“แอลจี” ขอเริ่มต้นจากศูนย์ตลาดสมาร์ทโฟน ทุ่ม 70 ล้านบาททำตลาด “LG G2” พร้อมเปิดตัวแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังเรียกความมั่นใจผู้บริโภคกลับคืน เร่งปรับการบริหารภายในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ลั่นขอใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เผยล็อตแรกเข้าสินเดือนกันยายน 1 หมื่นเครื่องไม่พอขาย นายอนุพันธ์ ภักดีศุภฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือของแอลจีได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารภายในเพื่อรับกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทยอยวางตลาดในช่วงปลายปีนี้ โดยจะขอเริ่มนับหนึ่งใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟนเพื่อให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างยั่งยืน
“เสียงตอบรับจากผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมาพบว่าแอลจีมีผลิตภัณฑ์ที่ดี แข็งในแง่การดูแลลูกค้า แต่ยังขาดในแง่การเข้าถึงของผู้บริโภค ทำให้ต้องมีการรื้อรูปแบบการบริหารภายในเพื่อเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และลืมรูปแบบการทำตลาดเดิมๆ ที่เคยใช้มา”
สิ่งที่แอลจีต้องแก้ไขต่อไปในช่วงที่กำลังรอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง LG G2 เข้ามาวางจำหน่ายในช่วงสิ้นเดือนกันยายนคือ การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งจะเน้นไปที่ตลาดรีเทลเป็นหลัก รวมกับการร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์ในการจัดจำหน่าย ทั้งนี้ก็ยังไม่ทิ้งในส่วนของลูกตู้เนื่องจากยังต้องรักษาฐานในกลุ่มเอนทรีไว้ด้วย
“หลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมาร์ทโฟนออกมาวางจำหน่ายอีกอย่างน้อย 2 รุ่น รวมถึงแท็บเล็ตก็พร้อมที่จะทำตลาดภายในปีนี้ด้วย ทำให้แอลจีต้องมีการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายให้ครบทุกจังหวัด อย่างน้อยจังหวัดละ 1-2 ราย”
โดยเหตุผลที่ให้ความสำคัญต่อตลาดต่างจังหวัดมาก เพราะว่าการมาของ 3G ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น และมีกำลังซื้อสูง ต่างจากในตลาดกรุงเทพฯ ที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือของแอลจีต่อจากนี้จะเน้นเจาะกลุ่มเฉพาะในแต่ละผลิตภัณฑ์ไปเพื่อให้สามารถใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งในส่วนของ LG G2 วางงบทำตลาดไว้ที่ 60-70 ล้านบาท เพื่อทำตลาดในกลุ่มพรีเมียมสมาร์ทโฟน
“การกำหนดราคาจำหน่ายของ G2 จะอยู่ที่ไม่เกิน 2 หมื่นบาทแน่นอน ซึ่งการที่แอลจีเลือกให้ไทยเป็นประเทศที่เปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ย่อมหมายถึงการที่ให้ความสำคัญต่อตลาดประเทศไทยค่อนข้างสูง โดยเบื้องต้นเครื่องล็อตแรกที่นำเข้ามา 10,000 เครื่องได้ถูกสั่งจองโดยดีลเลอร์ไปทั้งหมดแล้ว ทำให้ต้องรอดูต่อไปว่าจะสามารถนำ G2 เข้ามาในประเทศไทยได้มากแค่ไหน”
ส่วนในแง่ของการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงเดือนตุลาคมที่จะดุเดือดมากขึ้น จากการที่หลายๆ แบรนด์เริ่มนำผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์เข้ามาจำหน่ายพร้อมๆ กันนั้น นายอนุพันธ์มองว่า แต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ประกอบกับตลาดในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากเรื่องของ 3G ทำให้ไม่เป็นห่วงมากนัก
นอกจากนี้ยังให้เหตุผลที่ทางแอลจีมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์ยกชุด เนื่องมาจากต้องการสร้างความสำเร็จในธุรกิจนี้ให้มากขึ้น จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากภายในเพื่อให้สามารถก้าวข้ามผ่านจุดเปลี่ยนได้ เหมือนเช่นในตลาดโทรทัศน์ที่แอลจีเริ่มต้นจากศูนย์
ทั้งนี้ ทางแอลจี ประเทศไทย ยังไม่มีการตั้งเป้าจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงในแง่ของส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมองว่าการเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ในครั้งนี้ เมื่อระยะเวลาผ่านไปส่วนแบ่งตลาดที่ออกมาจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความสำเร็จของแอลจีในตลาดโทรศัพท์มือถือว่าเป็นอย่างไร
สำหรับนายอนุพันธ์ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในแอลจีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2556 โดยก่อนหน้านี้เคยทำงานร่วมกับโมโตโรล่า ประเทศไทย ก่อนย้ายเข้าไปร่วมงานกับกลุ่มทรู หลังจากนั้นออกมาให้กำเนิด “ตู้บุญเติม” ซึ่งเป็นตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือของไทย ก่อนจะเข้ามาร่วมงานกับทางแอลจี
Company Relate Link :
LG
ที่มา: manager.co.th