Author Topic: น้องเขย ดับเครื่องชนประกาศฟ้อง “จา” เรียกส่วนแบ่งหนังองค์บากคืน 10 ล้าน  (Read 566 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ครอบครัว “จา พนม” ออกรายการ วอนจากลับบ้าน ด้าน “โจ” น้องเขยจา ดับเครื่องชนบอกแจ้งความ “จา-บุ้งกี๋-แม่บุ้งกี๋” ทำร้ายร่างกายแล้ว ต่อไปนี้คุยกันที่ศาล พร้อมกับประกาศฟ้องพระเอกนักบู๊เรียกส่วนแบ่งหนังองค์บากคืน 10 ล้าน
       
       หลังจากที่ “นายทองดี ยีรัมย์” พ่อของ “จา พนม ยีรัมย์” พร้อมด้วย “นางรินทร์ ยีรัมย์” แม่ของจา “ทวีศักดิ์ ยีรัมย์” พี่ชายของจา และ “โจ ธรัช ศุภโชคไพศาล” น้องเขยของจา ออกมาเผยกับทีมข่าวบันเทิง “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ยืนยันไม่ได้รุมทำร้ายร่างกาย “บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์” ภรรยาจาอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหา มีแต่บุ้งกี๋กับจาที่ทำร้ายเตะต่อยและผลักจนพ่อกระเด็นกอดขา ส่วนโจน้องเขยก็บอกว่าตนมีอาการเลือดออกในสมอง หากไม่หยุดต้องทำการผ่าตัด พร้อมปฏิเสธไม่ได้ลักพาตัวจา และจากำลังจะเดินตามไปขึ้นรถ แต่บุ้งกี๋เข้ามาห้าม โต้พ่อจาไม่ได้ต่อยบุ้งกี๋ แต่อีกฝ่ายอาจโมโหจนเลือดตาแตก ก่อนตั้งข้อสงสัยว่าที่จาเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะโดนของหรือโดนมอมยา
       
       ล่าสุดครอบครัวของจาก็เดินทางมาอัดรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ออกอากาศทางช่องสตาร์แม็กซ์ อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง โดยยืนยันว่าการตามหาจาในทุกๆ ครั้ง ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง
       
       พ่อจา : “ไม่เคยคิดเลย แต่เราไม่เข้าใจว่าเวลาที่เราจะไปหาจา ทำไมแม่เมียเขาถึงมากันเราตลอด จะมากีดกันอะไรกันนักหนา ครอบครัวเราเอาตัวออกจากเขาไม่ได้เลย”
       
       ยอมรับตอนแรกคิดว่า “จา” โดนของ แต่ตอนนี้คิว่าเป็นเพราะสันดานจาเองมากกว่า
       พ่อจา : “อันนี้ก็ไม่รู้นะ แต่ก็มีคิดๆ เหมือนกัน แต่หลังๆ ก็คิดว่าเป็นเพราะตัวจาเองมากกว่า จาทำไม่ถูกเอง เลิกเชื่ออย่างนั้นแล้ว แต่คงเป็นเพราะสันดานของจามันเอง เขาเชื่อลูกเมียเขามากกว่าพ่อ”
       
       โจ น้องเขยจา : “อันนี้เราไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าเขาเชื่อลูกเมียมากกว่าเชื่อพ่อ เรื่องไสยศาสตร์ผมไม่เชื่อเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าคนเขาเป็นพ่อลูกกัน ในเมื่อพ่อเขาอยากจะคุยกับลูกเขาแล้วมันติดอะไร ทำไมถึงโทร.คุยกันไม่ได้ พ่อไม่สบาย โทร.ไปตามจากับทีมงาน เขาก็โทร.มาด่าบอกให้ตายๆ ไป”
       
       พ่อจา : “บุ้งกี๋มันพูดไง”
       
       โจ น้องเขยจา : “แต่ละครอบครัวเขาก็มีปัญหาไม่เหมือนกัน แต่ละประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อเนอะ บ้านผมเองเขาก็มีความเชื่อกันอีกแบบนึง เรามีพิธีประจำปีของเรา คิดดูว่าถ้าลูกไม่กลับมาไหว้บรรพบุรุษ 2 ปีแล้ว คิดดูว่าคนในครอบครัวเขาจะคิดยังไง แล้วจาเขาเป็นคนสำคัญ เป็นลูกหัวแก้วหัวแหวน เป็นคนที่สร้างชื่อเสียง มันไม่ใช่จะมามองแต่เรื่องเงิน เงินมันก็เยอะจริงเราไม่เถียงหรอก แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าที่พ่อเขาคิดถึงลูกเขาหรอก พ่อเขาอยากจะสอนลูกเขา เขามีเรื่องจะคุยกับลูกเขา”
       
       ตกลงที่อยากจะเจอ “จา” เพราะอะไรกันแน่?
       พ่อจา : “เราอยากจะคุยกับลูกเพราะปัญหาในครอบครัวของเรา คือเรื่องของปะกำช้าง เพราะจาอยู่กับช้างมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วจาเขาขาดปะกำช้างมา 2 ปีแล้ว มันผิดบรรพบุรุษ ทำให้เขาสับสน เรื่องนี้พ่อพูดไปใครจะไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไรนะ พอจาไม่มาทำพิธีปะกำช้าง บรรพบุรุษเขาก็มาลงกับพ่อ ทำให้พ่อป่วย แล้วจาเขาก็มาเป็นอย่างนั้น พ่อเลยอยากจะตามจาเขาไปเคลียร์ พอเสร็จแล้วจาจะกลับไปทำงานหาลูกหาเมียก็ไม่มีใครว่าอะไร”
       
       บอกถ้า “จา” ไม่ยอมไปทำพิธีปะกำช้างจะต้องโดนบรรพบุรุษลงโทษ แต่ไม่รู้จะลงโทษแบบไหน
       พ่อจา : “เจอแน่นอน บรรพบุรุษเขาจะลงโทษ แต่ก็ไม่รู้นะว่าเขาจะลงโทษแบบไหน”
       
       อย่างที่ผ่านมาคนรอบข้างบอกว่าจาจามีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่อยู่กะร่องกะรอย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลจากเรื่องนี้ด้วย?
       พ่อจา : “ใช่แล้ว เขาเป็นแบบนั้นเพราะอย่างนี้แหละ จามันต้องรับไปเพราะว่ามันได้ติดพ่อติดแม่มานี่แหละ พ้นรุ่นพ่อจาไม่มารับมันก็ส่งผลกระทบไปหมด ที่ต้องการมันก็มีแค่นี้แหละจริงๆ อยากเจอเขาแล้วก็อยากจะพาเขาไปสุรินทร์ไปทำพิธีให้เสร็จเรียบร้อย ปัญหามันมีแค่นี้”
       
       ด้านน้องเขย “โจ” ลั่นตอนนี้แจ้งความ “จา-บุ้งกี๋-แม่บุ้งกี๋” ข้อหาทำร้ายร่างกายไว้แล้ว พร้อมเผยพากันยกครัวทั้ง พ่อ-แม่-พี่ชาย-น้องสาวจา แจ้งความบุ้งกี๋ทำร้ายร่างกายเช่นเดียวกัน กร้าวตนฟ้องแน่ต่อไปนี้คุยกันที่ศาล
       โจ น้องเขยจา : “ผมแจ้งทำร้ายร่างกายอย่างแรก ก็แจ้งความบุ้งกี๋ จา แล้วก็แม่ของบุ้งกี๋เพราะผมโดนเขาทุบ ส่วนพ่อ แม่ แวว พี่ชายก็แจ้งความบุ้งกี๋ ถ้าเชื่อว่าครอบครัวเขาจะมาทำร้าย ต่อไปนี้ก็เจอกันที่ศาลอย่างเดียวเลยแล้วกัน เพราะสังคมเองเขาก็คงรับไม่ไหวแล้ว ที่เรามาตามเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร แล้วต่อจากนี้ไปมันก็มีเรื่องระหว่างจากับบริษัทไอยราฟิล์ม เรื่องนี้ผมฟ้องแน่ ผมจะไม่ปล่อยยาวแล้ว หลังจากที่ผมเก็บเงียบมา 3 ปี”
       
       “ที่ผ่านมาที่เก็บเงียบไว้เพราะไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหา ผมมีคอนแทกต์สัญญากับตัวจา ซึ่งมันมีรายได้ผลประโยชน์กันอยู่ แต่เรื่องพ่อแม่นี่ไม่เกี่ยวนะ ตั้งแต่จามีแฟน จาก็ถอนตัวออกจากบริษัทไป พอตอนแต่งงานแกไปเก็บผลประโยชน์มันไม่ถูกต้อง แกเก็บผลประโยชน์ก้อนนั้นไปให้ภรรยาแก โดยที่ไม่สนใจคำตกลงที่เคยตกลงกันไว้ ผมก็จะฟ้องในส่วนนี้ แล้วจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ที่ผ่านมาเจรจาผู้ใหญ่เขาก็ช่วยไกล่เกลี่ยตลอด ผู้ใหญ่ก็ช่วยเหลือเรากับจา เราเลยยังทำงานได้อยู่ทุกวันนี้ ผมว่ามันถึงเวลาที่จะต้องจัดการให้เด็ดขาดแล้ว”
       
       ผลประโยชน์ของไอยราฟิล์มที่ “จา” เอาไป บอกได้ไหมว่าเท่าไหร่?
       โจ น้องเขยจา : “ภาพยนตร์องค์บาก 3 เรามีผลประโยชน์อยู่ เรามีการแบ่งปันผลประโยชน์กัน 25 เปอร์เซ็นต์ของรายได้หลังจากหนังฉายเสร็จ ก็คงต้องให้ต้นสังกัดเขามาบอกให้ เท่าที่ทราบคือเขาไปรับด้วยตัวเอง องค์บาก 3 ซึ่งผู้ใหญ่ก็จ่ายแล้ว 10 ล้านให้เงินมาแล้วตอนที่จาจะแต่งงาน แต่จาเขาก็เซ็นรับไปเองคนเดียวแล้ว เราเองก็มีสัญญาและมีหลักฐานทั้งหมด จาเขารับไปตั้งแต่หนังเสร็จแล้ว ในรายได้หนังทั่วโลก ซึ่งจาเองเขาก็รับค่าตัวของเขาไปแล้ว แต่ทางบริษัทเรายังไม่ได้อะไร เราก็มาเอ๊ะเขามีสิทธิ์รับคนเดียวรึเปล่า ผมเองก็มีหลักฐาน มีหนังสือสัญญาครบถ้วน”
       
       แวว น้องสาวจา : “ผู้ใหญ่บอกว่าเขามารับไปแล้ว ซึ่งถ้าพี่จาเขายังอยู่ในบริษัทเขาก็ยังมีสิทธิ์รับ แต่ตอนนี้พี่เขาถอนหุ้นออกไปเอง โดยที่เขาไม่ได้บอกทางบริษัทเราเลย เขาถอนออกไปเองเมื่อ 2 ปีโดยที่เรามาทราบทีหลัง”
       
       โจ น้องเขย : “ถ้าตามหลักฐานของไอยราฯเขาไม่มีสิทธิ์รับ เพราะคุณจาเขารับในส่วนของค่าตัวไปแล้ว แต่ในเรื่องของส่วนแบ่งมันเป็นส่วนของไอยราฯที่ต้องแบ่งกัน แล้วจาเขาไปรับเองเสียก้อนหนึ่ง 10 ล้าน เราก็ต้องการความถูกต้อง จะฟ้องแพ่งฟ้องอาญาอะไรก็ว่ามา”
       
       ด้านพ่อจาวอนลูกชายกลับบ้านไม่อย่างนั้นจะฟ้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
       พ่อจา : “จาลูก...ถ้าลูกได้ยินพ่อให้กลับบ้าน กลับมาบ้านหน่อย กลับมาสัก 1-2 วัน หลายๆ เรื่องมันเป็นปัญหาของครอบครัวเรา พ่อก็อยากให้ลูกไป ถ้าลูกไม่ไปพ่อจะเอาเรื่องคดีทั้งหมดให้สุดขีดเลยนะ เพราะพ่อตามมานานแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าพ่อไม่บอก พ่ออยากจะพูดแค่นี้”
       
       แม่จา : “แม่ไม่มีอะไรจะพูด แค่อยากเจอลูก อยากเห็นหน้าลูก อยากเคลียร์กับลูกเพราะเราไม่ได้เจอกันมานาน 2 ปีแล้ว คิดถึงลูก ไม่อยากให้ลูกต้องทำความผิดไปมากกว่านี้อีก ไม่อยากเห็นลูกเดินทางผิด มีแม่ทีไหนไม่รักลูก อยากกอดลูก คิดถึงลูกมันไม่ได้เชียวหรือ แม่...พูดไม่ได้ ความตั้งใจของแม่คืออยากจะมาหาลูก แต่ทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
       

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)