เอเอฟพี - พยานของ AEG Live แสดงความเห็นว่าตัวเลขค่าเสียหาย 1,500 ล้านเหรียญฯ ที่ทางครอบครัว “แจ็กสัน” เรียกร้อง ถือว่าเกินจริงไปมาก เพราะก่อนจะเสียชีวิตชื่อเสียงของราชาเพลงป๊อปถือว่าเสียหายหนัก ถึงขั้นทำให้คอนเสิร์ต 50 รอบที่ขายบัตรล่วงหน้าได้เร็วเป็นประวัติการณ์ ยังไม่สามารถหาสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนได้เลย มีข้อมูลใหม่จากคดีประวัติศาสตร์ออกมาอีกแล้ว เมื่อ อีริค บริกก์ส แห่งบริษัทที่ปรึกษา FTI Consulting ได้ขึ้นให้การในคดีฟ้องร้องระหว่างครอบครัว แจ็กสัน และ AEG Live ซึ่งดำเนินมาเป็นสัปดาห์ที่ 14 แล้ว ด้วยการแสดงความเห็นว่าค่าเสียหายมหาศาลที่ทางครอบครัวเรียกนั้น น่าจะเป็นตัวเลขที่เกินจริงไปพอสมควร
โดยทางครอบครัวได้กล่าวหา AEG Live ว่าบกพร่องในการดูแล ไมเคิล แจ็กสัน ระหว่างการเตรียมตัวขึ้นแสดงคอนเสิร์ตในปี 2009 จนสุดท้ายการจัดคอนเสิร์ตสั่งลาความยิ่งใหญ่ในวงการเพลงของราชาเพลงป๊อปจึงต้องลงเอยด้วยโศกนาฏกรรม และตามมาด้วยการฟ้องร้องเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง และเรียกร้องค่าเสียหายที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในปัจจุบัน
ในคำฟ้อง ครอบครัวแจ็กสัน ได้กล่าวหาว่า AEG Live กดดัน ไมเคิล แจ็กสัน อย่างหนักระหว่างการซ้อมคอนเสิร์ตที่ลอสแองเจลิส ก่อนที่เขาจะต้องขึ้นแสดงที่ลอนดอน และไม่ได้มีการดูแล ไมเคิล อย่างดีพอ รวมถึงบกพร่องในการจ้างนายแพทย์ คอนราด เมอร์เรย์ มาดูแลเขา แต่สุดท้ายหมอคนนี้กลับมีส่วนต่อการเสียชีวิตของ ไมเคิล
โดยหมอเมอร์เรย์ ได้ถูกตัดสินให้มีความผิดในข้อหาประมาทเลินเล่ออย่างรุนแรง จนทำให้ ไมเคิล แจ็กสัน เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2009 ด้วยสาเหตุการใช้ยากล่อมประสาทโปรโปฟอลเกินขนาด ทั้งที่ปกติยาชนิดนี้มีไว้เพื่อการผ่าตัด
ซึ่งครอบครัวแจ็กสันได้เรียกร้องค่าเสียหายจาก AEG Live เป็นจำนวนเงิน 1,500 ล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 47,044 ล้านบาท โดยเป็นตัวเลขที่ผู้เชี่ยวชาญคำนวณจากโอกาสทางรายได้ที่ ไมเคิล แจ็กสัน น่าจะทำได้จากคอนเสิร์ต และทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก หากเขายังมีชีวิตอยู่
แต่ฝ่าย บริกก์ส ที่ให้การในฐานะพยานของฝ่ายจำเลย มองว่าเขาไม่เห็นด้วยการกับคำนวณรายได้ดังกล่าว เพราะด้วยชื่อเสียงที่เสียหายจากข่าวฉาวต่างๆ ก่อนเสียชีวิต พูดได้ว่าหากเขาไม่ได้เสียชีวิตไปในตอนนั้น ไมเคิล ก็ไม่น่าจะทำเงินได้มากอย่างที่มีการกล่าวอ้าง
เขายังชี้ให้เห็นว่าภาพพจน์ของราชาเพลงป๊อปนั้น เรียกว่าตกต่ำอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในวันที่ 25 มิ.ย. 2009 ถึงขั้นที่ว่าไม่มีบริษัทใดยอมเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตครั้งนั้น แม้การแสดง 50 รอบในลอนดอนจะขายบัตรล่วงหน้าหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
“บริษัทต่างๆ ชื่นชมเหล่าศิลปินที่สามารถให้การแสดงอันยอดเยี่ยมได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยากจะให้ชื่อสินค้าตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ กับศิลปินบางคน” เขาแสดงความเห็น
บริกก์ส ยังอ้างว่า ไมเคิล ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุค 80s สามารถเรียกชื่อเสียงกลับมาได้อีกครั้งในช่วงยุค 90s แต่เส้นทางความดังก็กลับสะดุดอีกครั้ง และชื่อเสียงถึงขั้นดิ่งลงเหวนับจากปี 2003 เป็นต้นมา ด้วยหลายๆ สาเหตุ แต่ที่สำคัญและมีผลต่อภาพพจน์ของเขามากที่สุดก็คือข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดเด็กชายหลายคน
บริกก์ส จึงกล่าวสรุปว่า สำหรับสินค้ายี่ห้อใหญ่แล้ว ชื่อของ แจ็กสัน มีความเสี่ยงสูง เพราะเขาอาจมีข่าวฉาวใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และ “สินค้าต่างๆ คงต้องการอะไรที่คาดเดาได้มากกว่า” ผู้เชี่ยวชาญรายนี้กล่าว
ที่มา: manager.co.th