Author Topic: “บอย” ควง “บี้” เปิดใจ “ข้างหลังภาพ” ฉบับบรอดเวย์  (Read 586 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“บอย” เผยซุ่มทำโปรเจกต์ข้างหลังภาพฉบับบรอดเวย์มา 2-3 ปีแล้ว แต่ที่ไม่บอกเพราะหลายอย่างยังไม่ชัดเจน สุดดีใจต่างชาติชอบพร้อมชมหนุ่ม “บี้” เก่ง ปลื้มมองคนไม่ผิด รับเปลี่ยนเนื้อหาแต่ยันคุณค่าไทยเต็มเปี่ยม ด้านนักแสดงหนุ่มเผยใช้เวลาเป็นปีก่อนตัดสินใจเหตุอ่อนภาษา บอกเคยท้อ เคยถอดใจถึงขั้นเดินร้องให้บนถนน
          
          เป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาไม่น้อยทีเดียวหลังก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทางฟากผู้กำกับละครเวทีคนดัง “บอย ถกลเกียรติ” เตรียมโกอินเตอร์ด้วยการนำบทประพันธ์ “ข้างหลังภาพ” ไปทำเป็นละครบรอดเวย์ในชื่อ “Behind The Painting” โดยมี “บี้ สุกฤษฏิ์” รับบทเป็น “นพพร” พระเอกของเรื่องร่วมกับนักแสดงต่างชาติและเตรียมที่จะจัดแสดงในช่วงต้นปีหน้านั้น
       
          ล่าสุดทางฟากของ บอย ถกลเกียรติ พร้อมหนุ่มบี้ก็ออกมาให้ข่าวถึงเรื่องนี้แล้ว โดยบิ๊กบอสซีเนริโอฯ เผยว่าได้เตรียมทำโปรเจกต์นี้มาประมาณ 2-3 ปีแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ออกมาให้ข่าวเพราะยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น ส่วนที่ข่าวบอกว่าจะมีการแสดงในปีนั้นแท้จริงแล้วเป็นการไปนำเสนอให้คนในวงการบรอดเวย์ได้ดูต่างหาก
       
          “ตามที่ได้มีข่าวหลุดรอดออกมาว่าจะมี ละครเวทีเรื่อง Behind The Painting ไปเล่นที่บรอดเวย์ ซึ่งมาจากละครเรื่องข้างหลังภาพที่เราเคยทำกัน เมื่อปี 2008 ก็ยอมรับครับว่ามีโครงการนี้เกิดขึ้นจริง นำแสดงโดย บี้ สุกฤษณ์ นั่นจริง กำกับการแสดงโดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ นั้นจริง ซึ่งมีประมาณ 2-3 ปีแล้ว แต่เราไม่ได้บอกข่าวอะไรออกไป เพราะมันยังมีความไม่แน่ไม่นอนหลายอย่างอยู่ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างชัดเจนในหลายสเต็ปแล้ว”
       
          “มันไม่ใช่ว่ากำลังจะเล่นในต้นปีหน้าเหมือนกับที่มีข่าวออกไป การออดิชันที่ผ่านมานั้นเป็นการออดิชันเพื่อจะทำแล็บ ทำพรีเซนเตชันให้คนในวงการบรอดเวย์ได้ดูกันในปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ด้วย 2-3 ปีที่ผ่านมาฝรั่งเขามาเห็นงานของเราเขาก็ชื่นชมชื่นชอบ เขาบอกว่าจะเป็นไปได้ไหมที่จะเอางานของเรามาทำเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เพื่อจะเอาไปแสดงที่อเมริกา”
       
          “เราก็บอกดีเลยสิ เราเองชอบอยู่แล้ว มันเป็นโอกาสที่ดี เขาก็ชอบในเรื่องข้างหลังภาพมาก เขาว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าถึงคนอเมริกาได้ง่าย ในตอนนั้นที่เราทำมันก็มีเรื่องของการเมืองสอดแทรกอยู่เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเขาสนใจ”
          
          บอกต่างชาติเป็นผู้กำหนดตัวละคร “นพพร” ว่าต้องเป็น “บี้”
          “อีกสิ่งนึงที่เขาชี้มาเลยว่าคนที่เล่นเป็นนพพรคนนี้คือใคร ก็เลยมาถึงตรงบี้ เขาก็บอกว่าเขาชอบบี้มากเลยนะ เขาบอกว่าบี้มีอะไรบางอย่างที่หายากมากในนักแสดง เขาบอกว่าบี้มีความจริงใจในการแสดง ซึ่งหาไม่ได้เลยในนักแสดงอเมริกา เราก็เลยลองพัฒนากันดูในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนที่มาทำบท คือ ริชาร์ด มัลต์บี คนที่มาทำเพลงคือ เดวิด เชียร์ซึ่งเป็นไอดอลในดวงใจของผมมาตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนอยู่ที่อเมริกาแล้ว ซึ่งบี้เองก็ได้ไปเล่นให้เขาดูมาแล้ว 2 ครั้ง”
       
          “ก่อนหน้าที่จะมีการอ่านบทกับนักแสดงบรอดเวย์ร่วมกันเพื่อทำพรีเซนต์ให้คนในวงการบรอดเวย์ประมาณร้อยกว่าคนได้ดูกัน ปรากฏว่าทุกคนชอบกันมากๆ เขาบอกว่าบรอดเวย์มันขาดแบบนี้มานานมากแล้ว สิ่งที่เราปราบปลื้มมาเลยเขามองมาที่บี้แล้วถามว่าคุณเป็นใคร ทำไมถึงเก่งได้ขนาดนี้ ทำไมคุณถึงทำได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาคนก็จะค่อนแคะว่าบี้เป็นลูกรักผมอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผมบอกเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมองเห็นหลายอย่างในตัวเขาในสิ่งที่คนอื่นไม่มี เขามีเสน่ห์เฉพาะตัวซึ่งทุกอย่างที่เขามีเขาได้แสดงให้ทุกคนในระดับบรอดเวย์ได้เห็นแล้ว ซึ่งฝรั่งเห็นเขาเห็นเหมือนที่ผมเห็นในตัวบี้”
       
          “เราเองทำงานละครเวทีมาก็พักใหญ่ เราเองก็ไม่เคยรู้หรอกว่าเราเองเป็นยังไง จนวันนี้มีคนมาบอกว่าเราเก่ง เราเป็นตัวจริง เขาชื่นชมการแสดงของนักแสดงไทย ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไป ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่แรกเกิด แล้วต้องมาร้อง มาแสดงได้ขนาดนั้น เทียบกับนักแสดงบรอดเวย์ในแบบมาตรฐานได้อยากไม่เคอะเขิน แล้วเล่นได้ดี เอาคนดูอยู่ เขาบอกเลยว่าไอ้เจ้านี่ไม่ธรรมดา มันเป็นสิ่งที่เราดีใจ มันทำให้เรารู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว เราเองได้ผ่านด่านยากๆ มาแล้วด้วยดี แต่เราจะไปถึงได้เล่นบรอดเวย์ไหมยังไม่รู้ ยังไม่มีใครตอบได้ มันยังอยู่ในขั้นตอนของระบบ แต่ตอนนี้เราทำงานกับตัวท็อปของบรอดเวย์ ซึ่งมันเป็นที่สิ่งน่าภาคภูมิใจมาก คำชมที่เรารู้สึกภาคภูมิใจอีกอันก็คือเขาไม่สามารถละสายตาจากการแสดงของเราได้”
       
          เผยบทในเรื่องบทมีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้เข้ากับคนอเมริกาแต่ไม่ทิ้งโครงเรื่องเดิม โดยต้องการนำเสนอความสวยงามคุณค่าของวัฒนธรรมไทย...“ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่แทบทั้งหมด แต่ยังคงไว้ในฉากสำคัญๆ อยู่ ยังมีเด็กผู้ชายที่นพพร มีน้ำตกมิตาเกะ ไปรักกับผู้หญิงที่อายุมากกว่า แล้วนางเอกต้องตายแบบนี้ยังมีอยู่ ยังมีความเป็นเด็กไทยที่ไปเรียนญี่ปุ่นอันนี้ยังมี แต่สิ่งที่ทำจะปรับให้เข้ากับคนอเมริกาก็คือจะต้องมีตัวละครตัวนึงที่เป็นคนอเมริกาเพื่อดึงคนดูเข้าสู่เรื่อง”
       
          “เราก็มาลงตัวที่นางเอก จึงให้นางเอกชื่อแคทเทอรีน แน่นอนคนจะต้องกลัวกันว่าจะสูญเสียความเป็นไทยแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นในข้างหลังภาพเวอร์ชันนี่คือมันสะท้อนให้เห็นความเป็นไทยเสียมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ด้วยคาแรกเตอร์ของนพพรเป็นเด็กอายุ 22 ปี ตอนปี 1993 ซึ่งเป็นปีหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง เขาจะพูดว่าเขาเบื่ออยู่ประเทศไทย เขามีกิริยามารยาทดีงดงาม แต่ว่าน่าเบื่อ เขาอยากเป็นอเมริกา เขาอยากโมเดิร์น เขาดีใจที่ประเทศไทยเปลี่ยนเป็นโมเดิร์น”
       
          “การที่เขาได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้ไปอยู่ในประเทศที่โมเดิร์นที่สุดในเอเชีย พอวันนึงเขามาเจอแคทเทอรีน เขาก็ยิ่งชอบ อยากจะเป็นอเมริกา เพราะอเมริกาคือโมเดิร์น แคทเทอรีนคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้มาบอกกับเขาว่าวัฒนธรรมและประเพณีของสยามนั้นงดงามมากเลย ทำไมคุณถึงไม่มองเห็นในความงามต่างๆ ที่มีอยู่ได้ทั่วไป อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันรึเปล่า ทำไมคุณถึงไม่เลือกที่จะมองเห็นความงามต่างๆ เหล่านั้นรอบๆ ตัวคุณ”
       
          “กลายเป็นว่าเด็กผู้ชายไทยคนนี้ที่คิดว่าจะเป็นอเมริกาพอมาเจอผู้หญิงคนนี้ทำให้เขากลับมองย้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรม และรากเหง้าของความเป็นไทยในตัวเอง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นใน Behind The Painting เราก็อยากให้เขาได้รู้จักวงการบันเทิงไทยของเราบ้าง สุดท้ายของเรื่องนี้เราอยากจะบอกว่าวัฒนธรรมไทยมันสวยงามยังไง บางทีคนไทยเองก็ยังไม่เห็นเลยว่าวัฒนธรรมไทยเรามันสวยงามยังไง มีแต่ต่างชาติเขามาบอกว่าวัฒนธรรมไทยเราสวยงาม”
       
          “มีหมดครับนาฏศิลป์ไทยอะไรเราจับลงในเรื่องนี้หมด นาฏศิลป์ไทยมีอยู่ใน Behind The Painting ครับ ถ้าจะไม่ให้มีอยู่ในหลักสูตรมันจะไปอยู่ในมิงสิคเคิลนี่แหละครับ เดี๋ยวแคทเทอรีนจะมารำนาฏศิลป์ที่น้ำตกมิตาเกะให้ได้ดู”
       
          ด้านหนุ่ม “บี้ สุกฤษณ์ วิเศษแก้ว” เผยตัดสินใจอยู่เป็นปีก่อนที่จะตัดสินใจรับเล่น บอกตอนนี้เร่งฝึกภาษาเพราะยังติดเรื่องของสำเนียง...“ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือก พอมารู้ตัวก็ตัดสินใจอยู่นานมาก ใช้เวลาอยู่เกือบเปีเลยทีเดียว ว่าจะไปหรือไม่ไป เพราะงานตอนนั้นเราเองก็หนักหน่วงมาก ภาษาเราเองก็ไม่ได้แข็งแรง ไหนจะเรื่องการร้องการเต้น เราก็คิดว่าเราจะทำได้ไหม ก็ไปลองฝึกฝนตัวเองดู”
       
          “ก็ฝึกร้อง ฝึกเต้นฝึกภาษา พอเห็นว่ามันพอไหวก็ไปแสดงให้เขาดูก็ได้รับคำคอมเมนต์ต่างๆ มา เราก็เอามาแก้ไข แล้วก็เรียนต่อ ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเราจะไปดีรึเปล่า ก็ปรึกษาเจ้านาย ทีมงาน พ่อแม่พี่น้อง คนรอบๆตัวทุกคนที่พอจะปรึกษาได้ สุดท้ายก็โอเค เอาก็เอาถือเป็นโอกาสที่ดี หลายๆ คนเองก็อยากจะไปอยู่ตรงนี้ เก็บความฝันของพวกเราเอาไว้ เอาความฝันของพวกเราไปทำให้มันเป็นจริงหน่อยเถอะ ยังมีชื่อเสียงของประเทศชาติด้วย มันยิ่งใหญ่มากจริงๆ สุดท้ายก็โอเคตกลงไป”
       
          “ก็ฝึกอยู่นานครับ มาตัดสินใจจริงจังก็ปีกว่าๆ แต่ก่อนหน้านี้ทางต้นสังกัดผมก็จะสอนให้นักแสดงทุกคนฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา ฝึกร้อง ฝึกเต้น เข้าฟิตเนส ทุกคนจะเข้าฝึกแบบนี้กันหมดอยู่แล้ว ใครที่มีโอกาสอยากจะฝึกอะไรเพิ่มเติมอีกก็ได้เต็มที่เลย ผมก็เลือกฝึกภาษาเพิ่ม ก็ยังไม่รู้หรอกว่าเอาไปทำอะไรต่อ เผื่อวันนึงที่มันมีงานตรงกับตรงนี้ได้ก็จะได้เป็นตัวเลือกที่ดี ก็แจ๊กพ็อตเลยกับงานนี้ ตอนนี้ก็เน้นเรื่องการฝึกภาษากับการร้องเพลง”
       
          “ตอนวันนี้รีดดิ้งพรีเซนเตชันผมตื่นเต้นมากแต่ฝรั่งเขาไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย เขาดีใจที่เขาจะได้ทำในสิ่งที่เขารัก เราก็เอาแล้ว มีเราตื่นเต้นอยู่คนเดียว ผมก็นั่งทำสมาธิ นึกถึงพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ผมเชื่อว่า ณ จุดนั้นที่นิวยอร์กก็คงจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ก็บอกกล่าวอุทิศบุญให้ท่าน เผื่อท่านจะช่วยเหลือเราบ้าง ตอนที่ได้ยินฟีดแบ็กก็ดีใจครับ แต่มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแล้วก็ไม่รู้จะไปถึงตรงไหน เราเองก็ภาวนาให้มันไปถึงจุดที่เราฝันคือบอร์เดเวย์ มันยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ผมเองจะไม่คิดถึงเรื่องของการทำให้ตัวเองกดดัน ผมคิดแค่ว่าผมจะพาความฝันของทุกๆ คนไป”
       
          “ในเรื่องของภาษาเองก็ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องของสำเนียง พูดอย่างไม่อายเลยว่าภาษาอังกฤษผมลอกเพื่อนมาตลอด ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยมยันเข้ามหาวิทยาลัยภาษาอังกฤษผมลอกเพื่อนมาตลอด ตอนมหาวิทยาลัยที่บางมดจะมีบางวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็จะไปแอบยืมที่เขาแปลมากแล้วมาอ่าน เพราะผมอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง พอเรียนจบผมก็ทิ้งเลย ผมคิดว่าผมคงไม่ได้ใช้มันหรอก เพราะผมเป็นคนไทย แต่ทางบริษัทเขาให้เรียนก็เรียนไปงั้นๆ แหละ ในใจก็คิดว่าคงไม่ได้ใช้ แต่ก็เรียนๆ ไปเผื่อวันนึงจะได้มีปาร์ตีกับฝรั่งแล้วคุยกับสาวรู้เรื่องบ้าง มันคิดอยู่แค่นี้จริงๆ จนมาวันนี้ก็แจ๊กพ็อตแตก ก็เลยต้องมาเร่งเรียนภาษากันใหญ่เลย มันเป็นสิ่งที่เราไม่คาดฝันว่าเราจะมาไกลได้ขนาดนี้”
       
          รับมีท้อ ถอดใจอยู่หลายครั้ง ถึงขั้นเดินร้องไห้ตามท้องถนนในนิวยอร์คฯ
          “เรื่องถอดใจนี่มีบ่อยครับ ยิ่งในช่วงตัดสินใจนี่แหละครับ ตอนพฤศจิกายนปีที่แล้วหนักมาก ตอนช่วงที่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ เป็นช่วงที่ไปลองดูว่ามันเป็นยังไง ตอนที่ทางนั้นชี้แล้วว่าเป็นเราแต่เขากำลังรอคำตอบอยู่ มันมีท้อ มีถอดใจมากมาย กลับมาแล้วไป แล้วก็ท้อ ก็จะเห็นผมเหมือนกำลังเล่นเอ็มวี เดินร้องไห้ที่ถนนในนิวยอร์คอยู่บ้าง เล็กๆ น้อย มีซีนแบบนั้นบ้างเกิดขึ้นในชีวิต จนสุดท้ายที่ตัดสินใจ”
       
          “เหมือนผมไปตัวคนเดียวโดดๆ ทุกอย่างต้องไปเริ่มไปหมด ต้องไปสรรหาเพื่อนวัยเดียวกัน ต่างวัย คุยกันก็คุยไม่รู้เรื่อง สถานที่ต่างๆ ก็ไม่รู้จัก แม้จะเคยไปเที่ยวบ้างแต่ก็งงๆ ไปเคว้งขว้างอยู่ในโลกกว้าง แล้วพอไปทำงานจริงๆ มันค่อนข้างยากกว่าที่เราคิดไว้เยอะ เวลาเขาเป๊ะมาก เลทไม่ได้เลย ความเครียด ความกดดันมีเยอะ ด้วยคำร้องที่เราไม่คุ้นเคย ภาษาก็ค่อนข้างจะแปลก พูดไปก็ลิ้นพันกัน แล้วเจอเขาร้องกันมาเต็มห้อง เราก็โอ้ย…ตายแล้ว ตอนนี้ผมก็พอร้องได้แบบเขาบ้างแต่ก็ไม่ถึงเขา”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)