“อินดี้ อินทัช” ลูกชาย “บี๋ ธีระพงษ์ - ฮันนี่ ภัสสร” เข้าวงการบันเทิงตามรอยพ่อกับแม่ ประเดิมละครมาดามดัน และชื่นชอบการถ่ายภาพเหมือนพ่อ แต่ไม่ชอบถ่ายภาพนู้ดเหมือนพ่อ เน้นภาพวิวธรรมชาติ มองการถ่ายภาพนู้ดเป็นศิลปะไม่ใช่เรื่องลามก ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน เป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้นเลยทีเดียวสำหรับ “อินดี้ อินทัช เหลียวรักษ์วงศ์” ลูกชายของ “บี๋ ธีระพงษ์ เหลียวรักษ์วงศ์” กับ “ฮันนี่ ภัสสร บุณยเกียรติ” ที่ตอนนี้เข้าวงการเจริญตามรอยพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว โดยประเดิมละครเรื่อง “มาดามดัน” ของบรอดคาซท์ และเล่นหนัง “ตี3 3 คืน” เท่านั้นไม่พออินดี้ยังชื่นชอบการถ่ายภาพเหมือนบี๋อีกต่างหาก โดยมีผลงานภาพถ่ายแสดงตามแกลอรี่ แต่เรื่องจะให้ถ่ายภาพนู้ดเหมือนพ่อ เจ้าตัวบอกว่าถนัดถ่ายภาพวิวมากกว่า
“ตอนนี้ผมก็มีผลงานละครเรื่องมาดามดัน จะเป็นแนวคอมเมดี ผมรับบทเป็นนักข่าวด้วยไม่ค่อยห่างตัวเท่าไหร่ก็ชิล แล้วก็จะมีภาพยนตร์เรื่อง ตี3 3 คืน เป็นหนังผีน่ากลัวมาก หนังผีต้องเครียดสำหรับผมมันไม่ง่ายนะคือฉากกลัวเป็นฉากอะไรที่ยากมาก ผมมองว่ายากกว่าร้องไห้อีก ผมก็เลยมองว่าหนังคอมเมดีไม่ค่อยห่างตัวผม ส่วนใหญ่ผมก็จะได้รับคำแนะนำจากคุณแม่มากกว่าแม่ก็จะแนะนำ แต่ผมก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง บรอดคาซท์ก็จะส่งผมไปเรียน”
“ส่วนคุณพ่อจะแนะนำเรื่องการถ่ายภาพครับ เพราะผมชอบถ่ายภาพ ก็เห็นคุณพ่อถ่ายมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่อถ่ายภาพนู้ดเห็นเขาถ่ายแล้วก็มีบ้างเป็นบางอารมณ์ที่อยากถ่ายบ้าง แต่จริงๆ แล้วผมชอบถ่ายวิวธรรมชาติมากกว่าพวกสิ่งของอะไรอย่างนี้ ชอบถ่ายพวกวิถีสัตว์ตามธรรมชาติออกแนวพวกสารคดี”
“สำหรับการถ่ายภาพนู้ดผมมองว่ามันเป็นศิลปะ หลายๆ คนอาจมองว่าไม่ดีนะ แต่สำหรับตัวผม ผมว่าน่าจะเป็นที่มุมมองของแต่ละคนมากกว่า อย่างพ่อบอกว่าถ่ายนู้ดไม่ใช่มันเป็นเรื่องไม่ดีคือสำหรับบางคนมันก็เป็นอาชีพการทำงานของเรา ผมว่าโอเคมันเป็นงานมันเป็นศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาแบบนี้”
“คนที่ถ่ายนู้ดก็ไม่ใช่คนไม่ดีนะครับ ไม่ใช่คนลามก เพราะสำหรับบางคนมันก็เป็นอาชีพการทำงานของเขา คือทุกอย่างมันอยู่ที่คนจะมองเพราะบางคนมองไม่เหมือนกัน หลายคนอาจจะถ่ายทอดวิวนะ อย่างพ่อผมอาจถ่ายทอดด้วยการถ่ายแบบ”
ส่วนแรงบันดาลใจชอบการถ่ายรูปมาจากตนเองและพ่อ
“แรงบันดาลใจของผมในการถ่ายภาพ ผมว่าเป็นที่คุณพ่อครึ่งนึง แล้วอยู่ที่ผมอีกครึ่งนึง คือคุณพ่อเลี้ยงผมแบบชิลๆ เลี้ยงผมแบบฝรั่ง ต้องการหรือไม่ต้องการทำอะไรคุณพ่อจะไม่บังคับ ตอนเด็กๆ ผมก็ไม่ค่อยได้ไปดูคุณพ่อทำงานครับเพราะตอนนั้นผมเด็กมากเวลาจะไม่ค่อยตรงกับพ่อเพราะว่าผมต้องเรียนด้วย แต่ก็จะมีเห็นผลงานของพ่อเป็นบางที”
“ส่วนตัวผมจึงรู้สึกว่าบางอย่างเราต้องทำ เช่นเวลาถ่ายรูปผมจะถ่ายตามสถานที่ที่เหมาะสม คือสถานที่บางทีมันมีเสน่ห์ตรงที่อยากให้ผมจดจำ อีกอย่างผมก็มองว่าภาพนั้นก็เป็นการเล่าเรื่องและเป็นการบอกว่าภาพเหล่านี้หมายถึงอะไร”
ภูมิใจทุกครั้งที่ผลงานได้โชว์ในงานแกลลอรีต่างๆ บอก บางครั้งแอบวิตกกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบผลงาน
“บางทีเราคิดถึงมันเราก็เอามาดูผลงานของเรา แล้วก็รู้สึกดีว่าเป็นผลงานที่เราถ่าย เวลาผลงานของเราได้เอาไปโชว์ในงานแกลลอรี มีคนมาชมผลงานของเราก็รู้สึกดีรู้สึกปลื้มนะครับ แต่อีกมุมหนึ่งผมก็คิดว่าผลงานของเราที่ถูกเอามาโชว์คนอื่นเขาจะชอบหรือเปล่า แต่สำหรับผมก็โอเคเพราะเราถือว่าเราทำดีที่สุดแล้วก็หวังว่าจะถูกตาเขา”
อยากถ่ายรูปให้สวย พ่อบอกเสมอว่า สอนให้ตายก็ไม่เก่ง เพราะว่าทุกอย่างต้องพัฒนาด้วยตัวเอง ส่วนอุปกรณ์ดีนั้นเป็นแค่องค์ประกอบ
“พ่อบอกว่าฝีมือคืออย่างหนึ่ง อุปกรณ์ในการใช้ก็คืออย่างหนึ่ง เราก็ต้องพัฒนาด้วยตัวเองเพราะต่อให้พ่อสอนให้ตายมันก็จะไม่เก่งขึ้นมาหรอกเราต้องพัฒนาด้วยตัวเอง แต่บางอย่างถ้าเราใช้อุปกรณ์ที่ดีภาพก็จะออกมาสวย บวกกับมุมมองของเราด้วยว่าเราจะถ่ายภาพออกมาแบบไหน อย่างที่บอกเวลาเราไปถ่ายนั่นถ่ายนี่ เราไม่อยู่กับที่ อย่างแกลลอรีของผมไม่เคยถ่ายที่บ้าน ผมจะไม่มีการถ่ายตัวเอง ผมจะถ่ายอย่างอื่นหมดเลย เพราะส่วนใหญ่ผมจะถ่ายวิว ถ่ายธรรมชาติ ถ่ายของที่ผมรัก อย่างผมบอกผมซื้อโมเดลซามูไรมาผมรักมาก ผมก็จะไปถ่ายวัดที่ญี่ปุ่นแล้วเราก็ทำเป็นแกลอรี่ไว้เพื่อโชว์ให้เห็นแล้วชอบอาจจ้างผมไปถ่าย (หัวเราะ)”
ที่มา: manager.co.th