นายธีรยุทธ หงษ์คณานุเคราะห์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส (ประเทศไทย) จำกัด นายธีรยุทธ หงษ์คณานุเคราะห์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครือข่ายของโลก ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 5 ผู้นำด้านระบบเครือข่ายของโลก และมีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอมริกา นิวซีแลนด์ อิตาลี สิงคโปร์ และจีน
จากการที่สำนักงานใหญ่มีนโยบายผลักดันตลาดระบบเครือข่ายในภูมิภาคเอเชียให้มีการเติบโตมากขึ้น สำหรับประเทศไทยได้ยกฐานะจากสำนักงานตัวแทนเป็นบริษัทจำกัดในปีที่ผ่านมา และขึ้นตรงต่อสำนักงานใหญ่ พร้อมกันนั้นยังได้ตั้งศูนย์สาธิตเทคโนโลยีระบบเครือข่ายในไทย ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์สาธิตเทคโนโลยีแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนด้วยงบการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีการทำงานที่คล่องตัวมากขึ้นและผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยครึ่งปีแรกของปี 2556 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 70% ของยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ โตสวนกระแสตลาด ขึ้นผู้นำ 1 ใน 3 ตลาดอุปกรณ์เครือข่ายสวิตช์ในไทย
“การเติบโตดังกล่าว นอกจากจะมาจากการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว ยังมาจากการขยายตัวของตลาดกล้องวงจรปิดแบบไอพี (IP Surveillance) ที่อัลไลด์ เทเลซิสมีอุปกรณ์และโซลูชันระบบเครือข่ายที่ครอบคลุม สามารถรองรับกล้องวงจรปิดดิจิตอลที่มีประสิทธิภาพสูงได้ และประกอบกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาและขยายการลงทุนในไทยมากขึ้นทำให้มีการติดตั้งและเพิ่มศักยภาพระบบเครือข่ายเพิ่มขึ้น” นายธีรยุทธกล่าว
สำหรับนโยบายการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2556 บริษัทฯ จะนำเสนอเรื่องความคุ้มค่าของการเป็นเจ้าของ หรือความคุ้มค่าในการลงทุนโดยรวม ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศญี่ปุ่นให้ลูกค้าในไทยเห็นว่า นอกจากจะพิจารณาในเรื่องของประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในระบบเครือข่ายแล้ว ยังต้องมองเรื่องระหว่างการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ การดูแลรักษา พื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวเทคโนโลยี AMF (Allied Telesis Management Framework) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการดูแลระบบเครือข่ายให้ง่ายขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลระบบเครือข่ายไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ หากสวิตช์ในระบบเครือข่ายเกิดปัญหา AMF ที่ได้ถูกติดตั้งในอุปกรณ์สวิตช์ของอัลไลด์ เทเลซิสจะช่วยทำให้สวิตช์ใหม่ที่ติดตั้งแทนสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี SDN (Software Defined Networking) ที่ต้องอาศัยตัวควบคุมซอฟต์แวร์ขั้นพื้นฐานจากภายนอกไปยังระบบเครือข่ายทำให้มีความซับซ้อนกว่า
นอกจากนี้ยังจะเปิดตัวบริการใหม่ ได้แก่ บริการแบบเน็ตโคเวอร์ (Net.Cover) ในกรณีผลิตภัณฑ์มีปัญหาลูกค้าสามารถรับผลิตภัณฑ์ทดแทนได้รวดเร็วภายใน 4 ชม.หรือวันทำการถัดไปซึ่งเป็นไปตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ในช่วงของการดูแล เช่น 24x7 หรือ 24 ชม. ใน 7 วัน และ 8x5 หรือ 8 ชม.ใน 5 วัน และสามารถเลือกได้ว่าจะให้ทางบริษัทฯ ติดตั้งให้ หรือติดตั้งเอง พร้อมทั้งบริการแบบเน็ตโปรเฟสชันนัล (Net.Professional) ที่ลูกค้าสามารถรับบริการตามความต้องการขององค์กรตั้งแต่การออกแบบ และการติดตั้ง ซึ่งทั้งสองแบบจะได้รับการบริการโดยตรงจากบริษัทฯ
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักมี 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 1. หน่วยงานราชการ 2. ผู้ให้บริการ หรือเซอร์วิสโพรวายเดอร์ 3. กลุ่มโรงแรม 4. กลุ่มโรงพยาบาลหรือเฮลท์แคร์ และ 5. กลุ่มบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งในสองกลุ่มหลังนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากทางบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นเห็นถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย และเพื่อให้ได้รับบริการเช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งตลาดทางด้านโรงพยาบาลนั้นประสบความสำเร็จอย่างมากในญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา จึงมีความมุ่งมั่นที่จะนำโซลูชันมาพัฒนาและขยายธุรกิจในกลุ่มนี้ในไทยให้มากขึ้น
นายธีรยุทธกล่าวต่อว่า ในปีนี้คาดว่าตลาดรวมระบบเครือข่ายในไทยน่าจะมียอดรวมไม่ต่างจากปีที่แล้วคือประมาณ 180 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5,400 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายเติบโต 30% ปัจจุบันบริษัทฯ มีดิสทริบิวเตอร์ 2 ราย ได้แก่ บริษัทเอแวนท์กาด จำกัด และบริษัท ไนน์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ทั้งนี้ ด้วยความพร้อมของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีระบบเครือข่าย ผนวกกับการมีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรครอบคลุมทุกระดับการใช้งาน ตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับบนในราคาที่คุ้มค่าต่อการลงทุนกับทุกตลาด และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดและยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ไม่ยาก
Company Related Link :
บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส (ประเทศไทย) จำกัด
ที่มา: manager.co.th
