ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ทุ่มงบฯจัดแคมเปญหมึกแท้ หวังตีตลาดหมึกอิงก์แท็ง ขยายฐานกลุ่มผู้ใช้หมึกแท้ "บราเดอร์" จัดโปรโมชั่นมิดเยียร์เซล ซื้อเครื่องพิมพ์ รับสิทธิ์ซื้อซัพพลาย ลด 50% ขณะที่ "เอชพี" เท 80 ล้านบาท ดันแคมเปญ "Value Campaign" เฟส 2 ซื้อหมึกแจกทองยิงยาวถึงเดือน ต.ค. หวังเพิ่มส่วนแบ่งผู้ใช้หมึกแท้ 3-4%
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในการแข่งขันของธุรกิจเครื่องพิมพ์ปีนี้ คือการแข่งขันที่วัสดุสิ้นเปลือง เพราะปัจจุบันหมึกเติมหรืออิงก์แท็งนั้นมีราคาถูกกว่า ทำให้ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ต้องเสียตลาดซัพพลายให้กับหมึกเลียนแบบหรือหมึก คอมแพ็กต์ ทำให้บริษัทเครื่องพิมพ์ต้องพยายามเรียกส่วนแบ่งตลาดหมึกกลับมา โดยปัจจุบันตลาดหมึกลอกเลียนแบบ คิดเป็นสัดส่วน 60-70% ของตลาดหมึกรวมทั้งหมด ซึ่งค่อย ๆ ลดลงจากอดีตที่ผ่านมา เพราะผู้ผลิตเครื่องพิมพ์แต่ละแบรนด์เริ่มมีการทำโปรโมชั่นหมึกแท้มากขึ้น
"ปี 2553 ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์แต่ละ แบรนด์มีความเคลื่อนไหวในตลาดซัพพลายที่ชัดเจนขึ้นและมีการกระตุ้นตลอดทั้งปี จากปีที่ผ่านมาจะกระตุ้นเป็นบางช่วงเวลาเท่านั้น ขึ้นกับกลยุทธ์ของแต่ละแบรนด์ บางแบรนด์เครื่องพิมพ์ไม่สามารถใช้งานกับอิงก์แท็งได้ ทำให้ต้องกระตุ้นตลอดการใช้หมึกแท้ตลอดเวลา มิเช่นนั้นจะเสียตลาดทั้งเครื่องพิมพ์และหมึก"
สำหรับบราเดอร์ รายได้จากวัสดุสิ้นเปลืองหรือซัพพลายมีสัดส่วน 50% ของ รายได้รวมทั้งหมด โดยราคาแตกต่างจากหมึกลอกเลียนแบบประมาณ 30-50% แล้วแต่เกรดของสินค้า แต่บราเดอร์มีมาตรการจัดการ หากลูกค้าใช้หมึกลอกเลียนแบบแล้วเครื่องเกิดการชำรุดเสียหาย จะหมดระยะเวลารับประกันตัวเครื่องทันที นอกจากนี้ ล่าสุด ภายใต้แคมเปญ "บราเดอร์มิดเยียร์เซล" หาก ลูกค้าซื้อเครื่องพิมพ์รุ่นใดก็ได้ รับสิทธิ์ซื้อวัสดุสิ้นเปลือง เช่น หมึกพิมพ์อิงก์เจ็ต โทนเนอร์ ลดราคาถึง 50% ซึ่งคาดว่าจะเป็นแคมเปญที่สามารถสร้างผลกระทบตลาดหมึกลอกเลียนแบบได้
นายธีรวุธยังกล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์นั้น เมื่อต้นปี ไอดีซีประเมินการเติบโต 5-10% แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าจะมีการทบทวนตัวเลขอีกครั้ง สำหรับกลยุทธ์ของบราเดอร์ในปี 2553 (เริ่มปีงบประมาณเดือน เม.ย. 53) จะเน้นการรุกตลาดต่างจังหวัด โดยจัดกิจกรรมต่าง ๆ และการเยี่ยมเยียนลูกค้าและดีลเลอร์เป็นหลัก รวมทั้งขยายตลาดกลุ่มคอร์ปอเรตมากขึ้น หลังจากที่มีการอั้นกำลังซื้อมาเป็นเวลา 2 ปี จากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยปีนี้บราเดอร์ตั้งเป้าการเติบโต 15%
ขณะที่สถานการณ์ช่วงเดือน เม.ย. ถึง พ.ค.นั้น พบว่ายอดขายของบราเดอร์ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้เพียง 5% เพราะจุดจำหน่ายสินค้าของบราเดอร์ไม่ได้กระจุกตัวอยู่เฉพาะ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้คอนซูเมอร์เกิดความไม่มั่นใจและชะลอการใช้จ่าย จึงจำเป็นต้องกระตุ้นการซื้อมากขึ้น
ล่าสุด บราเดอร์จัดโปรโมชั่น "บราเดอร์ มิดเยียร์เซล" ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ประกอบด้วยการลดราคาสินค้าประเภทเครื่องพิมพ์ เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น เครื่องโทรสาร จักรเย็บผ้า ลดราคา 10-30% รวมถึงการแจกของแถม โปรแกรม ผ่อน 0% นาน 6-10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ถึง 31 ก.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นการจัดโปรโมชั่นที่แรงที่สุด และรวมโปรโมชั่นหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เพื่อกระตุ้นดีมานด์ของคอนซูเมอร์ในตลาด และองค์กรต่าง ๆ สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยบราเดอร์คาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายได้ 20%
ด้านนายกฤษณ์ กิตติทัตต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาด ผลิตภัณฑ์ซัพพลาย บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอชพีได้จัดงบประมาณ 80 ล้านบาท สำหรับแคมเปญหมึกพิมพ์แท้เอชพี เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้และเข้าใจถึงความคุ้มค่าในการใช้หมึกพิมพ์แท้เอชพี ซึ่งให้ปริมาณการพิมพ์มากกว่าถึง 2 เท่า และมีคุณภาพงานพิมพ์ที่ดีกว่า โดยการนำเสนอผ่านแผนงานการตลาดในทุกช่องทาง ผ่านกลยุทธ์การทำตลาดแบบครบวงจร เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้กับลูกค้าเดิมของ เอชพีให้ใช้หมึกพิมพ์แท้เอชพีต่อไป พร้อมกับขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ และยังช่วยให้เก็บฐานข้อมูลของลูกค้า เพื่อต่อยอดในการทำระบบ CRM ในอนาคตได้ โดยเอชพีได้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของหมึกพิมพ์ 3-4% ภายในปี 2553
โดยเอชพีได้จัดโปรโมชั่น "หมึกพิมพ์แท้เอชพีแจกทอง" ให้ผู้บริโภคได้ลุ้นรับโชคทอง 2 ชั้น มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เมื่อผู้บริโภคซื้อหมึกพิมพ์แท้เอชพี แล้วส่งเอสเอ็มเอสรหัสที่ปรากฎบนกล่องหมึก โดยโปรโมชั่นดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2553 และจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลใหญ่ ทองคำแท้ หนัก 22 บาท ในเดือนพฤศจิกายน
นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ จากเอชพี กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา เอชพีมีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของหมึกพิมพ์แท้ 55% เนื่องจากการเติบโตของเครื่องพิมพ์เอชพี รวมถึงการนำเสนอ Value campaign สำหรับตลาดหมึกพิมพ์แท้ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยตลาดหมึกพิมพ์ หรือ After Market คิดเป็นสัดส่วนรายได้หลัก 50-60% ของกลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์
ที่มา: prachachat.net