พิธีกรชื่อดังตัดสินใจขอโทษประเทศสวิสฯ และร้านหรูที่เธอเพิ่งจะเอ่ยปากกล่าวหาว่าพนักงานคนหนึ่งแสดงพฤติกรรมเหยียดผิว ที่ไม่ยอมโชว์กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงให้ดู ซึ่ง "โอปราห์" เชื่อว่ามาจากสาเหตุที่คู่กรณีจำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร และคิดว่าเธอไม่น่าจะมีปัญญาซื้อกระเป๋าใบดังกล่าว ส่วนฝ่ายพนักงานคู่กรณีขอให้ข่าวตอบโต้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นแน่นอน "ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ที่ระบายอารมณ์แบบนั้นออกไป ซึ่งฉันเองไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ยชื่อร้านไปโดยตรง ขอโทษด้วยที่เอ่ยชื่อประเทศออกมา" โอปราห์ วินฟรีย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ใหญ่โตในเวลาต่อมา "คำพูดของฉันไม่ได้เป็นการกล่าวหาสวิตเซอร์แลนด์ หรือกระทั่งร้านแห่งนั้น แต่เฉพาะเจาะจงไปถึงคนเพียงคนเดียว ที่ปฏิเสธไม่ยอมให้ฉันดูกระเป๋าใบนั้น เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะมาเอ่ยปากขอโทษฉันแบบนั้น"
พิธีกรคนดังยังอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าปกติเธอไม่จะไม่ค่อยเจอการเหยียดผิวต่อหน้า จึงอาจจะค่อนข้างอ่อนไหวต่อเรื่องแบบนี้เป็นพิเศษ "ไม่เคยมีใครมาพูดคำ N ต่อหน้าหรอกค่ะ นอกจากใน Twitter หรือ Facebook เท่านั้น ซึ่งมันเกิดขึ้นกับฉันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เกิดขึ้นตอนเข้าไปในร้าน และเธอคนนั้นคงไม่รู้ว่าฉันถือบัตรเครดิตประเภท Black Amex (บัตร Black American Express แบบที่ออกให้คนซึ่งพิเศษจริง ๆ เท่านั้น) เอาไว้ด้วยเหมือนกัน เลยประเมินเอาจากสิ่งที่เห็นภายนอก ซึ่งฉันเดาว่าตัวเองคงแต่งตัวได้ไม่ดีเท่าไหร่กระมัง"
ในเวลาเดียวกันพนักงานร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม ก็ไม่ยอมเป็นเป้าให้ตัวเองโดนพิธีกรหญิงระดับโลกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อล่าสุดเธอได้ให้ข่าวตอบโต้ ยืนยันไม่เคยเหยียดผิว "โอปราห์ วินฟรีย์" อย่างที่โดนกล่าวหาอย่างแน่นอน
โดยพนักงานขายของร้าน Trois Pommes ในสวิตเซอร์แลนด์ขออธิบาย ว่าตนเองไม่ได้ให้เหตุผลว่า "มันแพงเกินไปกว่าที่เธอจะซื้อได้" หลังไม่ยอมหยิบกระเป๋าราคาแพงให้ โอปราห์ วินฟรีย์ ดูอย่างที่โดนกล่าวหาแน่ ซึ่งพนักงานรายนี้กล่าวกับสื่อในสวิสฯ ว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ
"มันไม่จริงเลย ไร้สาระมาก ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับลูกค้าแน่ ๆ ไม่เคยเลยจริง ๆ มารยาท และความสุภาพอ่อนน้อมคือสิ่งที่สำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว" Daily Mail อ้างอิงคำพูดของพนักงานร้าน Trois Pommes ที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น SonntagsBlick เมื่อวันที่ 11 ส.ค.
คู่กรณีของ โอปราห์ ยอมรับเธอจำไม่ได้ว่าลูกค้าในวันนั้นคือคนดังระดับโลก และยังเปรยว่าไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันที่คนดังอย่าง โอปราห์ มาสร้างเรื่องกล่าวหาเธอที่เป็นเพียงพนักงานขายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแบบนี้ และยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ อีกว่า "ตอนที่เข้าร้านมาในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 20 ก.ค. ฉันไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะหยิบสินค้าตัวไหนไปให้เธอดู ก็เลยหยิบกระเป๋าจากคอลเล็คชั่นของ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ให้ดู ฉันอธิบายไปว่ามีกระเป๋าแบบนี้หลายขนาด แล้วก็หลาย ๆ วัสดุ อย่างที่ทำเป็นปกติ"
"ตอนนั้นเธอมองไปที่ชั้นด้านหลังของฉัน ซึ่งด้านบนมีกระเป๋าหนังจระเข้ราคา 35,000 ฟรังค์สวิสฯ วางเอาไว้ ฉันเลยบอกไปตามปกติว่าใบนั้นก็เป็นแบบเดียวกับที่ฉันกำลังถืออยู่ในมือนี่แหละ เพียงแต่แพงกว่ามาก และฉันสามารถหยิบกระเป๋าแบบเดียวกันให้ดูได้ มันไม่จริงแน่นอนที่ว่าฉันไม่ยอมหยิบกระเป๋าให้ดูเพราะการเหยียดผิว หลังจากนั้นฉันถามเธออีกด้วยซ้ำไปว่าอยากดูกระเป๋าใบนั้นอยู่รึเปล่า" พนักงานร้านผู้โชคร้ายเล่า พร้อมบรรยายว่าตอนนั้น โอปราห์ ไม่ตอบอะไรแล้ว นอกจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ ร้าน "แล้วเธอกับคนที่มาด้วยกันก็ออกจากร้านไป"
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทรูดี โกต์ซ เจ้าของร้าน Trois Pommes ก็เคยปกป้องลูกจ้างร้าน ในการให้ข่าวกับรอยเตอร์ที่เธอเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดเท่านั้น เพราะภาษาอังกฤษอันอ่อนด้อยของพนักงานร้านของเธอ
อย่างไรก็ตามพนักงานสาวที่กลายเป็นคู่กรณีของ โอปราห์ ก็ยังฝากคำขอโทษไปถึงพิธีกรคนดังแห่งแดนมะกันว่า "ฉันอยากจะขออภัย และยืนยันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะดูหมิ่นคุณ วินฟรีย์ เลย หวังว่าฝันร้ายนี้จะจบลงเสียที"
ที่มา: manager.co.th