสนิทเพราะทำงานจนไม่มีเวลา เผยสเปคไม่ต้องสวยแค่เข้าใจกันก็พอ
“โสดมานานสักพักแล้วครับ คือก่อนหน้านั้นเป็นข่าวเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใคร คือทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา อย่างที่บอกว่าทำงานจากกองกลับถึงบ้านก็ประมานเที่ยงคืน แล้วต้องตื่นตี 4 ครึ่งมาถึงกอง 6 โมงครึ่ง นอนแค่ 4 ชั่วโมง ไม่มีเวลาแน่นอน แถมเวลาอยู่ในกองผมแทบจะไม่ค่อยจับโทรศัพท์เลย แล้วก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด”
“กอล์ฟ(พี่ชาย)ผมเองก็อิจฉาเขา(หัวเราะ) แต่ผมก็เข้าใจว่าเป็นช่วงของอายุ เพราะผมห่างกับเขา 3 ปี มันก็คงถึงช่วงเวลา อย่างผมก็คงต้องหาอะไรใหม่ๆ คือผมเป็นคนที่ไฮเปอร์ต้องทำอะไรเยอะมาก แล้วคนที่จะอยู่ตรงนี้กับผมได้ ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์ไมค์ว่างานมาก่อนแค่นั้น ไม่เหวี่ยงไม่เยอะเข้าใจกันก็พอ ไม่เกี่ยวว่าสวยไม่สวย แค่เข้าใจกันคอยซับพอร์ต สเปคเป็นต่างชาติก็ดี ในอนาคตเผื่อถ้าใช่ก็ใช่ แต่ว่าผมคงจะลุยงานก่อนเพราะว่ามีอีกหลายอย่างที่ผมอยากจะทำ เพราะว่าพ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอด ก็รีบๆ ทำตรงนี้ให้เยอะแล้วกันทำทีเดียว จะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเยอะๆ”
ที่มา: manager.co.th