Author Topic: “คิด” ลูก “เจ้าสัวบุญชัย” ยัน ไม่มีอคติ กับ “ตั๊ก” แค่ไม่เคยเจอ ไม่เคยคุยเท่านั้น  (Read 806 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“คิด” ลูกชาย “เจ้าสัวบุญชัย” ยันไม่มีอคติกับ “ตั๊ก” เพียงแต่ไม่เคยเจอไม่เคยคุยเท่านั้น บอกตอนนี้พ่อมีความสุขมาก เข้าใจที่พ่อสนใจลูกใหม่มากกว่า พร้อมเผยพ่อเปิดสตูดิโอถ่ายรูปให้ และเปิดค่ายหนังให้ตั๊กแต่ตนไม่ยุ่งเพราะไม่ถนัด
       
       ตั้งแต่ที่สาว “ตั๊ก บงกช” แต่งงานและท้องกับ “เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล” จนตอนนี้ใกล้คลอด ก็ตกเป็นที่สนใจของคนทั่วไป ล่าสุดได้มีโอกาสเจอตัว “คิด คณชัย เบญจรงคกุล” ลูกชายของเจ้าสัวที่เกิดจากภรรยาเก่า ที่มาร่วมงาน “บีลีฟ(belif) แบรนด์สกินแคร์ใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลี” ที่สยามพารากอน จึงอดถามไม่ได้ถึงน้องน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ซึ่งงานนี้นอกจากหนุ่มคิดจะเปิดใจถึงแม่เลี้ยงตั๊กแล้ว เจ้าตัวยังเผยถึงอาชีพช่างภาพที่กำลังทำอยู่ด้วย
       
       “วันนี้มาในฐานะเป็นช่างภาพงานครับ มาถ่ายงาน เป็นช่างภาพที่ถ่ายเซเลบริตี้ในงาน เป็นการถ่ายภาพโปรโมตของแบรนด์นี้ครับ คือทางงานจ้างให้มาถ่ายภาพเพื่อใช้ในการเปิดตัว เพราะปกติก็จะรับงานถ่ายภาพอยู่ครับ ก็จะเป็นฟรีแลนซ์ในการถ่ายแฟชั่นอยู่แล้วครับ แต่ก็ไม่ได้รับประจำที่ไหน แต่มีที่ทำกันอยู่บ่อยคือถ่ายให้หนังสือครับ เราก็จะถ่ายให้บ่อยครับ แล้วเหมือนตอนนี้เราก็กำลังจะขยายงานและรับงานให้หลากหลายขึ้นครับ”
       
       “แต่จะเปิดเป็นบริษัทของตัวเองหรือเปล่าคงไม่ถึงขนาดนั้นครับ แต่เหมือนว่าตอนนี้มีสตูดิโอเป็นของตัวเองครับ เอาไว้รับงานของตัวเองไม่ได้เปิดให้คนอื่นเข้ามา ซึ่งราคาค่าจ้างก็ไม่ได้แพงลิบนะครับ ก็เรตปกติทั่วไปครับ หมื่นห้าสองหมื่นแล้วแต่ครับ จะเป็นสำหรับต่อวันต่องานหนึ่งวัน ก็เหมือนช่างภาพทั่วไป แต่ถ้าเป็นงานเหมาหรือยังไงราคาก็จะแตกต่างกันไปครับ”
       
       บอกคนอาจจะคิดว่าไม่ได้ทำจริงจังเลยไม่กล้าจ้าง
       “ซึ่งคิดว่าคนอาจจะคิดว่าเป็นเรา เขาอาจจะคิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรจริงจัง น้อยคนจะรู้ บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคิดเป็นช่างภาพ ตอนนี้เราก็เลยจะพยายามเปิดตัวเองว่าเราเป็นช่างภาพ พยายามรับงานให้มากขึ้น และก็พยายามพรีเซ็นต์ตัวเองว่าเราเข้ามาทำตรงนี้แล้ว แต่ตอนนี้ถ้าเปิดตามหนังสือก็จะเห็นผลงานอยู่บ้าง แต่มันก็คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองด้วยนะครับ”
       
       เผยตอนนี้ตนช่วยดูพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยของพ่อด้วย
       “ก็ตอนนี้คุณพ่อเปิดพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย ก็จะช่วยออกไอเดียบ้าง ช่วยดูนิทรรศการหมุนเวียนบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปช่วยเต็มตัวครับ เพราะว่าเราก็มีงานของเราอยู่ด้วย”
       
       เจ้าตัวแจงถึงช่วงนี้ออกงานบ่อยแต่ยังไม่มีใครทาบทามเข้าสังกัด แต่ถึงจะมีก็ไม่สนใจเพราะอยากทำเบื้องหลังมากกว่า
       “ก็ยังไม่มีใครมาทาบทามเข้าสังกัดอะไรนะครับ ถ้ามีทาบทามจริงๆ ก็คือว่าจริงๆ แล้วก็สนใจอยากทำเบื้องหลังมากกว่า และก็ดูว่าก็อาจจะมีเหมือนแบบว่าอย่างล่าสุดก็จะมีการเล่นมิวสิควีดีโอของรุ่นพี่ครับ มันก็เป็นอะไรที่อยากทำสนุกๆ มากกว่า คงยังไม่ถึงขั้นที่อยากจะทำจริงจังเล่นละครอะไรหรอกครับ”
       
       พร้อมกันนี้เจ้าตัวได้เผยถึงเรื่องที่พ่อเปิดค่ายหนังให้ “ตั๊ก บงกช” ว่ารู้เรื่องแต่ไม่เข้าไปยุ่ง
       “ก็พอทราบครับว่าคุณพ่อเปิดค่ายหนังให้พี่ตั๊ก แต่ไปถึงไหนแล้วไม่รู้รายละเอียดเลย เพราะว่าคุณพ่อก็ไม่เคยมาพูดเรื่องนี้ให้ฟังครับ แล้วเราก็ไม่ได้ถามด้วย แต่ว่าทุกครั้งก็จะรู้ เพราะว่าคุณพ่อจะเกริ่นมาก่อนมากกว่า ว่าเดี๋ยวจะมีนู้นนี้ เราก็ไม่ค่อยได้ถามมากกว่าครับ ไม่ค่อยได้ไปถามยุ่งกับรายละเอียดอะไรตรงนั้นครับ เงินทุนเท่าไหร่ก็ไม่ทราบครับ”
       
       “ผมอยากทำเบื้องหลังก็จริง แต่อันนี้เรื่องนี้ผมคงไม่เข้าไปยุ่งครับ เพราะว่าผมอยากทำงานถ่ายรูปของผมมากกว่าครับ อาจจะไม่ได้เป็นสายหนัง แต่จะสนใจทำหรือเปล่าอันนี้ก็อาจจะมี แต่ว่าตอนนี้อยากทำงานถ่ายภาพของผมก่อน แล้วก็ไม่ได้เรียนมาทางสายหนังด้วยครับ มันยังไม่มีความรู้ด้านนี้เลยมันก็คงต้องไปศึกษาก่อน ก่อนที่จะทำจริงๆ ครับ”
       
       พ่อเปิดค่ายหนังให้ “ตั๊ก” ส่วนตนพ่อเปิดสตูดิโอถ่ายรูปให้
       “ก็มีสตูดิโอที่เปิดอยู่ คุณพ่อก็เหมือนช่วยลงเงิน ซื้อพวกอุปกรณ์พวกอะไรแบบนี้ครับ เงินทุนก็นิดหนึ่งครับ เพราะอุปกรณ์การถ่ายภาพก็ราคาเยอะอยู่เหมือนกันครับ”
       
       ยันไม่น้อยใจตอนนี้พ่อสนใจลูกชายในท้อง “ตั๊ก” มากกว่าตน บอกเป็นเรื่องธรรมดา
       “คือคุณพ่อเขาก็สนใจน้องในท้องพี่ตั๊กมากกว่าอยู่แล้วครับ ซึ่งผมว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดา ปกตินะครับ มันก็เหมือนแบบว่าเราโตแล้วคุณพ่อก็คงไม่ต้องมาดู 24 ชั่วโมง หรือว่าอะไร เราก็เลี้ยงตัวเองได้ แต่เหมือนว่าเราก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้วในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะว่าตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อด้วย ก็เหมือนว่าพอเราต้องการคำปรึกษาเราก็จะคุยกับท่านมากกว่าดีกว่าจะให้คุณพ่อมาตามว่าเราทำอะไร 24 ชั่วโมงเหมือนเด็กๆ คงไม่ใช่ครับ”
       
       “ตอนนี้แยกกันครับ ผมอยู่กับคุณแม่ ซึ่งคุณพ่อกับคุณแม่แยกกันอยู่มานานแล้วนะครับ สักปีสองปีได้ครับ แต่ว่าก็ยังติดต่อกันนะครับ มีไปทานข้าวอะไรด้วยกันบ้าง ก็ยังเจอคุณพ่อที่บริษัทก็เจอกันปกตินะครับ เพียงแต่ว่าเราอยู่กับคุณพ่อคนละบ้านเท่านั้นเองครับ”
       
       ยันโอเคกับลูกในท้อง “ตั๊ก” ไม่ได้มีอคติ
       “ก็โอเคนะครับ หมายถึงว่ามันก็เขาเรียกว่าเหมือนเราก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิด แล้วมันก็เป็นการตัดสินใจของผู้ใหญ่คือก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะครับ ก็ประมาณนั้นแล้วกันครับ ก็ไม่ได้เตรียมของอะไรให้น้องนะครับ (เหมือนคุณพ่อเตรียมให้แล้วเราเลยคิดว่าคงไม่ต้องเตรียมแล้ว?) ก็ไม่รู้นะครับ ว่าคุณพ่อเตรียมอะไรไว้ให้บ้าง แต่ว่าเหมือนว่าเอาจริงๆ ก็ไม่ได้สนิทกับทางพี่ตั๊กมากนะครับ ก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษครับ”
       
       “ถ้าถามว่าปกติเจอกันคุยกันปกติหรือเปล่า เอาจริงๆ ยังไม่เคยเจอเลยนะครับ ยังไม่เคยเจอ ยังไม่เคยคุยกันเลยครับ ถ้าคลอดน้องจะไปเยี่ยมไหมก็คงต้องดูโอกาสก่อนครับ แต่ถ้าเจอจริงๆ ก็คงจะคุยปกติแหละครับ ก็ไม่ได้มีอคติไม่ได้มีอะไรในใจนะครับ ก็ธรรมดาครับ และตอนนี้คุณพ่อก็มีความสุขมากครับ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)