Author Topic: “หมอโอ๊ค-โอปอล์” แถลงแต่งแน่ 6 เม.ย.ลบคำครหาสร้างกระแส  (Read 806 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=GLjb7S3ypi0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=GLjb7S3ypi0</a>

“หมอโอ๊ค-โอปอล์” แถลงแต่งแน่ 6 เม.ย.ลบคำครหาสร้างกระแส “หมอโอ๊ค-โอปอล์” แถลงแต่งแน่ 6 เม.ย.ลบคำครหาสร้างกระแส “หมอโอ๊ค-โอปอล์” แถลงแต่งแน่ 6 เม.ย.ลบคำครหาสร้างกระแส




“หมอโอ๊ค-โอปอล์” แถลงแต่งงานวันที่ 6 เมษาฯ 57 ฝ่ายหญิงเผยตัดสินใจแต่ง เพราะรู้สึกไม่อยากแยกจากกันกลับบ้านอีกแล้ว อยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และฝ่ายชายรักตนมาก ด้านหมอโอ๊คเชื่อในพรหมลิขิต
       
       เป็นคู่รักที่ต่างขั้วกันสุดๆ สำหรับ “โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ” พิธีกรเปรี้ยวซ่า กับ “หมอโอ๊ค นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล” คุณหมอนักร้องมาดนุ่ม จนใครๆ คิดว่าเป็นแค่การจับคู่สร้างกระแส วันนี้ทั้งคู่ได้ออกมาแถลงข่าวแต่งงานที่งานซ้อมคอนเสิร์ตดีเจออนสเตจ โดยในวันนี้โอปอล์มาในชุดเซ็กซี่ตามสไตล์ กำหนดแต่งงานวันที่ 6 เมษายน 2557 ฝ่ายหญิงเผยแต่งเพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะแยกจากกันกลับบ้าน อยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และรู้สึกว่าฝ่ายชายรักตนมาก ด้านหมอโอ๊คเชื่อในพรหมลิขิต สัญญาจะไม่โกรธกันข้ามวัน
       
       หมอโอ๊ค : “อย่างที่สัญญาไว้ถ้าเกิดมีรายละเอียดของงานแล้วจะรีบมาบอก ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว ก็ขอเชิญทุกคนเลยนะครับเราจะฉลองมงคลสมรสกันวันที่ 6 เมษายนปีหน้า เราจัดที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี”
       
       โอปอล์ : "ตอนนี้เราได้เรียนผู้ใหญ่ให้ทราบและก็จองโรงแรมมาเรียบร้อยแล้ว เลยมาแจ้งให้สื่อมวลชนทราบกัน สำหรับวันที่ 6 เม.ย.จะเป็นงานฉลอง แต่จะมีฤกษ์วันที่ 23 มีนาคม จะเป็นฤกษ์จดทะเบียน แห่ขันหมากแล้วก็เลี้ยงพระ อันนี้ก็จะเชิญเฉพาะครอบครัว ก็เป็นพิธีไทยแห่ขันหมากเลี้ยงพระไหว้ผู้ใหญ่แล้วก็จดทะเบียน เรื่องวันนี้จริงๆ เพิ่งทราบกันไม่นานมานี้เอง เราอยากให้เคลียร์เรื่องโรงแรมเรียบร้อยด้วย เพราะถ้าโรงแรมยังไม่ลงตัวก็ต้องมาบอกเรื่องของสถานที่กันอีก”
       
       หมอโอ๊ค :   “เราต้องต่อสู้กับบ่าวสาวอีกหลายคู่ แล้วซึ่งทุกฤกษ์ก็จะเหมือนๆ กัน ทุกคนก็จะแย่งชิงกันในวันนั้น ก็เลยอยากให้ได้เฟิร์มโรงแรมก่อนแล้วค่อยแจ้งทุกคน”
       
       สินสอดเต็มที่เท่าที่ให้ได้เพื่อเกียรติของ “โอปอล์
       หมอโอ๊ค :   “ก็เต็มที่ที่สุดครับ ผมไม่ได้ร่ำรวย ไม่ใช่เจ้าชายก็ให้มากที่สุดเท่าที่ให้ได้เพื่อเกียรติของเขา”
       โอปอล์ :    “เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่างานแต่งงานมันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มันต้องทำเพื่อผู้ใหญ่ สินสอดเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพาร์ทพิธีการเท่านั้นเอง ที่เรารอคอยอยู่คือหลังจากนี้ต่างหาก”
       หมอโอ๊ค :   “ส่วนแหวนก็เป็นแหวนของครอบครัวครับ คุณแม่ส่งต่อมาให้ อีกรุ่นนึงครับ”
       
       ธีมงานยังไม่ได้คิด แต่เน้นอาหารการกินต้องอร่อย มีกิมมิคติดป้ายข้อมือคนโสดเพื่อให้คนโสดได้มาพบรักกันในงาน
       โอปอล์ :   “ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ที่คิดไว้กับพี่โอ๊คเสมอคืองานของเราอาหารการกินต้องดี อย่างเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนไปอาหารต้องเน้นที่สุด แล้วเพื่อนๆ ของเราเป็นนักร้องกันเยอะ ทุกคนอยากจะขึ้นโชว์ที่งานของเรา ซึ่งปัญหามันอยู่ตรงนั้น เราต้องไปรันคิวก็บอกเพื่อนๆ ว่างานแต่งงานเนอะทุกคน”
       “แต่ชุดเจ้าสาวก็ค่อนข้างเครียด (หัวเราะ) อย่างวันเลี้ยงพระก็ต้องไม่โป๊ เราก็คงต้องไปดูชุดที่เหมาะัสมอีกทีนึง ก็คงเรียบง่าย ถ้าคนที่รู้จักปอล์กับพี่โอ๊คจริงๆ จะรู้ อาจจะดูเวิ้นเว่อ แต่ถ้าเป็นงานเราอยากให้เรียบง่ายแล้วให้คนที่มางานเรามีความสุขกับเรามากกว่า เรื่องคอร์สเจ้าสาวก็ทำที่คลินิกพี่โอ๊คแหละค่ะ ไปทำที่อื่นคงไม่ได้ พี่โอ๊คก็ทำให้ซึ่งก็คิดว่าไม่น่าตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น ไม่ได้เตรียมตัวอะไรพิเศษ”
       
       หมอโอ๊ค :   “เรามีกิมมิคนิดนึงที่แอบคิดไว้แล้วคือตอนอาฟเตอร์ปาร์ตี เนื่องจากเราเป็นคนที่มาจากสองวงการที่มาเจอกัน เราก็อยากให้คนที่มางานมาพบรักกันที่งานของเรา เราตั้งใจว่าจะทำเป็นข้อมือคนโสด เผื่อว่าจะมีคนพบรักกันข้ามวงการเหมือนคู่เรา”
       
       โอปอล์ :   “ก่อนเข้างาน รับของชำร่วยเสร็จจะมีข้อมือแจกใครโสดมางานหยิบไปเลย พอไฟมืดลงก็คุยกัน คิดว่าทุกคนจะแฮปปี้เพราะในงานจะไม่ค่อยมีพิธีอะไรมาก เพราะเราไม่ค่อยอินกับพิธี แต่คิดว่าทุกคนจะสนุกปิดไฟแล้วเต้นกันเลย”
       
       หมอโอ๊ค :   “การแต่งงานมันก็เป็นอีกกระบวนการนึงเท่านั้นเอง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน”
       
       อยากมีลูกเลย
       โอปอล์ :    “อยากมีเลยค่ะ”
       หมอโอ๊ค :   “ก็ใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากจะมีครอบครัว อยากมีลูก”
       โอปอล์ :   “ตั้งแต่ไ่ด้ฤกษ์มาก็ตกใจว่าต้นปีเลยหรอ เพราะเราคิดกันว่าคงเป็นช่วงกลางๆ ถึงปลายปี พอฤกษ์มาเร็วเราก็ยังไม่ทันตั้งหลักเรื่องงาน ฉะนั้นเรื่องลูกคงยังไม่ใช่ปีหนัา เพราะเรายังต้องเคลียร์งานอีกเยอะ”
       
       เผย “โอปอล์” จัดเต็มเพื่อนเจ้าสาวมี 18 คน
       โอปอล์ :   “เพื่อนเจ้าสาวค่อนข้างโหดมาก ปอล์มีเพื่อนเกย์เยอะ แล้วเพื่อนเกย์ปอไม่เคยได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวเลย ดังนั้นเพื่อนเจ้าสาวปอล์มี 18 คน เป็นหญิงครึ่ง เกย์ครึ่ง ดังนั้นจะเป็นขบวนที่ใหญ่มาก ในขณะที่เพื่อนเจ้าบ่าวมี 4 คนถ้วน คิดว่าเป็นปัญหาในการจัดขบวน ด้วยเราสองคนดูภายนอกจะต่างกันมาก ดังนั้นการที่คนที่มาจากสองที่ ที่ต่างกันมันเลยต้องคุยกันเยอะ เพื่อนปอล์จะแรงมาก ฉะนั้นก็ต้องเกรงใจเพื่อนทางฝั่งพี่โอ๊ค ซองนี่ก็คงต้องเตรียมอย่างเยอะ”
       
       ตัดสนใจแต่งงานเพราะรู้สึกว่า ไม่อยากจะกลับบ้านแล้วแยกจากการกันแล้ว อยากจะอยู่ด้วยกัน
       โอปอล์ :   “ตั้งแต่เราตัดสินใจที่จะแต่งงาน มันไม่ใช่ด้วยว่าถึงวัยแล้วที่เราจะต้องแต่งงาน เราแค่รู้สึกว่าเราต้องกลับบ้านแล้วเราต้องแยกกัน เราอยากอยู่ด้วยกันเสียทีแล้ว มันยากที่เราจะเจอใครสักคนที่เราคิดว่าเราอยากจะอยู่กับเขาไปจนแก่ ส่วนการเตรียมพร้อมในการเป็นภรรยา หลายคนไม่ทราบว่าปอล์ทำกับข้าวเก่งมาก เรื่องการเตรียมตัวปอล์เพิ่งมารู้ว่ามันไม่ต้องเตรียมพร้อมอะไรเลย ถึงเวลาจริงๆ มันไม่ยากขนาดนั้น เมื่อเราตัดสินใจแล้วมันไม่ยากเลยกับที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”
       
       เรือนหอคือบ้านของ “หมอโอ๊ค”
       หมอโอ๊ค :   “เป็นย่านเดิมครับคือที่บ้านของผมเอง”
       โอปอล์ :   “คือแถวแจ้งวัฒนะคะ เนื่องจากบ้านของปอล์กับพี่โอ๊คอยู่ติดกันมาตลอด คือปอล์ทำการย้ายหนีน้ำท่วมไปที่รามอินทรา แล้วหลังจากนั้นไม่เท่าไหร่ก็ย้ายกลับไปที่เดิม (หัวเราะ) บ้านพี่โอ๊คเพิ่งสร้างเสร็จค่ะ”
       
       ข้อตกลงในการใช้ชีวิตคู่คือ “จะไม่โกรธกันข้ามคืน”
       โอปอล์ :   “คุยหมดแล้วค่ะ”
       หมอโอ๊ค :   “คุยกันว่าจะไม่โกรธกัน จะไม่ใช้อารมณ์ซึ่งกันและกัน จะไม่ทะเลาะกันข้ามวันนะ”
       โอปอล์ :   “ถามว่ามีลิมิตอะไรไหมก็ไม่ค่อยมีเพราะอยู่ด้วยกันรู้จักกันมานานแล้ว แต่ก่อนปอล์จะเป็นคนกรี๊ดๆ แล้วพี่โอ๊คเขาจะนิ่งมากจะหันมาถามว่าผิดขนาดนั้นเลยเหรอครับ เราก็จะแว๊ดๆ หลังจากนั้นก็วี้ดๆ เสียสติอยู่คนเดียว (ยิ้ม) เริ่มนิ่งๆ พอมีปัญหาก็คุยทันทีว่าไม่ชอบอย่างนั้น ไม่เข้าใจอย่างนี้ ก็คุยกันค่ะ”
       หมอโอ๊ค :   “เน้นการคุยกันเยอะๆ ครับ”
       
       โอปอล์ :   “ก็ปรับจูนกันได้พอดีอย่างน่าทึ่งค่ะ (ยิ้ม) ต้องขอบคุณหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เราคบกัน กระแสตั้งแต่แรกมันแรงมากจนมันเป็นปฏิกิริยาเร่งให้เรากลับมาทบทวนตัวเองเร็วมากว่า เราต้องการคนคนนี้จริงหรือเปล่า หรือเขารักเราจริงหรือเปล่า ทุกอย่างมันพิสูจน์ให้เห็นโดยที่เราไม่ต้องพูด การที่เราจับมือกันฝ่าอะไรหลายๆ อย่าง”
       “คืออุปสรรคของคู่อื่นอาจจะเข้ากันไม่ได้ พ่อแม่หรือครอบครัวมีปัญหากัน แต่เราเข้ากันได้ทุกอย่าง สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือคำพูดของคนที่ไม่รู้จักเราค่ะ ตั้งแต่เราคบกันคนเข้าใจว่ามันคือกระแส แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งชีวิตของเราเพื่อพิสูจน์อะไรใครทั้งนั้น นี่คือความจริงปอลล์เจอผู้ชายคนนี้ แล้วเขารักปอลล์เหลือเกิน เรารู้สึกว่าเราอยากใช้ชีวิตทุกวันกับคนนี้แล้วน่ะ เราไม่จำเป็นต้องโกหกหรือพิสูจน์อะไรทั้งนั้น มันเรียบง่าย มันคือความรักกัน แต่งงานไปแล้วก็ตั้งใจว่าหลังจากนี้ในทุกวันเราจะอยู่ด้วยกัน”
       
       ไม่ฝากอะไรถึงคนที่คิดว่าคบกันเพื่อสร้างกระแส และอยากให้เชื่อเรื่องพรหมลิขิต
       โอปอล์ :   “ไม่ฝากค่ะ ขอบคุณดีกว่า แล้วก็หลังจากนี้น่าจะมีแต่เรื่องดีๆ เรื่องมงคล แล้วมันจะเป็นการดีมากถ้าทุกคนอวยพรกับเราเนอะ”
       หมอโอ๊ค :   “จริงๆ ผมเชื่อในพรหมลิขิตครับ และเชื่อว่าสักวันเราน่าจะเจอคนที่เขาเข้าใจเราครับ คนที่มองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างได้ ที่เป็นเรื่องกระแสข่าวหรือเรื่องอะไรก็ตามแล้วรู้จักตัวตนเราจริงๆ แล้วสุดท้ายก็เจอครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงไม่ใช่เรื่องเงินทอง ความเป็นอยู่ ความยิ่งใหญ่ หรือชื่อเสียง แต่สำหรับเราสองคนคือการมีกันและกันก็เท่านั้นเองครับ ก็ขอให้ทุกคนได้เจอพรหมลิขิตครับ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)