เดลล์ ชี้วิกฤติการเมืองทำตลาดไอทีชะลอการเติบโต แก้เกมนำเสนอโซลูชันช่วยลูกค้าแก้ปัญหา ล่าสุดชูผลกระทบปิดถนนชุมนุมประท้วง ส่งผลธุรกิจหยุดชะงัก ส่งเทคโนโลยี เฟล็กซิเบิล คอมพิวติ้ง ช่วยพนักงานองค์กรสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตลาดไอทีไทยครึ่งปีหลังของปีนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง และการชุมนุมประท้วง ทั้งนี้เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นจากกำลังซื้อภายในประเทศ นอกจากนี้เทคโนโลยี อาทิ วินโดว์ส 7 เทคโนโลยีคอร์ไอ ของอินเทล และคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นแรงผลักดันให้องค์กรมีการลงทุนด้านไอที อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าเร็วๆ นี้ บริษัทวิจัยตลาดไอที อย่างไอดีซี จะมีการปรับลดตัวเลขการเติบโตทั้งปีลงเล็กน้อย จากเดิมเมื่อต้นปีคาดการณ์ว่าตลาดไอทีโดยรวมปีนี้จะเติบโตราว 9% ทั้งนี้เป็นผลมาจากผลกระทบทางด้านการเมือง และการชุมนุมประท้วงในช่วงเดือนเมษายน และพฤษภาคม
สำหรับมุมมองการทำตลาดของเดลล์มองวิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นโอกาส เนื่องจากบริษัทมีโซลูชันที่สามารถแก้ปัญหาของลูกค้า โดยหลังจากเหตุการณ์สงบมีลูกค้าติดต่อเข้ามายังคอลล์เซ็นเตอร์ของเดลล์เพิ่มขึ้นเท่าตัว เพื่อให้เข้าไปช่วยในการย้ายดาต้าเซ็นเตอร์ และสนใจในเรื่องของบริการคลาวด์เซอร์วิส อาทิ บริการจัดการช่วงวิกฤติ (Crisis Management) เช่นการแจ้งเตือนพนักงานผ่านอี-เมล์ เอสเอ็มเอส และบริการสำรองข้อมูล
"ครึ่งปีหลังมีตลาดที่เป็นโพสิทีฟ และเนกะทีฟ โดยที่เป็นโพสิทีฟ คือ ความเชื่อมั่นภายในประเทศ ซึ่งเอสเอ็มอีมาร์เก็ต และคอนซูเมอร์ การใช้จ่ายไม่ได้ลดลง ซึ่งในช่วงการชุมนุมประท้วงนั้นยอดขายของร้านค้าในพื้นที่การชุมนุมอาจได้รับผลกระทบ แต่พื้นที่รอบนอกไม่ได้รับผลกระทบ โดยยังคงมียอดขายเติบโตได้ดี โดยเฉพาะพื้นที่ในต่างจังหวัด ส่วนที่เป็นเนกะทีฟ คือ ความเชื่อมั่นในการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น โดยตลาดไอทีไทยยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ"
นายอโนทัย กล่าวต่ออีกว่าล่าสุดได้เปิดนำเสนอโซลูชันเฟล็กซิเบิล คอมพิวติ้ง ( Flexible Computing) ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถให้พนักงานหรือบุคลากรขององค์กรลูกค้าสามารถทำงานที่ไหน เมื่อไร ก็ได้ โดยใช้อุปกรณ์ อาทิ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือ สมาร์ทโฟน เชื่อมต่อเข้ามายังศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร เพื่อดึงข้อมูล หรือระบบงานต่างๆ ไปใช้งาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ช่วยให้องค์กรมีการทำงานต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายไอทีองค์กรสามารถบริหารจัดการศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้น
"หลังวิกฤติ คอลล์เซ็นเตอร์เดลล์ได้ติดต่อไปยังลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกว่า 200 ราย หลายองค์กรเริ่มเตรียมแผนรองรับหากเกิดสถานการณ์วิกฤติขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรธุรกิจในพื้นที่ไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งภายหลังจากนำเสนอโซลูชันดังกล่าวให้กับลูกค้า ลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในจำนวนดังกล่าวคาดว่ามีลูกค้าประมาณ 20 รายตื่นตัวและมีแนวโน้มลงทุนระบบดังกล่าว ขณะที่ทั่วโลกนั้นมีองค์กรที่มีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้งานเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 15%
พร้อมกันนั้นบริษัทยังได้เปิดตัวโน้ตบุ๊ก "วอสโทร" ซีรีส์ 3000 น้ำหนักเบา และบาง ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการโซลูชันการประมวลผลแบบโมบาย ใช้ตัวประมวลผลอินเทล คอร์ ไอ7 มาพร้อมระบบความปลอดภัยสูง ราคาเริ่มต้น 28,000 บาท และโน้ตบุ๊กตระกูลอี 3 รุ่น ราคา 39,000 - 54,000 บาท
ที่มา: thannews.th.com