Author Topic: “หุ้นส่วนคลินิก” ผวาถูก “พ่อไฮโซน้ำหวาน” ขู่ฆ่า โร่ขอตำรวจกองปราบมาคุ้มกัน  (Read 612 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“หุ้นส่วนคลินิก” หอบหลักฐานแฉโดน “พ่อไฮโซน้ำหวาน” ขู่ฆ่า เผยปมขัดแย้งเกิดจากอีกฝ่ายขอถอนหุ้น ซึ่งชนวนมาจากทางคลินิกจะเพิ่มทุนอีก 20 ล้าน และได้ทวงเงินทุนในส่วนของน้ำหวาน 4 ล้าน แต่เจ้าตัวกลับนิ่งเฉย เป็นเหตุให้หุ้นส่วนคนอื่นๆ ต้องเอาเงินส่วนตัวมาออกแทนไฮโซสาวสร้างความเดือดร้อนให้กับหุ้นส่วน ส่วนสาเหตุที่น้ำหวานถอนหุ้น เพราะคลินิกไม่มีใบประกอบการนั้น ยอมรับว่าตอนแรกยังไม่มีแต่ตอนนี้ได้มาแล้ว ลั่นยินดีไกล่เกลี่ย รับผวาหนักจนต้องให้ตำรวจกองปราบมาคอยคุ้มกัน
       
       หอบหลักฐานออกมาเปิดแถลงข่าวแล้ว ในส่วนของผู้บริหารคลินิก Skin Buffet ซึ่งประกอบไปด้วย พิมพิพัฒน์ มโนมัยกุล ประธานกรรมการ, นายเจษฎา นิรมิตวิจิตร กรรมการผู้จัดการ และคณะกรรมการผู้ถือหุ้น, เดือนเพ็ญ ชิงดวง พร้อมด้วยนักแสดงหนุ่ม “กันต์ กันตถาวร” กรณีถูก “นายวรชาติ เพชรนันทวงศ์” พ่อของ “ไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธ์คงชื่น” อดีตหุ้นส่วนของคลินิก ขู่ฆ่า เผยปมเกิดจากการที่น้ำหวานขอถอนหุ้น แต่มีปัญหาเรื่องเงินที่ไม่ลงตัว และนำไปสู่การบาดหมาง โดยหลักฐานที่นำมาในวันนี้มี ใบแจ้งความ, ข้อความสนทนาของนายเจษฎา นิรมิตวิจิตร กรรมการผู้จัดการ กับพ่อของน้ำหวาน ที่เจ้าตัวอัดคลิปไว้ และ หลักฐานการโอนหุ้นของน้ำหวาน
       
       พิมพิพัฒน์ : “เรามาแถลงวันนี้คือประกาศให้สังคมได้รู้ เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ได้จะให้ใครเสื่อมเสียชื่อเสียง คือวันที่ 21 พ.ค. 56 น้ำหวานและคุณแม่ได้มาขอซื้อหุ้น 20% ซึ่งตอนนั้นบริษัทได้ก่อตั้งแล้ว ผมก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้ก่อตั้ง ขายให้ราคา 3 ล้านบาท น้ำหวานได้ให้เงินหมดแล้ว ตอนที่คุณน้ำหวานได้ติดต่อมาขอซื้อหุ้น คุณแม่ได้เขามาดูสถานที่และทำเลแห่งนี้และได้ตัดสินใจซื้อหุ้น และได้โอนหุ้นให้แล้ว 20% กรรมการทุกคนก็ได้เซ็นหมด การซื้อหุ้นในครั้งนี้ทั้งแม่และคุณน้ำหวานได้รับรู้ ซึ่งในขณะนั้นน้ำหวานก็ได้บรรลุนิติภาวะแล้ว”
       
       “หลังจากที่ได้จัดตั้งบริษัทก็ได้มีการจะต่อเติมภายในซื้อเครื่องมือการแพทย์และยาเวชสำอางต่างๆ เพื่อที่จะทำการประกอบการณ์ในคลินิกแห่งนี้ มูลค่าเงินที่ต้องเพิ่มทุนอีกประมาณ 20 ล้านบาท แต่ทางด้านน้ำหวานยังนิ่งเฉย”
       
       เดือนเพ็ญ : “ทางบริษัทมีเงินไม่มาก เลยได้ประชุมและมีมติว่าจะนำเงินมาลงทุนใหม่ 20 ล้านบาท และกรรมการทุกคนผู้ถือหุ้นจะต้องจ่ายราคาเท่ากับการถือหุ้นนั้นๆ ทางด้านคุณน้ำหวานก็ได้รับปากทางวาจาว่าจะนำเงินในส่วนนี้มาลงทุนเพิ่มให้ แต่เราก็ได้มีการทวงทั้งทางวาจาและทางเอกสารไป แต่ก็ไม่ได้รับเงินจากคุณน้ำหวานแม้แต่ครั้งเดียวเลย ตั้งแต่คลินิกเปิดจนถึงปัจจุบันคุณน้ำหวานให้เพียงโคมไฟและรูปภาพหนึ่งใบมาให้แก่บริษัท ซึ่งมีมูลค่าไม่น่าจะเกิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่ได้นำเงินในส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านบาท จนทำให้เดือดร้อนต่อกรรมการท่านอื่น ต้องนำเงินส่วนตัวมาจ่ายแทนออกไป”
       
       เจษฎา : “เมื่อล่าสุดวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมาทางเราได้มีการจัดการแถลงข่าวเปิดตัวคุณน้ำหวานได้เข้าร่วม หลังจากวันนั้นคุณน้ำหานก็ไม่ได้เข้ามาในบริษัทอีกเลย สร้างภาระให้กับบริษัท หลังจากที่เราได้ส่งจดหมายไปทวงถามเรื่องเงินก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ และมีช่วงหนึ่งที่คุณพ่อน้ำหวานได้ติดต่อมาเอง ก็ได้มีการบอกให้ทางกรรมการขายหุ้นและจะถอนหุ้นแล้วและจะขอเงินคืน 3 ล้านบาท ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับกรรมการอย่างมาก เพราะกรรมการได้โอนหุ้นให้น้ำหวานแล้ว หุ้นก็จะตกเป็นของคุณน้ำหวาน ไม่มีใครสามารถนำหุ้นของคุณน้ำหวานไปขายได้ ต้องให้คุณน้ำหวานเสนอขายและเป็นคนขายหุ้นเอง”
       
       “ซึ่งทางกรรมการก็ยินดีเปลี่ยนแปลงหุ้นให้ ไม่มีใครขัดข้องถ้าจะถอนหุ้น เพียงแต่ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของทุน เพราะคุณน้ำหวานไม่ได้ให้เงินมาเลย หลังจากที่ตอบคุณพ่อคุณน้ำหวานไปแบบนั้น ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ท่านบันดาลโทสะมั้งครับ ก็ได้แสดงการขมขู่ทำร้าย สร้างความวิตกกังวลและก็ตกใจให้แก่พวกเราทุกคน และในเรื่องความปลอดภัย เราก็เป็นคลินิกเวชกรรม เราก็ต้องระวังเรื่องการปลอดภัยของตัวกรรมการและลูกค้าด้วย เราเลยจำเป็นต้องให้ตำรวจกองปราบมาคอยคุ้มกันอย่างที่เห็นอยู่ เพราะเรามีความกังวลกับคำข่มขู่ของเขานะครับ”
       
       “หลังจากโดนข่มขู่ผมก็ได้แจ้งความแล้ว แล้วทางตำรวจก็จะมีการเรียกตัวคนขมขู่มา มีหลักฐานค่อนข้างแน่น เป็นการขมขู่ผมโดยตรงครับ คุณพ่อน้ำหวานก็โทร.มาเรื่อยๆ บอกว่าเขาไม่สามารถลงทุนเพิ่มได้ มีแต่โทร.มาแจ้งว่าไม่ทำแล้วจะถอนหุ้นไม่ทำแล้ว จะขายหุ้นให้คนอื่น หลักๆ ก็โทร.มาบอกว่าจะขอใบหุ้น แต่ก็อยากให้ตั้งนานแล้ว คำพูดไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่และปิดท้ายด้วยคำพูดที่ว่าถ้ามึงไม่เอามามึงจะมีชีวิตต่อไหมพรุ่งนี้ พูดแค่นี้แหละ มึงฟังไว้ให้ดีแล้วกัน มั่นใจว่าเป็นคุณพ่อแน่ครับ เพราะว่าทางตำรวจก็ได้รับแจ้งความแล้ว (ตกลงน้ำหวานมีหุ้นเท่าไหร่?) คุณน้ำหวานมีหุ้น 20% ครับ เพราะว่าตอนแรกมี 30 แต่น้ำหวานโอนคืนมา 10 ก็เลยมีอยู่ 20%”
       
       ส่วนข่าวที่ออกมาว่า สาเหตุที่ “น้ำหวาน” ถอนหุ้นเพราะคลินิกยังไม่ได้ใบอนุญาตประกอบการนั้น เจ้าตัวแจงว่า…
       “ตอนนี้เราได้ใบประกอบการแล้วครับ น่าจะประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ถึงจะได้รับใบอนุญาตครับ แต่ตอนแรกที่ยังไม่ได้เพราะว่าตอนนั้นเรายังทำสถานที่ประกอบการไม่เสร็จครับ มีการมาตรวจสถานที่แล้วครับ”
       
       เผย “น้ำหวาน” ติดต่อมาเอง มีแต่พ่อของไฮโซสาวที่เป็นคนติดต่อมา
       “มีแต่คุณพ่อน้ำหวานที่ิต่อมานะครับ แต่ถ้าหลังจากนี้น้ำหวานติดต่อมาอีก ผมก็ยินดีคุยกับเขาครับ เรื่องนี้เราสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ครับ แต่อาจจะเพราะว่าคุณน้ำหวานไม่ได้แจ้งความจริงให้กับคุณพ่อฟังทั้งหมด ว่ามีหุ้นอยู่ 20% ยังไงก็ฝากคุณน้ำหวานว่าไปบอกกับคุณพ่อว่าไงบ้าง อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้ ในครอบครัวผมไม่อยากไปก้าวก่าย แต่คุณน้ำหวานบรรลุนิติภาวะแล้ว”
       
       ส่วนจะดำเนินคดีอื่นๆ อีกหรือไม่ขอปรึกษาทนายก่อน
       “ก็ต้องปรึกษากับทนายก่อนครับ ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างไหม เพราะเราทวงถามไปก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ คือซื้อหุ้นไว้เฉยๆ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกคนต้องมาแบกภาระในการจ่ายตังค์ ฟ้องแพ่งก็คือจริงๆ ผมไม่อยากฟ้องน้ำหวานนะ เห็นใจเขาที่โดนโจมตีหลายๆ เรื่อง ทางเราไม่สนใจข่าวกับน้ำหวานเลย เราอยากจะขอความเห็นใจว่าเราเดือดร้อน ทางเราได้ให้ทนายทำหนังสือแจ้งไปแล้ว ตอนนี้มาคุยกันได้ครับ เราไกล่เกลี่ยกันได้ไม่มีปัญหา แค่มาคุยกันจะเอายังไงก็แค่นั้นครับ แล้วการที่เราแจ้งความแค่เป็นการแจ้งความที่โดนขมขู่ฆ่าเท่านั้นครับ”
       
       เห็นฝ่ายนั้นบอกว่าเงินเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องขู่ฆ่า?
       “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีครับ ก็ช่วยนำเงินมาเพิ่มทุนให้บริษัทด้วย ถ้าถอนจริงๆ ก็ยินดีครับ เราไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องของเราเป็นภาระต้องไปขายเอง เขาจะไปขายใคร เราไม่สามารถขายได้ ถ้าอยากจะมาคุยก็มาได้ครับ ถ้าถามว่าน้ำหวานต้องนำทุนมาเพิ่มเท่าไหร่ ก็ต้องนำเงินมาประมาณ 4 ล้านบาทในการต่อเติมครับ”
       
       ทางด้านของหนุ่ม “กันต์ กันตถาวร” ได้ชี้แจงหลังมีข่าวออกไปว่าเจ้าตัวโดน “พ่อของน้ำหวาน” ขู่ฆ่าจนคนรอบข้างตกใจเป็นห่วง ว่าตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขู่ฆ่าตนแต่อย่างใด
       “จากการพาดหัวข่าวว่าผมโดนขู่ฆ่า มีแต่คนโทร.มาหาผมเป็นร้อยสาย มีแต่คนบอกว่าเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย จริงๆ แล้วในฐานะตัวผมเอง กันต์ กันตถาวร ไม่ได้โดนขมขู่จะทำร้ายหรือว่าจะโดนเอาชีวิตโทร.มาเป็นการส่วนตัว แต่ว่าปัญหาทุกสิ่งอย่างมันเกิดการพาดหัวเฉยๆ เรื่องนี้มันเกิดมาจากเรื่องปัญหาทางธุรกิจเฉยๆ มันส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล เหตุผลนี้คือการที่เราต้องแถลงข่าวในวันนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก เรามีคลิปเสียงอย่างที่คุณเจษฎาแจ้งไว้ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง”
       
       “สำหรับข่าวที่เกิดขึ้นผมรับรู้มาครับ แต่ว่าผมไม่ได้มีหุ้นใหญ่หรืออะไรมาก ผมเป็นแค่หุ้นเล็กๆ กรรมการแต่ละท่านก็ดูแลคนละส่วน ผมจะดูแลในส่วนของการประชาสัมพันธ์ ทำการตลาดหน้าที่หลักๆ ของผมเท่านี้ครับ กรรมการจะมีหน้าที่อย่างชัดเจนของแต่ละคน”
       
       บอกไม่ได้รู้จัก “น้ำหวาน” เป็นการส่วนตัว
       “ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ เจอก็ตอนแถลงข่าวเปิดตัววันนั้นอย่างเดียว ผมสนิทกับพี่หนิง ปณิตา ก็จริง แต่ไม่จำเป็นว่าผมจะต้องไม่ชอบอีกคนไปด้วย มันไม่เกี่ยวกันครับ ข่าวของเขาให้เป็นเรืองส่วนตัวบุคคลครับ แต่ว่ารู้จักตามข่าวครับ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เสพข่าว แต่ว่าใครผิดใครถูกผมพูดได้แค่ว่าไม่ใช่เรื่องของผม แต่โดยส่วนตัวผมรู้จักพี่หนิงเป็นการส่วนตัว รู้จักกันมา 4-5 ปีแล้ว เจอมาตั้งนานแล้วครับ แต่ไม่ได้มีผลให้ผมไม่ชอบคุณน้ำหวาน ไม่เกี่ยวครับ (แต่มีการโพสต์ลงไอจีของคลิกนิกแล้วหนิงมาโพสต์เหน็บ?) อันนั้นไม่ทราบครับ เพราะว่าไม่ใช่ของผม แค่ตอบทักทายพี่น้องตามปกติ และผมไม่ใช่คนดูอินสตาแกรมของคลินิกครับ”
       
       ปฏิเสธวันงานเปิดตัวคลินิกล่อสื่อมาโดยการบังคับ “น้ำหวาน” ให้มาร่วมงาน
       “อันนั้นไม่น่าเกี่ยครับ เพราะทำธุรกิจก็คือการทำธุรกิจ และผมไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อคำว่าดารา ผมเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ถ้าผมจะพีอาร์ไม่จำเป็นว่าจะต้องนำเรื่องแบบนั้นมาขายเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่น่าจะได้ผล”
       
       เป็นไปได้ไหมที่เรารู้จัก “หนิง” เลยมีการขมขู่กันขึ้น?
       “อันนั้นก็ต้องบอกว่านานาจิตตัง ผมสนิทกับพี่หนิงแล้วใครจะไม่ชอบผมก็เรื่องของเขาครับ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ต้องพูดแบบนั้นจริง ผมว่าผมก็มีความคิดอะไรที่พอจะไม่ซับซ้อนขนาดนั้น”
       
       เคยสืบประวัติ “พ่อน้ำหวาน” ไหมว่ามีคดีพรากผู้เยาว์?
       “มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ ผมไม่ขอพูดอะไรนะครับ”
       
       พร้อมกันนี้ ทางด้านของทนายความของคลินิก ได้เผยด้วยว่า…
       “วันที่ 21 พ.ค.56 เริ่มต้นในส่วนของคุณน้ำหวานไม่ได้ถือหุ้นในบริษัท แต่ว่าหลังจากนั้นคุณน้ำหวานน่าจะเห็นว่าการตลาดน่าจะไปได้ดี ก็เลยติดต่อขอซื้อหุ้น การซื้อหุ้นบิดามารดาของคุณน้ำหานได้รับทราบมาตลอด บริษัทก็ดำเนินกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด เรื่องคดีความตอนนี้อยู่ระหว่างการเรียกนำเงินเพิ่มทุนของบริษัท หลังจากแถลงข่าวแล้วทางบริษัทจะทำหนังสือเรียกคุณน้ำหวานมาอีกที เพื่อคุยกัน”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)