“เจมี่ บูเฮอร์” พร้อมหุ้นส่วนธุรกิจเครื่องสำอาง โร่ร้อง ปอท.ถูกคู่แข่งเล่นสกปรก ด้วยการโพสต์ข้อความใส่ความทางไลน์และเฟซบุ๊กทำลายความน่าเชื่อถือและทำให้เกิดความเสียหายนับล้าน ลั่นเจอกันที่ศาลอย่างเดียว ประกาศจะเดินหน้าเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สำหรับนักแสดงสาว “เจมี่ บูเฮอร์” หลังเจ้าตัวออกมาเผยว่า ถูกบริษัทคู่แข่งธุรกิจด้านเครื่องสำอางเล่นสกปรกด้วยการโพสต์ข้อความทางไลน์และเฟซบุ๊ก ทำให้ธุรกิจของตนได้รับความเสียหาย โดยล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา เจมี่ ได้ควงหุ้นส่วน “เป๊กกี้ พรนิภา อำคาแก้ว” กรรมการผู้จัดการ หจก.เจริญศิริรุ่งเรื่อง เข้าร้องเรียบกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับคู่กรณี พร้อมลั่นจะไม่มีการเคลียร์นอกรอบ ให้ไปสู้กันที่ศาลอย่างเดียว
เป๊กกี้: “เมื่อประมานวันที่10 ตุลาฯที่ผ่านมามีบริษัทไม่ขอเอ่ยนาม มีการโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จในโซเชียลเน็ตเวิร์คพาดพิงถึงบริษัทเป๊ก ซึ่งตอนนี้บริษัทพริตตี้ซีเคร็ทในเครือของเป๊กกี้ได้ร่วมมือกับพี่เจมี่ทำครีมsnail star ซึ่งตอนนี้ได้รับความเสียหายและความน่าเชื่อถือ ซึ่งข้อความดังกล่าวระบุคร่าวๆ ได้ความว่า เป๊กไม่ได้เป็นตัวแทนรับรองจากบริษัทนั้น แล้วก็ไม่ได้จำหน่ายสินค้านั้น แล้วก็เกิดใครได้รับสินค้าจากเป๊ก บริษัทจะไม่รับรองความเสียหายอะไรเลย”
“ซึ่งความเป็นจริงแล้วบริษัทเป๊กข้อที่1ไม่ได้จำหน่ายสินค้าของบริษัทนั้นเลย 2 เราไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทนั้นเลย ซึ่งตอนนี้ทำให้ลูกค้าทั้งประเทศหรือพาทเนอร์ทางธุรกิจขาดความน่าเชื่อถือในตัวเป๊ก เขาก็งงว่าเป๊กทำอย่างนั้นจริงๆเหรอ คือเขาดิสเครดิตเราเป็นอย่างมาก จากการกระทำของเขาที่เป๊กกับพี่เจมี่ได้รับ 1 คือขาดความน่าเชื่อถือ 2 สร้างความเสียดายให้กับบริษัท ทำให้ลูกค้ามีการชะลอในการสั่งซื้อสินค้า รวมถึงในการที่จะมาพูดคุยทางธุรกิจ และภาพลักษณ์นี้สำคัญมากเพราะเราต้องไปหาลูกค้าทั้งประเทศแล้ว ทำให้เกิดปัญหากระทบหลายด้านเพราะอีกอย่างพี่เจมี่ก็เพิ่งมาทำ ทำให้เสียภาพลักษณ์และก็ดูด้อยหลายๆ ด้านทันที แล้วเราก็ทราบค่ะว่าเป็นบริษัทไหนทำ”
เผยคู่กรณีติดต่อมาเคลียร์แล้ว แต่ตนอยากให้ศาลจัดการมากกว่า
เจมี่: “เขามีติดต่อมา แต่เราอยากให้วิธีการยุติธรรมไปทางศาลมากกว่า เราไม่คุยแล้วเพราะแค่โทร.มาครั้งเดียวมันง่ายไปรึเปล่า ก่อนเจมี่แจ้งความไม่ค่ะเพราะว่าไม่จำเป็น คือเราไม่เคลียร์ดำเนินทางกฎหมายอย่างเดียวเลย ก็ปล่อยเป็นเรื่องของทนาย”
เป๊ก: “คือเขาไม่รู้ว่าเรามาแจ้งความ เอาตรงๆ เลยคือเรา 2 คนไม่ผิด เราไม่ได้ขายหรือจำหน่ายหรือโจมตีเขา คือถ้าเรามีกรณีเราโอเคมาว่ากันคือเรางงอยู่ดีๆ มายุ่งเกี่ยว ก็ยังไงเราก็อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำที่ผิด เรา 2 คนไม่ได้รู้เรื่องเลย ก็อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจ”
เขาเป็นคู่กรณีทางธุรกิจหรือเปล่า?
เป๊ก: “คือจริงๆ สินค้าของเรากับเขาคนละอย่างกัน ก่อนอื่นต้องแจ้งให้ก่อนเลยว่าเป๊กมีฉายาว่ามะหาดร้อยล้าน มีสื่อหลายๆ ที่รู้จักเป๊กว่าขายเกี่ยวกับครีมบำรุง แล้วที่สำคัญตอนนี้รับสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้าของศิลปินดาราหลายท่านเลย ซึ่งล่าสุดเป็นครีม snail star ของพี่เจมี่ และเป๊กก็เป็นผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป๊กเป็นหัวในการเป็นตัวแทนของบริษัทดังๆ ต่างๆ ทำให้เป๊กหมดความน่าเชื่อถือด้วย”
เจมี่: “ซึ่งครีมของเจมี่ออกจำหน่ายไปได้ 3 อาทิตย์ เหมือนมันกำลังจะขยายขึ้น พอมีเอฟเฟกต์อะไรนิดนึงมันก็จะโดนหนักมาก ลูกค้าก็จะเอ๊ะว่ายังไง คือมันเลยทำให้เรามีความจำเป็นต้องมาร้องเรียน”
เป๊กกี้: “เราไม่ได้มีปัญหากับเขาเลย เราขอพูดในฐานะนักธุรกิจเลยว่าสินค้ายี่ห้อนี้แรง ซึ่งเป๊กกับพี่เจมี่ก็เสียใจคือเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราสู้และดำเนินด้วยความตั้งใจ”
เจมี่: “เอาจริงๆ นะ บริษัทเป๊กเป็นบริษัทใหญ่ก็เลยเป็นคู่แข่งกับหลายคนก็เป็นไปได้”
ยันสินค้าของตนมี อย. อย. และ สคบ. (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค)
เป๊กกี้: “ต้องบอกว่าสินค้าของหนูทุกรายการ 1 ลงหน้านิตยสารทุกหัว ซึ่งต้องผ่านการปรู๊ฟจากนิตยสารมาก่อนอยู่แล้ว คือถ้าไม่ดีจริงไม่ได้ออกสื่อขนาดนี้ 2 สินค้าเราตรวจสอบได้ทุกตัว แล้วก็ดาราเซเลบใช้จริง อย. , สคบ. ครบถ้วนแน่นอน และเราไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกับใครแน่นอน”
ความเสียหายตอนนี้เป็นล้าน
เป๊กกี้: “ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องมาก็ประมาน 30 เปอร์เซ็นจากยอด ก็เป็นล้าน คือของมันกำลังวิ่งเลย พอมีข่าวออกไปก็มีลูกค้าโทร.หาพี่เจมี่เยอะมากว่าเกิดไรขึ้น วันนี้เราก็เลยมาขอความเป็นธรรมและอยากให้สื่อรับทราบความเป็นจริงทุกอย่าง และเป๊กต้องการให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่าเรายังมีความน่าเชื่อถืออยู่”
เจมี่: “เมื่อคืนก็มีนักข่าวโทร.มาเยอะว่าใครแกล้งอะไร คือเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคงงและมีความชะลอในการซื้อจากที่มันกำลังจะพุ่ง”
ไม่รับปากว่าถ้าอีกฝ่ายออกมาขอโทษผ่านสื่อตนจะจบไหม
เป๊กกี้: “ยังไงก็ขอปรึกษากันก่อนเพราะยังไม่อยากตอบอะไรตอนนี้ กลัวมีผลกับรูปคดี”
ที่มา: manager.co.th