“ผจก.ส่วนตัวเจมส์ จิ” น้อมรับความผิดพลาดในการดูแล “เจมส์ จิ” ขอโอกาสคนในวงการบันเทิงและแฟนๆ เลิกแอนตี้นักแสดงหนุ่ม ชี้ตนผิดเองที่จ้างคนดูแลที่เก่งเฉพาะด้านแต่ขาดการดูแลเอาใจใส่นักแสดงอย่างแท้จริงจึงทำให้เกิดเรื่องราวขึ้น ยันที่ผ่านมาไม่ได้มีมาตรการตั้งกฎเหล็กดูแลพระเอกหนุ่มในรูปแบบเหมือนนักแสดงเกาหลี หลังจากที่กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิจารณ์ในความเยอะเรื่องมากของนักแสดงสุดฮอตอย่าง "เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข" ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับงานที่จะรับเฉพาะแต่งานละครและโฆษณา ไม่รับงานอีเว้นต์ และตั้งกฏเหล็กในการออกงานของนักแสดงหนุ่มแต่ละครั้งต้องมีการ์ดคอยประกบคุมเป็น 10 คน ให้สัมภาษณ์แต่เฉพาะเรื่องของงานเท่านั้น ที่สุดๆ ก็คือห้ามเข้าใกล้ชิดตัวนักแสดง ไม่ให้เอาไมค์จ่อปากแต่จะจัดตั้งโต๊ะแถลงข่าวทุกครั้งที่นักแสดงหนุ่มออกงาน เรียกว่ามาตรฐานเยอะแบบศิลปินเกาหลีที่ต้องกั้นเชือกห้ามเข้าใกล้ไม่ต่ำกว่า 5 เมตร
รวมไปถึงกรณีกับสาว “นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์” พิธีกรสาวเข้าไปขอนักแสดงหนุ่มถ่ายรูปแต่ได้รับการปฎิเสธจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้เกิดเพจคนรวมตัวแอนตี้นักแสดงหนุ่ม ล่าสุดผู้จัดการส่วนตัวคนดัง "ปิ๊ก ชาญฉลาด ทวีทรัพย์" ได้ออกมาน้อมรับความบกพร่องและชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า...
"เราได้เห็นแล้ว เจมส์เองก็รับทราบ ทางเราเองก็เสียใจเหมือนกัน แต่ว่าอะไรที่เราทำออกมาแล้วไม่ถูกใจก็อยากจะขอโทษ และตั้งใจว่าอยากจะขอโอกาส เราจะพยายามอย่างเต็มที่ทั้งตัวน้องเองเรื่องทำงานเรื่องผลงาน กดดันเอางานที่ดีให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และก็ส่วนตัวผมเองจะบริหารจัดการคิวให้ได้”
“ด้วยความอ่อนด้อยของทีมงานมาทำงานร่วมกัน เราดึงทีมงานที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน และเขาก็จะมองเห็นแต่มุมด้านของตัวเอง ทุกคนอยากทำงานให้เสร็จโดยหน้าที่เลยลืมว่าต้องดูแลน้องยังไง และตัวผมเองก็ติดภาระอื่น อันนี้ผมต้องขอโทษจริงๆ พวกเราและผมต้องปรับปรุงและได้คุยกัน ดูแล้วว่าคนที่ทำงานแล้วไปด้วยกันไม่ได้ เราเก็บเข้าไปทำหน้าที่ของเขาให้มากที่สุด เรามีคนที่มาดูเรื่องโฆษณาคนนึง มีคนดูแลเรื่องเอกสารคล้ายๆ ทนายครับ"
"เรื่องต้องการยกระดับสร้างมาตรฐานน้องให้เหมือนซูเปอร์สตาร์เกาหลีก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เรื่องนั้นเรามองไปไม่ถึงจริงๆ แต่แรกเรามีละครต่อเนื่องอยู่แล้ว เรารับปากผู้ใหญ่ว่าเราจะไม่บกพร่องในกองละคร เราเลยคิดว่าเรื่องละครเป็นงานหลัก เราเซ็นสัญญากับช่อง 3 เราก็พยายามทำเรื่องละครให้ดีที่สุด เราไม่ได้ยกระดับน้องให้เทียบเท่าศิลปินเกาหลี เรื่องที่จะไปเกาหลีนี้อยู่ในแพลนแต่แรกอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องการดูแลเราก็ไม่ได้มองตรงนั้น รวมไปถึงเรื่องเกาหลีเราเองก็ไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นศิลปิน 2 ประเทศ ไม่เกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว การไปเกาหลีของน้องคือไปเพิ่มทักษะ เขาร้องได้ เต้นได้ และเล่นดนตรีได้ เราเลยคิดว่าให้โอกาสเขาสักเดือนนึงได้ไปเรียนรู้ในสิ่งที่คนต่างชาติยอมรับ ไม่ได้มองเรื่องนี้จริง แต่เรื่องทักษะเขาจะได้รู้จริงๆ ว่าที่เขาเรียนมาและทำมา จะพัฒนาเป็นคนที่เก่งเลยได้ไหม"
ปัดยื่นโนติสท์สาว “นุ้ย” วอนรุ่นพี่ในวงการเลิกยี้เด็กตน บอกหนุ่ม “เจมส์” ตั้งใจทำะงานอย่างหนัก ขอให้หลายฝ่ายให้โอกาสเด็ก
"ในประเด็นเรื่องนี้ก็ทราบ เราก็รู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน เราอยู่แบบพี่น้อง ผมคิดว่าถ้าน้องทำผิดพี่เองก็สามารถตำหนิได้ เพื่อที่จะเรียนรู้และอยู่ร่วมกันในสังคมบันเทิงได้ แต่เรื่องของกระแสแฟนคลับและโซเซียลมีเดีย ส่วนนึงเราก็ต้องฟังแฟนคลับ แต่ไม่ถึงขั้นไปต่อว่าเราก็มีคุยกันบ้างเวลาได้เจอ เราก็แชร์เรื่องนี้กับน้องๆ แฟนคลับ อันนี้เป็นอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุม อยากจะขอให้โอกาสเรากว่านี้ได้ไหม เราอาจจะมีเวลาน้อยเกินไปที่ใส่ใจในเรื่องพวกนี้ เรื่องยื่นโนติสท์อะไรนี่ก็ไม่เลย ช่วงนั้นผมไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ด้วย ช่วงนั้นกลับไปหาคุณแม่ คือคนที่ดูแลเรื่องเอกสารของเจมส์ ภรรยาเขาเป็นเหมือนพี่สาวปอนด์แฟนของคุณนุ้ย ก็รู้จักกันดีจะเห็นเลยว่าเขาสนิทกันดี"
"ส่วนเรื่องแฟนคลับเราก็ขอร้องแต่ทางกองละครเป็นคนที่คุยและดูแลเรื่องนี้ ว่าขอให้แฟนคลับอยู่ไกลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ขอโอกาสให้ทีมงานได้ถ่ายทำและได้เทปที่ดีด้วย เราคุยกันและน้อมรับคำติชม และพี่ๆ สื่อมวนชนที่เข้ามาเกี่ยวข้องเราขอบคุณมากที่วันนี้เป็นช่วงเวลาทีดีและไม่สายเกินไปที่จะทำให้เราได้กลับมามองตัวเอง ให้เด็กคนหนึ่งที่ย้ายมาจากจังหวัดพิจิตรมาอยู่กรุงเทพฯ ไปอยู่กองถ่ายละคร ได้มีโอกาสได้เรียนรู้ก็ฝากมีอะไรก็สั่งสอนกันไป”
“เจมส์เป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงานมาก เขาจะโฟกัสในสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าเลยมีโอกาสที่จะได้คุยกันน้อย เขาเองก็ทำงานแต่เช้าส่วนใหญ่ก็จะไลน์คุยกัน แต่เขาก็น้อมรับทุกเรื่องเลยและรับปากว่าจะทำตัวเองให้ดี โดยเฉพาะการเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ผู้อาวุโส เขาเป็นรุ่นน้องทุกคนเป็นรุ่นพี่หมด เขาคงต้องทุ่มเทมากกว่านี้ ทุกอย่างที่เขาทำมายังน้อยไป"
ที่มา: manager.co.th