คริส เวเบอร์ผลิตภัณฑ์ของโนเกียในท้องตลาดเวลานี้ “รองประธานบริหาร” โนเกียวางไทยเป็นตลาดสำคัญ หลังเห็นปัจจัยการก้าวผ่านจาก 2G สู่ 3G ที่ทำให้มีโทรศัพท์ต้องถูกจำหน่ายกว่า 40-50 ล้านเครื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ลุยเสริมความแข็งแกร่งด้านการตลาดในทุกทาง มั่นใจสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้แน่นอนตามแนวทางที่วางไว้ รับสนใจตลาดแท็บเล็ต แต่ยังไม่ขอพูดถึง นายคริส เวเบอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โนเกีย คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตอนนี้โนเกียถือว่าประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้ ด้วยการผลักดันสมาร์ทโฟนลูเมีย ซึ่งใช้งานระบบวินโดวส์โฟน ขึ้นมาเป็นขั้วที่ 3 ในตลาดได้สำเร็จในไตรมาสล่าสุด
“”ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาโนเกียขายสมาร์ทโฟนลูเมียไปได้กว่า 7.4 ล้านเครื่อง ขณะที่แบล็กเบอร์รีสามารถขายได้เพียง 6.8 ล้านเครื่องเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของโนเกียในตลาดสมาร์ทโฟนที่จะไล่ตามผู้นำในตลาดต่อไป”
ขณะที่ในตลาดแท็บเล็ต แม้ว่าจะมีข่าวลือที่ได้รับการรายงานจากหลายแห่งว่าโนเกียกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ในช่วงปลายเดือนกันยายนนั้น ทางคริสให้ข้อมูลเพียงว่าตลาดแท็บเล็ตถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพียงแต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น
นั่นหมายความว่าภายในโนเกียก็ให้ความสำคัญต่อตลาดแท็บเล็ต แต่อยู่ในระหว่างรอช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำตลาด และแน่นอนว่าด้วยความสัมผัสกับไมโครซอฟท์ จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่ทางโนเกียจะส่งแท็บเล็ต วินโดวส์ 8 ออกมาทำตลาด
ล่าสุดการมาเยือนประเทศไทยของคริส ซึ่งถือเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนของการเดินทางในเที่ยวนี้ สื่อความหมายได้ว่าทางโนเกียกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในอัตราการเติบโตของโนเกียในประเทศ ซึ่งมีปัจจัยมาจากการที่เหล่าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกำลังเร่งโอนย้ายลูกค้าจากสัญญาสัมปทานไปสู่ใบอนุญาตให้บริการแทน
นอกจากนี้ยังถือเป็นการมาทำความเข้าใจกับตลาดเพื่อมองว่าสิ่งใดคือกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และดูว่าจะช่วยเหลือทีมให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพได้อย่างไร โดยเฉพาะขั้นตอนภายในให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วที่สุด
นายญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเสริมว่า ทางผู้ให้บริการเคยให้ข้อมูลกับโนเกียว่าจะมีลูกค้าราว 40-50 ล้านรายที่ต้องทำการเปลี่ยนไปใช้งานเครือข่าย 3G ภายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้จากสัญญาสัมปทานเดิมที่ทยอยหมดลง ทำให้ถือเป็นโอกาสสำคัญของโนเกียในการขยายตลาดให้กว้างขึ้น
“เชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังให้ความไว้วางใจกับแบรนด์อย่างโนเกีย ซึ่งทางโนเกียก็ตอบแทนลูกค้าด้วยการนำเครื่องที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับราคาเข้ามาวางจำหน่ายในช่วงราคาที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากที่สุด”
นายคริสกล่าวต่อว่า รูปแบบการทำตลาดในช่วงหลังของโนเกียจะเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ใช้งานให้แก่ผู้ใช้ ให้เห็นว่าตัวเครื่องสามารถทำอะไรได้บ้าง มากกว่าคอยมาเปรียบเทียบขนาดหน้าจอ หรือสเปกเครื่องให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน
“เมื่อโนเกียต้องการแสดงความสามารถของตัวเครื่อง วิธีการที่ให้เห็นชัดที่สุดคือการนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด ดังจะเห็นได้จากโฆษณาหลายๆ ตัวในช่วงหลังของโนเกีย ที่ชูความโดดเด่นในเรื่องกล้องเทียบกับแบรนด์คู่แข่งในมุมที่สนุกสนานและเข้าใจง่าย”
ส่วนการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน คริสมองว่าตลาดที่มีโอกาสเติบโตมากที่สุดคือ สมาร์ทโฟนในช่วงระดับราคาที่ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้ง่าย หรือช่วงระดับราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ซึ่งในจุดนี้โนเกียก็มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมอยู่หลายรุ่น
โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 โนเกียเตรียมจะส่งฟีเจอร์โฟน โนเกีย 208 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโทรศัพท์ 3G รุ่นแรกที่สามารถใช้งาน Line ได้ ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้ใช้งานในราคาไม่เกิน 2,000 บาท
ขณะที่ในเครื่องระดับบนก็มี Lumia 1020 ที่เตรียมวางจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายนนี้ ชูจุดเด่นที่เป็นวินโดวส์โฟน 8 ที่มีกล้องถ่ายภาพคมชัดที่สุด สามารถถ่ายภาพเพื่อซูมเข้ามาโดยไม่เสียรายละเอียดได้ 3 เท่า ประกอบกับฟีเจอร์ในการถ่ายภาพต่างๆ ของโนเกีย เพียงแต่ว่าปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายในประเทศไทย
Company Relate Link :
Nokia
ที่มา: manager.co.th