Author Topic: น้องชาย เปิดใจ “ยุ้ย รจนา” มีปัญหาแม่เลี้ยงเลยออกจากบ้าน ชี้พี่สาวไม่ได้กินยาโรคประสาทอา  (Read 606 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


(ซ้าย) น้องชายต่างมารดาของยุ้ย (กลาง) พ่อยุ้ย

พ่อและน้องชาย เปิดใจ “ยุ้ย รจนา” มีปัญหากับแม่เลี้ยงเลยออกจากบ้าน ด้านพ่อเผยสลดใจที่เห็นลูกตกอยู่ในสภาพนี้ ขณะที่น้องชายต่างแม่ชี้เป็นเพราะยาโรคประสาทที่พี่สาวกินเป็นประจำหมด อาการเลยกำเริบ รับสมัยยุ้ยโด่งดังมีเงินไม่เคยส่งเสียพ่อ เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน อีกทั้งคิดว่าพ่อไม่ได้เลี้ยงดูตนเอง เจ้าตัวไม่รับปากจะรับพี่สาวไปอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะแม่ตนรับไม่ได้ที่ยุ้ยเคยอาละวาดทำลายข้าวของ แต่ยินดีจะช่วยเท่าที่ช่วยได้
       
       ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับข่าวคราวของ “ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา” อดีตนางแบบไทยที่โกอินเตอร์ไปโด่งดังในระดับโลก แต่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่ และยังมีอาการคล้ายวิกลจริต ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเดิมที่ยุ้ยเคยรักษามาก่อนตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (3 กันยายน) “นายยศ เพชรกัณหา” อายุ 63 ปี อาชีพเป็นช่างซ่อมรถในอู่ ย่านโชคชัย 4 ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของยุ้ย และน้องชายต่างมารดา “อู๋ เพชรอุบล เพชรกัณหา” ได้เดินทางมาอัดรายการที่สตูดิโอมนตรี ลาดพร้าว 101 พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับปัญหาของลูกสาว โดยพ่อและน้องชายยอมรับว่า ยุ้ยมีปัญหากับแม่เลี้ยงจึงออกจากบ้านมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ส่วนอาการทางประสาทคาดว่าเป็นเพราะยาโรคประสาทที่ยุ้ยกินเป็นประจำหมดอาการเลยกำเริบ
       
       พ่อ : “พอรู้ข่าวว่าเขากลายเป็นคนเร่ร่อน ก็เศร้าสลดครับ ตอนที่เขาออกจากบ้านมาก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ก็เลี้ยงเขาจนอายุ 2 ขวบ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เลี้ยงเขาอีกเลย เพราะตอน 4 ขวบแม่ของเขาเอาไปเลี้ยงแทน ก็ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้เจอเลย”
       
       อู๋ น้องชายต่างมารดา: “ก็ไม่ค่อยได้สนิทกันเท่าไหร่ แต่รู้ว่าเขาเป็นพี่สาวต่างมารดาอีกคน ตอนที่เขาทำงานล้างจานที่กรุงเทพฯก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย ก็ไม่ได้เจอกันเลย มาเจออีกที่ก็เห็นว่าเขาอยู่ในหนังสือพิมพ์เป็นนางแบบ แต่ว่าตอนที่เขาได้ดีมีชื่อเสียงก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย แล้วก็มาเห็นว่าเขาออกรายการคนค้นคนตอนปี 53 จนมีอยู่วันนึงโรงพยาบาลโทร.มาบอกว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีญาติ และทางครอบครัวฝั่งโน้นก็ไม่มีใครดูแล คือเราก็น้องชายคนนึง เราก็เลยบอกพ่อว่าพาพี่เขากลับมาอยู่บ้านด้วยกัน กลับมาอยู่ที่บ้านแม่ผมที่มหาสารคาม”
       
       “พออยู่ด้วยกันสักเดือนนึงเขาก็ดี พูดจารู้เรื่อง พอเดือนกว่าๆ เขาก็เริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกๆ เริ่มคุยกับแม่ไม่ค่อยดี แม่ก็เลยรับไม่ได้ คิดว่าที่เขาออกจากบ้านเพราะน่าจะเป็นแบบนี้ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย แต่แม่ก็หวังดี ไม่อยากให้เขากินเหล้าสูบบุหรี่ ถ้าไปอยู่กับเขาจริงๆ ก็ต้องเลิกให้ได้ เขาก็คงอึดอัดเลยออกจากบ้านมา ก็เจออีกทีนึงก็ตอนเป็นข่าวในทีวี”
       
       น้องชายต่างมารดาเผยตอนที่ “ยุ้ย” มาอยู่กับแม่ที่มหาสารคามตอนแรกก็ดี แต่มาเปลี่ยนไปตอนมีเพื่อนมาหา
       อู๋: “ก็อยู่บ้าน บางทีก็ไปบ้านญาติบ้าง ก็มีไปทำบุญที่วัดบ้าง ทำอย่างนี้สักระยะนึง จำได้ว่าแม่บอกว่ามีเพื่อน 2 คนชายหญิงเป็นคนไทยมาจากต่างประเทศมาหาเขา คุยอะไรกันก็ไม่รู้แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปเลย แอบแม่ไปดูดบุหรี่ มวนต่อมวนกินเหล้าก็กินบ้าง ตอนมีตังค์”
       
       “เงินที่เขาใช้ เขาบอกว่ามีเพื่อนโอนให้บ้าง อย่างล่าสุดเพื่อนที่ไปหาเอาตังค์ให้ 3 พัน เขาก็เอาเงินนั้นไปกิน ช่วงนั้นก็หนักเลยเริ่มโวยวายไม่สนใจใครแล้ว เขาก็คงเครียดอยากกลับวงการ เพราะตอนนั้นก็ไม่มีใครสนใจเขาแล้ว แต่เขาไม่ได้เสพครับ เขาจะกินยารักษาตลอด แล้วช่วงนั้นยาเขาจะหมดพอดี แล้วประกอบกับการที่ดูดบุหรี่กินเหล้า หมอบอกว่าเขามีอาการทางโรคประสาทอยู่แล้ว ตั้งแต่เอามาอยู่ที่สารคาม คือเวลาเขาขาดยาจะเบลอๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง คือถ้ากินยาเขาก็จะปกติเหมือนเรานี่แหละ”
       
       เผย “ยุ้ย” ออกจากบ้านมาได้อาทิตย์กว่าๆ บอกจะมาหาพี่ชายที่กรุงเทพฯ แต่มารู้ข่าวอีกทีพี่สาวก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว แจงคงเป็นเพราะยาที่รักษาอาการทางโรคประสาทคงหมด ทำให้อาการดังกล่าวกลับมา
       อู๋: “เขาออกจากบ้านก็อาทิตย์กว่าๆ เขาบอกว่าจะไปหาพี่ชายแถวสาธุประดิษฐ์ เราก็นึกว่าเจอพี่หมูแล้ว แต่มารู้อีกทีว่าเขาหาไม่เจอ คิดว่าเขาขาดยาเลยหลงๆ ลืมๆ กับพี่หมูยังไม่ติดต่อเลยครับ ถึงติดต่อก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขา”
       
       เมื่อถามว่าตอนที่ “ยุ้ย” โด่งดังมีเงินได้ส่งเงินมาให้ครอบครัวไหม? เจ้าตัวบอกว่าเรื่องนี้ไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของครอบครัวอีกฝั่งตนเลยไม่ยุ่ง
       อู๋: “ไม่รู้เพราะไม่เคยไปยุ่งเรื่องของเขาเลย เพราะเป็นเรื่องของครอบครัวเขาอีกฝั่ง (กับอีกฝั่งติดต่อไหมเรื่องดูแลยุ้ย?) ไม่รู้ว่าแม่ยุ้ยไม่อยู่ไหน รู้แต่ว่าพี่หมูอยู่สาธุประดิษฐ์”
       
       พ่อ : “ผมไม่ได้เจอเลย ไม่รู้ว่าเขามาตอนไหน ไม่เห็นไม่ติดต่อ”
       
       อู๋: “เพราะพ่อมีอีกครอบครัวนึง เพราะตอนที่เขามีชื่อเสียง เขาก็ไม่อยากให้พ่อกับครอบครัวไปยุ่งกับเขามากมาย เพราะตอนเด็กๆ พ่อก็ไม่ได้ดูแล กลัวว่าจะไปหวังอะไรจากเขา”
       
       ด้านพ่อเผยตอนนี้อยากเจอ “ยุ้ย” ส่วนจะรับมาดูแลหรือไม่นั้น พ่อแจงว่า…
       พ่อ: “อยากเจอ (จะเอามาดูแลไหม?) เห็นว่าโรงพยาบาลจะรักษาให้หายขาดแล้วค่อยว่ากัน”
       
       อู๋: “ก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่ายังไงเพราะว่าแม่รับไม่ได้ที่เขาพูดจารุนแรง คือเราก็ยังไม่มั่นใจเพราะแม่ก็ไม่ไว้ใจว่าจะกลับมาเป็นอีกหรือเปล่า เพราะแม่ก็ยังฝังใจ ถึงแม้ว่ารักษาแล้วก็ไม่ไว้ใจ คือเขาเคยทำลายข้าวของ บางทีก็จะทำร้ายแม่ ด่าญาติๆ ที่ดูแล แต่เราก็ไม่ได้อะไรเพราะรู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเป็นต่อไปก็คงอยู่ไม่ได้ ก็คิดว่าเขาไปอยู่กับพี่ชายน่าจะดีกว่าส่วนค่ารักษาพยาบาลใครจ่าย อันนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่เห็นเขาว่ามีบัตร 30 บาทก็รักษาได้ แต่เท่าที่จำได้ว่ามูลนิธิปวีณาจะรับเขาไปดูแลหรือเปล่า”
       
       พ่อ: “ยังไม่รู้ว่าจะไปเยี่ยมเขาวันไหนเพราะทำงาน วันนี้คงยังไม่ได้ไป”
       
       ส่วนข่าวที่บอกว่า “ยุ้ย” มีลูกแล้ว น้องชายต่างมารดาบอกทราบข่าวเหมือนกันแต่ไม่เคยเห็น
       อู๋: “เคยได้ยินมา แต่ก็ไม่ทราบเพราะไม่เคยเห็น แล้วตัวเขาก็ไม่เคยพูด”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)