เอชพี ชี้ปัจจุบันกระแสการใช้งานโมบายล์กลายเป็นเรื่องจำเป็นที่องค์กรต่างๆ ต้องนำมาปรับใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า แนะองค์กรควรสร้างแอปพลิเคชันที่เปิดกว้างให้ลูกค้าเข้ามาใช้งาน เพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าและพนักงานให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย พร้อมเปิดตัวซอฟต์แวร์ Application Transformation ใหม่ช่วยองค์กรสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่มีความพร้อมรองรับการใช้งานแบบ BYOD ตอบสนองเทรนด์การใช้งานยุคใหม่ คามาล ดุททา รองประธาน กลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ เอชพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า ปัจจุบันแอปพลิเคชันโมบายล์ได้มีการนำมาใช้ในการสร้างสัมพันธภาพกับลูกค้า เนื่องจากสามารถใช้งานได้ง่าย และทำให้องค์กรสามารถรักษาลูกค้าและทำให้เกิดความภักดีต่อองค์กรได้อีกทางหนึ่ง
โดยอุปกรณ์โมบายล์เป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนพกติดตัวตลอดเวลา ทำให้การเข้าถึงองค์กรสามารถทำได้ง่ายดายและรวดเร็วแค่เพียงปลายนิ้วมือ ประกอบที่ผ่านมาแรงกดดันจากตลาด BYOD ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องหันกลับมาพัฒนาแอปพลิเคชันของตัวเองให้สามารถเปิดกว้างมากขึ้น และรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย
ดังนั้นองค์กรต่างๆ ต้องให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบที่สำคัญ คือ 1.แอปพลิเคชันภายใน ต้องทำการจัดการด้านการสร้างประสบการณ์ การใช้งานแอปพลิเคชันที่ง่ายและสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน เพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าและพนักงานให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย 2.คลาวด์ องค์กรต้องนำคลาวด์มาใช้ในการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บข้อมูลและทำให้ไอทีมีความลื่นไหลมากขึ้น และ 3.โซเชียลมีเดีย ทำให้ข้อมูลเกิดขึ้นทุกวัน ดังนันต้องหาวิธีการจัดการองค์กรแบบใหม่ เพื่อรองรับกับเทรนด์ต่างๆ เหล่านี้ด้วย
เอชพีมีกลยุทธ์มุ่งพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ง่ายและไม่ซับซ้อน เพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถสร้างแอปพลิเคชันใหม่และเข้าใจง่าย ผนวกรวมกับสภาพแวดล้อมแบบดั้งเดิมและแบบคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ลูกค้าองค์กรมีต้นทุนด้านการพัฒนาลดลง ใช้เวลาในการทำตลาดแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งรายได้และนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
คามาล กล่าวต่อว่า ด้วยเทรนด์การใช้งานดังกล่าว เอชพี จึงได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ Application Transformation ใหม่ ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่มีความต่อเนื่องในการทำงาน พร้อมในการใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถรันได้บนอุปกรณ์โมบายล์ทุกเครื่อง นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ใหม่ยังช่วยให้แอปพลิเคชันที่นำมาใช้สามารถปรับตัวให้รองรับความต้องการที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังสามารถผนวกรวมกับระบบย่อยต่างๆ ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมการประมวลผลของระบบเมนเฟรมแบบดั้งเดิมและแบบคลาวด์
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ HP Anywhere ที่มาพร้อมกับฟีทเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยนักพัฒนาและองค์กรต่างๆ ในการออกแบบ สร้าง และจัดสรรแอปพลิเคชันโมบายล์ระดับองค์กรที่ผนวกกับระบบงานส่วนหลังหรือระบบงานรอง (back-end system)ได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังสนับสนุนการนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในที่ทำงาน (BYOD) ได้อีกด้วย
คามาล กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน แอปพลิเคชันคือหน้าตาขององค์กร แต่แอปพลิเคชันรุ่นเก่าไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในยุคสมัยใหม่ ดังนั้นองค์กรต่างๆ ต้องทำการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งโซลูชันแอปพลิเคชันใหม่ของเอชพีนี้จะช่วยให้องค์กรใช้อุปกรณ์โมบายล์เหล่านี้สร้างความแตกต่างในการแข่งขันได้มากขึ้น เพราะเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันโมบายล์ที่เปี่ยมคุณภาพเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานให้แก่ลูกค้า เพิ่มประสบการณ์การใช้งานด้วยโซลูชั่นคลาวด์และแอพพลิเคชั่นล้ำสมัย
“แอปพลิเคชันที่ทันสมัยยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้องค์กรต่างๆ สามารถทำงานตามพันธกิจที่มีความสำคัญที่สุดของตนได้อย่างราบรื่น สร้างประสบการณ์การใช้งานของอุปกรณ์โมบายล์ต่างๆ ที่ดีขึ้น และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้งานเพิ่มขึ้นอีกด้วย”
Company Relate Link :
HP
ที่มา: manager.co.th