Author Topic: ซีอีโอ HP ประกาศที่ HP World Tour “อย่าห่วงค่ะ เอชพียังอยู่”  (Read 1185 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


กองทัพสินค้าที่เอชพีนำมาเปิดตัวบนเวทีงาน HP World Tour


เมก วิตแมน ซีอีโอเอชพีประกาศวิสัยทัศน์ล่าสุดกลางงาน HP World Tour 2013 ระบุโลกกำลังต้องการ “ระบบไอทีสไตล์ใหม่ (New Style of IT)” เนื่องจากอุตสาหกรรมไอทีกำลังถึงจุดเปลี่ยนบนแรงขับจากการเติบโตของ 4 เทรนด์ร้อน คลาวด์-ซีเคียวริตี-บิ๊กดาต้า-โมบายล์ ระบุ 4 เทรนด์นี้ทำให้วิถีการใช้งาน การให้บริการ และการชำระเงินค่างานบริการไอทีเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เอชพีตัดสินใจเปิดตัวกองทัพโซลูชันใหม่ในปีนี้ที่ครอบคลุมทั้ง 4 เทรนด์ร้อน เพื่อพาธุรกิจทั่วโลกเดินทางสู่อนาคตได้อย่างมั่นใจ
       
       งาน HP World Tour นี้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ช่วงวันที่ 24-25 มิถุนายน 2013 ที่ผ่านมา ปรากฏว่างานนี้สร้างเซอร์ไพรส์ให้สื่อมวลชนทั่วเอเชีย เพราะผู้บริหารรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าเอชพีมีแผนจะกลับมาเล่นในตลาดสมาร์ทโฟนหลังจากพับโครงการไปแล้วในปี 2011 แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถบอกกรอบเวลาได้ในขณะนี้
       
       ขณะเดียวกัน งาน HP World Tour ยังเป็นเวทีที่เอชพีใช้ยืนยันว่าพร้อมจะชนช้างกับไอบีเอ็ม (IBM) ลงแข่งในสังเวียนบิ๊กดาต้าหรือระบบจัดการ “มหาสมุทรข้อมูล” ขนาดมหึมาอย่างจริงจังนับจากนี้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดบริการแง่มุมใหม่ระหว่างบริษัทโทรคมนาคมกับผู้ประกอบการขนาดย่อมหรือเอสเอ็มบี ท่ามกลางงบประมาณวิจัยและพัฒนาไม่อั้นที่จะช่วยให้เอชพีเป็นผู้นำในตลาดพีซีได้ต่อไป พร้อมกับคำยืนยันจากซีอีโอว่า “อย่าห่วงค่ะ เอชพียังอยู่”
       
       ***เอชพี (ต้อง) อยู่ในเกม?
       
       เหตุที่เมก วิตแมน (Meg Whitman) ซีอีโอเอชพีต้องใช้คำว่า “Don't worry, HP is here to stay” บนเวทีงาน HP World Tour ทั้งที่เอชพีมีดีกรีเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีอันดับ 1 ของโลกนับตั้งแต่ปี 2007 (ปีที่คู่แข่งอย่างไอบีเอ็มจำหน่ายหน่วยธุรกิจผลิตคอมพิวเตอร์พีซีให้กับบริษัทจีนอย่างเลอโนโว) เพราะเอชพีซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ไอทีที่จำหน่ายและให้บริการเครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ บริการต่างๆ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีกำลังส่อแววว่าอาการน่าเป็นห่วงในยุคที่อุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตครองเมือง โดยล่าสุดเอชพีต้องประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2013 ว่ารายได้และกำไรลดลงมากกว่า 10% ซึ่งถือว่าดีมากแล้วเมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้
       
       ซีอีโอเมกแสดงจุดยืนมาตลอดว่าเอชพีจะแก้ปัญหารายได้หดด้วยการนำเสนอสินค้าหลากระบบปฏิบัติการ หลายโครงสร้าง และหลากหลายขนาด เรียกว่าพร้อมทำทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ วันนี้นโยบายเหล่านี้ก่อเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เอชพียกขบวนมาโชว์ที่งาน HP World Tour รวมถึงแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตที่เอชพีต้องเตือนตัวเองว่าจำเป็นต้องอยู่ในเกมต่อไป แม้ว่าบางเกมเอชพีจะถอนตัวมาแล้วหรือจะยังไม่เคยลงเล่นก็ตาม
       
       ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจสมาร์ทโฟน ที่ผ่านมาเอชพีแสดงจุดยืนเลิกพัฒนาสมาร์ทโฟนมาตั้งแต่ช่วงพับโครงการสินค้าระบบปฏิบัติการเว็บโอเอส (WebOS) ในปี 2011 ล่าสุดแยม ซู ยิน (Yam Su Yin) ผู้อำนวยการอาวุโสธุรกิจคอนซูเมอร์พีซีและแท็บเล็ตภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สัมภาษณ์ในงานนี้ว่าเอชพีกำลังพัฒนาสมาร์ทโฟนและอาจจะกลับมาลงแข่งในสมรภูมิโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะอีกครั้ง
       
       ซูยินระบุว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนักหากเอชพีจะมองข้ามตลาดดาวรุ่งอย่างสมาร์ทโฟนไป โดยผู้บริหารเอชพีแบ่งรับแบ่งสู้ต่อคำถามว่าเอชพีจะทำตลาดคอนซูเมอร์ด้วยการนำเสนอสินค้าสมาร์ทโฟนควบคู่กับคอมพิวเตอร์พีซีหรือไม่? ด้วยการตอบรับว่ามีความเป็นไปได้แต่ยังไม่สามารถบอกกรอบเวลาที่แน่นอน
       
       คำให้สัมภาษณ์นี้แสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เอชพีจะหันไปผลิตสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) หลังจากที่เอชพีเลือกจะไม่ต่อยอดระบบปฏิบัติการ WebOS โดยปัจจุบันเอชพีเริ่มจำหน่ายสินค้าแอนดรอยด์แล้วหลายรุ่น เช่นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กตระกูลโครมบุ๊ก (Chromebook) และแท็บเล็ต 7 นิ้วอย่าง Slate 7
       
       ***ชนช้าง “บิ๊กดาต้า”
       
       ซีอีโอเอชพีประกาศบนเวทีว่ามหาสมุทรข้อมูลที่ไหลหลั่งท่วมท้นโลกในขณะนี้คือตัวขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมไอที โดยเฉพาะทุกวันนี้ข้อมูลจำนวนมากถูกสร้างขึ้นจากกล้องดิจิตอล จากเซ็นเซอร์ในอุปกรณ์หลากหลาย จากโทรศัพท์มือถือ จากอุปกรณ์ที่ติดตั้งระบบจีพีเอส และระบบรับส่งข้อมูลมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้เอชพีตัดสินใจร่วมเล่นในตลาดนี้ด้วยการนำเสนอบริการใหม่เพื่อการจัดการ “บิ๊กดาต้า” ถือเป็นการประกาศชนช้างคู่แข่งอย่างไอบีเอ็มที่ครองตลาดบิ๊กดาต้าอยู่
       
       บริการบิ๊กดาต้าของเอชพีมีชื่อว่า “HP Big Data Consulting Practice” เอชพีวางหมากให้บริการครบวงจรทั้งการวางกลยุทธ์ ออกแบบ และติดตั้ง จุดนี้ Daniel Aw ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาเทคโนโลยีด้านการขาย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า โอกาสเติบโตของตลาดบิ๊กดาต้านั้นมีสูงมากและไม่ได้จำกัดที่องค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น เนื่องจากบริษัทโทรคมนาคมหลายประเทศในเอเชียกำลังเริ่มลงทุนเพื่อให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลแก่เอสเอ็มบี ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์แรงที่จะมีอิทธิพลต่อองค์กรทุกขนาดทั้งเล็กและใหญ่
       
       ผู้บริหารเอชพีระบุว่า บริษัทที่เป็นกลุ่มผู้ให้บริการหรือเซอร์วิสโพรวายเดอร์โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมหลายรายกำลังมองเห็นโอกาสให้บริการแก่เอสเอ็มอีจากการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า โดยเฉพาะข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้บริษัทโทรคมนาคมหลายรายได้เริ่มต้นทำงานร่วมกับเอสเอ็มบีเพื่อหารือถึงขอบเขตการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าสำหรับนำไปพัฒนาธุรกิจแล้ว
       
       เทรนด์บิ๊กดาต้านี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เพราะเอสเอ็มบีจำนวนมากทั่วโลกไม่ต้องการลงทุนระบบไอทีของตัวเองเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลโดยตรง ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทโทรคมนาคมก็มีการลงทุนระบบและให้บริการเทคโนโลยีด้านคลาวด์อยู่แล้ว ซึ่งการจับคู่กันวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคแล้วเก็บไว้บนบริการคลาวด์เหล่านี้จะทำได้อย่างสะดวกและง่ายดาย เรียกว่าอาจเป็นเทรนด์ของเอสเอ็มบีทั่วโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงประเทศไทย
       
       ***การันตี “คลาวด์ไฮบริด”
       
       เอชพีระบุว่า ปี 2013 จะเป็นปีที่บริษัท 77% ในเอเชียแปซิฟิกจะเปลี่ยนระบบไอทีไปเป็นคลาวด์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นระบบคลาวด์ส่วนตัว (ไพรเวตคลาวด์) 38%, เป็นระบบคลาวด์ส่วนตัวที่เปิดให้บริษัทอื่นช่วยจัดการ 22% และเป็นคลาวด์แบบสาธารณะ 17% ขณะที่ราว 24% จะยังใช้ระบบไอทีดั้งเดิมต่อไป ผลสำรวจนี้ทำให้เอชพีมั่นใจในโอกาสเติบโตของตลาดคลาวด์ไฮบริดหรือคลาวด์ลูกผสมที่สามารถจำลองระบบไอทีดั้งเดิมให้เป็นระบบคลาวด์และทำงานร่วมกับระบบคลาวด์ปัจจุบันได้ จึงเปิดตัวสถาปัตยกรรม “OpenStack” ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบ “HP Cloud OS” แพลตฟอร์มคลาวด์แบบเปิดที่ปรับขยายได้ ทำให้สามารถโยกย้ายงานและติดตั้งระบบคลาวด์ลูกผสมได้ง่ายขึ้น
       
       นอกจากคลาวด์ เอชพีใช้งาน HP World Tour เปิดตัวโซลูชันเก็บข้อมูลล่าสุดแก่ลูกค้าในเอเชีย นั่นคือระบบจัดเก็บข้อมูลโซลิดสเตทแบบออล-แฟลช “3PAR StoreServ system” โดยเปิดตัวเครื่องรุ่นล่าสุด 3PAR StoreServ 7450 ซึ่งสามารถโอนย้ายข้อมูลมากกว่า 5.5 แสนครั้งต่อวินาที ระยะเวลาตอบสนองต่ำกว่า 0.7 มิลลิวินาที ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 99,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.9 ล้านบาท)
       
       ยังมีโซลูชัน “HP StoreOnce” โซลูชันที่สามารถลดความต้องการฮาร์ดแวร์ในระบบไอทีได้มากกว่า 50% โดยเทคนิกการจำลองระบบคลาวด์ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลในระบบสามารถเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ทั้งหมดนี้เอชพีบอกว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 70% เบื้องต้น StoreOnce มีกำหนดเปิดตลาดช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 3,500 เหรียญสหรัฐสำหรับรุ่นความจุ 10 เทอราไบต์
       
       สินค้าใหม่เทคโนโลยีคลาวด์และบิ๊กดาต้าเหล่านี้ล้วนเป็นไอทีสไตล์ใหม่ที่เอชพีมองว่าจะเป็นตลาดที่เติบโตสูงมากในอนาคต เนื่องจากศูนย์ข้อมูลในอดีตไม่เพียงพอต่อมหาสมุทรข้อมูล ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนแปลงระบบ และจัดการระบบพลังงาน สถานที่ และต้นทุนใหม่ทั้งหมด
       
       “ระบบคลาวด์และบริการเว็บเซอร์วิสทั่วโลกจะมีการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 8-10 ล้านเครื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ และเพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เหล่านี้จะต้องใช้เงินมากกว่า 1-2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐทีเดียว” เมก วิตแมน ซีอีโอเอชพีกล่าวถึงโอกาสของเอชพีบนเวที
       
       ***ยกพลพีซี-เครื่องพิมพ์
       
       ไม่เพียงโซลูชันงานไอที เอชพียังนำเสนอระบบคอมพิวเตอร์พีซีและเครื่องพิมพ์สำหรับองค์กรใหญ่ ทั้งเดสก์ท็อปพีซีใหม่ในตระกูล HP Pro และ HP Elite ซึ่งตอบโจทย์งานมัลติมีเดียและรองรับหน้าจอทัชสกรีนได้ ยังมีเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ HP OfficeJet 7610 Wide Format e-All-in-One และโซลูชัน HP ElitePad Mobile POS Solution สำหรับการโปรโมตสินค้า ณ จุดขายด้วยแท็บเล็ต ElitePad รุ่นแรกของเอชพี
       
       ที่น่าสนใจคือโซลูชันใหม่อย่าง HP Exstream ที่เน้นให้ลูกค้าองค์กรสามารถสื่อสารในบริษัทได้เร็วขึ้น รวมถึงชุดบริการใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้บริษัทสามารถวางแผนซื้ออุปกรณ์ จัดลำดับความสำคัญ และกำหนดรูปแบบการพิมพ์ได้ดีกว่าเดิม เช่น HP Page Plan, HP Priority Services, HP Deployment Services รวมถึงบริการด้านการเงิน Mixed Asset Recovery Services
       
       ธุรกิจงานพิมพ์ยังเป็นสิ่งที่เอชพีให้ความสำคัญและเห็นการเติบโต ล่าสุดเอชพีเปิดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างรุ่นใหม่ ได้แก่ HP Latex 3000 และ HP Scitex FB10000 Industrial Press เพื่ออุตสาหกรรมงานพิมพ์มูลค่าสูง จุดนี้ผู้บริหารเอชพีระบุว่าตลอด 5 ปีที่เปิดตลาดเครื่องพิมพ์ตระกูล Latex เอชพีสามารถจำหน่ายเครื่องพิมพ์ Latex มากกว่า 15,000 เครื่อง และมีงานพิมพ์ที่ใช้หมึก Latex มากกว่า 100 ล้านตารางเมตร เช่นการพิมพ์ลวดลายการ์ตูนในโรงเรียนอนุบาลหรือโรงพยาบาล คาดว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีก 3 เท่าตัวในช่วง 3 ปีนับจากนี้
       
       เบื้องต้น HP Latex 3000 คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ขณะที่ HP Scitex FB10000 ที่สามารถพิมพ์บนกระดาษลูกฟูกหรือวัสดุที่หลากหลายได้ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
       
       เหนืออื่นใด เอชพียังเปิดตัว 2 เครื่องพิมพ์ออนไลน์ที่สามารถสั่งพิมพ์งานคุณภาพสูงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้จะสามารถเปิดชมชิ้นงานและสั่งพิมพ์งานได้จากระบบคลาวด์บน HP Designjet T920 และ T1500 ePrinter series ทั้งคู่มีแผนเริ่มจำหน่ายวันที่ 8 กรกฎาคมนี้
       
       ความเคลื่อนไหวในธุรกิจงานพิมพ์ของเอชพีไม่ได้อยู่ที่การเปิดตัวเครื่องพิมพ์เท่านั้น แต่ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่เพื่อเข้าถึงกลุ่มนักเรียนอนุบาลและประถมศึกษาด้วย โดยงานนี้เอชพีประกาศเป็นพันธมิตรกับผู้พิมพ์แบบเรียนรายใหญ่ของสิงคโปร์อย่าง Singapore Asia Publishers Pte Ltd (SAP) เปิดให้บริการแอปพลิเคชันที่โรงเรียน และครูจะสามารถเลือกพิมพ์เนื้อหาแบบเรียนด้วยเครื่องพิมพ์ตระกูล HP Deskjet Ink Advantage ได้เฉพาะเนื้อหาที่ต้องการ จุดนี้จะทำให้นักเรียนไม่ต้องเสียค่าแบบเรียนจากต่างประเทศในราคาแพง ขณะที่ผู้พิมพ์แบบเรียนไม่ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตหนังสือและการขนส่ง
       
       ผู้บริหาร SAP ระบุว่าแอปพลิเคชันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนและโรงเรียนในเมืองไทย โดยขณะนี้ SAP เริ่มจำหน่ายแบบเรียนแก่โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยแล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายกลุ่มไปยังโรงเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มนานาชาติ
       
       เอชพียังยกกองทัพโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต อุปกรณ์ที่ถอดหน้าจอได้ (Detachable) และพีซีออล-อิน-วันที่ทำงานได้ทุกอย่างครบวงจรสำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือคอนซูเมอร์มาโชว์ในงานนี้ ไล่ตั้งแต่ HP SlateBook x2, HP Split x2, HP Envy Rove รวมถึง HP Slate 21 All-in-One ล้วนเป็นสินค้าที่ทำให้ธุรกิจพีซีของเอชพีหลากหลายกว่าเดิม ทั้งในแง่รูปแบบเครื่อง และระบบปฏิบัติการ
       
       ตัวอย่างเช่น HP SlateBook x2 และ HP Split x2 ทั้งคู่เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้เหมือนโน้ตบุ๊ก แต่สามารถถอดหน้าจอออกเพื่อทำงานเป็นแท็บเล็ตเมื่อปลดแถบแม่เหล็กที่ยึดเครื่องไว้ โดย SlateBook x2 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 ซึ่งครบเครื่องเรื่องบริการของกูเกิล (Google) ใช้ชิป NVIDIA Tegra 4 หน้าจอ 10.1 นิ้ว ขณะที่ HP Split x2 ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ชิปอินเทลคอร์ รุ่นที่ 3 หน้าจอ 13.3 นิ้ว มาพร้อมระบบเสียง Beat Audio
       
       ***ยกจีนช่วยครองแชมป์พีซี
       
       สิ่งที่เอชพีย้ำหนักแน่นคือการทุ่มงบประมาณวิจัยและพัฒนา หรือ R&D จะทำให้เอชพีสามารถยึดเก้าอี้แชมป์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีรายใหญ่ที่สุดในตลาดได้ต่อไป โดยเฉพาะการยึดประเทศจีนเป็นฐาน R&D แม้ว่าล่าสุดเอชพีประกาศผลประกอบการในธุรกิจ personal systems ซึ่งครอบคลุมสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์พีซีและเครื่องพิมพ์ว่ามียอดขายลดลง 20% สวนทางกับที่คู่แข่งอย่างเลอโนโว (Lenovo) แข็งแกร่งขึ้น
       
       ประเทศจีนนั้นถือเป็นตลาดสำคัญของเอชพีอย่างแท้จริง เรื่องนี้เมก วิตแมน ซีอีโอเอชพีระบุว่าเดินทางมาเยือนจีนเป็นครั้งที่ 3 อย่างเป็นทางการหลังจากรับตำแหน่ง 20 เดือน โดยได้เข้าพบลูกค้าชาวจีนมากกว่า 525 ราย และพันธมิตรธุรกิจมากกว่า 225 รายในช่วงปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งวิตแมนระบุว่าหนึ่งในหลายสิ่งที่สรุปได้จากการเจรจาเหล่านี้คือ ลูกค้าต้องการนวัตกรรมจากเอชพีมากขึ้น วันนี้เอชพีจึงลงทุนด้าน R&D มากกว่าที่เคย และนำไปสู่แนวคิดไอทีสไตล์ใหม่ในที่สุด
       
       ซีอีโอเอชพีใช้คำพูดว่า “HP is in China for China” เพื่อแสดงว่าเอชพีลงหลักปักฐานที่จีนทั้งการพัฒนาและการผลิตมากกว่าประเทศแม่ของเอชพีอย่างสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในจีนและทั่วโลก ซึ่งทำให้เอชพีสามารถเป็นบริษัทที่ครองตลาดเครื่องพิมพ์อันดับ 1 ในจีน และมีแผนขยายฐานตลาดทั้งภาครัฐฯ ตลาดการศึกษา รวมถึงตลาดธุรกิจงานพิมพ์ครบวงจร
       
       ผู้บริหารเอชพีระบุว่า เอชพีได้เพิ่มพันธมิตรมากกว่า 1,000 รายเพื่อเป็นช่องทางหรือ channel ในการขายสินค้าในประเทศจีนช่วงปี 2012 ที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมากทีเดียว
       
       ถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่าทั่วโลกจะจับตาอนาคตของเอชพีว่าจะรุ่งเรืองอย่างที่ประกาศไว้หรือไม่ โดยเฉพาะความมั่นใจจากซีอีโอที่ระบุว่า “ไม่มีบริษัทไอทีรายไหน ให้บริการไอทีสไตล์ใหม่ได้ครบถ้วนเท่าเอชพี”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
3286 Views
Last post March 06, 2009, 02:19:05 PM
by Reporter
0 Replies
2098 Views
Last post July 10, 2010, 03:26:36 PM
by Nick
0 Replies
2711 Views
Last post July 30, 2010, 02:36:11 PM
by Nick
0 Replies
2172 Views
Last post November 14, 2011, 02:43:12 PM
by Nick
0 Replies
2061 Views
Last post January 04, 2012, 10:25:47 PM
by Nick
0 Replies
2222 Views
Last post January 16, 2012, 05:14:39 PM
by Nick
0 Replies
1806 Views
Last post July 12, 2012, 11:06:50 PM
by Nick
0 Replies
1496 Views
Last post June 10, 2013, 05:05:01 PM
by Nick
0 Replies
1601 Views
Last post September 05, 2016, 12:52:35 PM
by Nick
3 Replies
1306 Views
Last post July 22, 2023, 12:27:03 PM
by prakardthai33