Author Topic: “อนุดิษฐ์” เดินเกม แก้ พ.ร.บ.กสทช.  (Read 720 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ลุแก่อำนาจเอื้อประโยชน์เอกชนดีนัก “ไอซีที” เล็งเดินหน้าแก้พ.ร.บ.กสทช.หลังใช้มา 3 ปีมีแต่ปัญหาอุปสรรคไม่ส่งผลดีต่อวงการโทรคมนาคม โดยเฉพาะประเด็นการตีความเข้าข้างตัวเอง คาดใช้เวลาไม่เกิน 2 ปีแล้วเสร็จ
       
       น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวว่า ในตอนนี้กระทรวงไอซีทีมีแผนทำเรื่องเสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรี ในการข้อแก้ไข และปรับปรุงกฎหมายใน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ภายหลังหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลังพบว่า พ.ร.บ.กสทช.ฉบับดังกล่าวมีปัญหา และอุปสรรคในการใช้กฏหมาย
       
       เนื่องจากข้อกฏหมายในบางมาตราของ พ.ร.บ.กสทช. ก่อให้เกิดการตีความในเชิงของกฎหมายที่ต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะตีความเข้าข้างตัวเอง ฉะนั้นจึงมีความเห็นว่าควรจะแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และไม่ต้องตีความอีก
       
       “ล่าสุดที่ตีความต่างกันกรณีการบริหารจัดการคลื่นหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่ทำไว้ร่วมกับ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และ บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือ ดีพีซี ซึ่งในประเด็นดังกล่าวทาง กระทรวงไอซีที และกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) มีความเห็นในการตีความกฎหมายที่ต่างกัน”
       
       ทั้งนี้ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาที่มีการนำเอาพ.ร.บ.กสทช.มาใช้ มีทั้งปัญหา และอุปสรรค รวมไปถึงมีการฟ้องร้องมาโดยตลอด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อวงการโทรคมนาคมแต่อย่างใด โดยทางออกที่ดีควรระดมสมอง เพื่อแก้ไขกฎหมายฉบับดังกล่าวให้สมบูรณ์ และถูกต้อง เพื่อไม่ต้องนำไปตีความ หรือมีเรื่องต้องฟ้องศาล ถึงแม้จะต้องใช้เวลาแก้ไขกฎหมายไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี ก็ต้องทำ ส่วนใครจะเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขนั้น คงต้องหารือกันอีกครั้งต่อไป
       
       ส่วนรายละเอียด ที่มีหลายฝ่ายให้ความเห็นว่าควรจะแก้ไขได้แก่ มาตรา 27 เรื่องอำนาจหน้าที่ของกสทช. เนื่องจากการใช้อำนาจของกสทช.ขัดแย้งกับพ.ร.บ.ประกอบกิจการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 และมาตรา 28 การรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนทั่วไป เพื่อนำความเห็นที่ได้มาประกอบการพิจารณาก่อนออกประกาศ แต่ในทางปฏิบัติ มีการเสนอความเห็น แต่กสทช.ไม่ได้นำมาประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด
       
       นอกจากนี้ในมาตรา 29 การกำหนดอัตราค่าเชื่อมใช้หรือค่าเชื่อมต่อโครงข่ายหรือค่าธรรมเนียม กสทช.ไม่ได้นำต้นทุนที่แท้จริงมาคำนวณ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม และเป็นภาระของผู้ประกอบการ มาตรา 45 ผู้ประสงค์จะใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคม ต้องได้รับใบอนุญาต และต้องประมูลคลื่นความถี่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศกสทช. แต่ผู้มีข้อโต้แย้ง กรณีที่มีการใช้คลื่นความถี่อยู่แล้ว ก็จะมีสิทธิ์ใช้คลื่นไปจนกว่าจะสี้นสุดใบอนุญาต ไม่ใช่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และบทเฉพาะกาล มาตรา 84 ซึ่งถือว่ามีความไม่ชัดเจน ทำให้มีการตีความกันหลายความเห็นมาก ซึ่งถือว่าไม่เป็นผลดีต่อวงการโทรคมนาคม
       
       รวมไปถึงกรณีอ้างอิงมาตรา 46 มิให้ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจที่นำคลื่นที่ได้รับจัดสรรแล้วไปให้ผู้อื่นประกอบกิจการโดยการอนุญาต สัมปทาน หรือตามสัญญา ไปใช้คลื่นความถี่แล้วสามารถประกอบกิจการได้ตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งก็จะเกิดคำถามว่า แล้วสัญญานั้นต้องโอนทรัพย์สินคืนให้รัฐ แล้วจะนำทรัพย์สินนั้นมาใช้กับคลื่นความถี่ใด และหากต้องขายทรัพย์สิน ก็ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และหากขยายระยะเวลาการเยียวยา เหมือนกันที่กสทช.พยายามจะออกประกาศมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการออกไปอีก 1 ปีนั้น ก็ถูกมองว่า เป็นการขยายอายุสัญญา ซึ่งก็ไม่มีข้อยุติ และมีแนวโน้มที่จะมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาล เพื่อให้ชี้ขาด ฉะนั้นทางออกดีควรจะดำเนินการแก้ไขพ.ร.บ.กสทช.โดยด่วน
       
       Company Relate Link :
       ICT

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)