“แทค” ยันพ่อไม่เคยเป่าหูให้เกลียดแม่ บอกโตแล้วคิดเองได้ แต่อยากให้แม่คุยตัวต่อตัวไม่ใช่โพสต์ออกสื่อ ส่วนเรื่องเงิน 5 แสนที่พ่อยืมแม่ไปให้ผู้ใหญ่ไปเคลียร์กันเอง พร้อมโต้ยืมเงินแม่ไปซื้อรถ บอกตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ทำงานอะไร โอดล้มทั้งยืนถูกด่าอกตัญญู ยันยังรักแม่เสมอ กระฉ่อนทีเดียว หลังหนุ่ม “แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” ถูก “นางชนิกา อภิชัย” ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าออกแฉผ่านอินสตาแกรมว่า เคยไปยืมเงินมาออกรถ แต่ไม่เคยส่งเสียเงินให้แม่สักแดงเดียว แถมยังประจาน “นายสมชาย โรจนวุฒิธรรม” พ่อหนุ่มแทคว่ายืมเงินไป 5 แสน เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่คืน ซ้ำยังพาดพิงว่าพ่อของแทคเป่าหูให้ลูกเกลียดแม่ ร้อนถึงพ่อของหนุ่มแทคต้องออกโรงไปแล้วว่าไม่จริง ทั้งยังซัดกลับด้วยว่าไม่รู้เหมือนกันว่าแม่แทคต้องการอะไรทั้งๆ ที่ทิ้งลูกไปตั้งแต่แทคอายุ 8 ขวบ ล่าสุดเป็นทางด้านของหนุ่มแทคที่ขอแจงแบบหมดเปลือกในงาน “ก้าวสู่ปีที่5 กับตงฟง มอเตอร์ส” ที่ลานกิจกรรม ชั้น M-Paris Terminal21 บ้างว่า…
“ตอนนี้เราทั้งคู่ยังไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่มีเรื่องมีราว เรื่องทุกอย่างที่เป็นมาคุณพ่อเองก็ได้ออกมาชี้แจงในบางส่วนแล้ว แต่อาจจะไม่ได้ลงลึกอะไรขนาดนั้นเนื่องจากเวลามันบีบ เรื่องเงิน 5 แสนที่เป็นข่าวว่าเงินนี้คุณพ่อยืมไป คือตอนนั้นบอกตรงๆว่าผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เลยไม่มีส่วนรู้เรื่องตรงนี้ คุณพ่อมีอะไรก็จะมาเล่าให้ฟังบ้าง เราก็ฟังทั้งสองฝ่าย เพราะว่าเราเป็นคนกลาง”
“ต้องบอกว่าผมเองก็เป็นคนกลางระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ เพราะเราเป็นครอบครัวที่แยกทางกัน ซึ่งผมก็ควรจะรับฟังทั้งสองฝ่าย การเคลียร์กันให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ดีกว่า ผมเป็นเด็กไม่สามารถเข้าไปยุ่งหรือว่าทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องตรงนี้ได้ มันเป็นเรื่องของครอบครัวด้วย”
ส่วนที่แม่อยากจะให้พ่อใช้เงินคืนนั้น เจ้าตัวบอกอยากให้พ่อกับแม่เคลียร์กันเอง เพราะตัวเองเป็นคนกลาง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะแม่น้อยใจที่ตัวเองผูกพันกับพ่อมากกว่า
“ถ้าสมมติว่าเป็นเรื่องนั้นจริงๆ ก็อยากจะให้โทร.คุยกันมากกว่านะครับ ให้เขาไปตกลงกันเองว่าอะไรอย่างไร ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากให้ทั้งคู่ได้เคลียร์กัน เพราะผมเป็นลูกของทั้งพ่อและแม่ ส่วนตัวคุณพ่อผมว่าโอเคแล้วนะ ต้องถามส่วนของคุณแม่มากกว่าว่าคุณแม่ต้องการอะไร หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมว่าคุณแม่ของผมคงเกิดอาการน้อยใจ เพราะบอกตรงๆ ว่าผมผูกพันกับคุณพ่อมาก ผมอยู่กิน นอน กับคุณพ่อ ก็เลยอาจจะสนิทสนมกันมากกว่า ไม่ได้เข้าถึงคุณแม่มากนัก อย่าเรียกว่าทิ้งดีกว่า มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถ้าทิ้งก็คือทิ้งไปเลย แยกทางกัน แต่นี่เราเป็นคนกลางที่คุยกับคุณพ่อบ้างคุณแม่บ้าง ผมไม่ได้เจอแม่สักระยะหนึ่งแล้ว จำไม่ได้ครับ ส่วนมากเราจะโทรคุยกันมากกว่า”
พร้อมโต้เรื่องที่แม่โพสต์ข้อความว่าเจ้าตัวยืมเงินไปออกรถ เพราะทุกวันนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ทำมาหากินอะไร
“อยากจะบอกว่าผมไม่เคยยืมเงินคุณแม่ไปออกรถเลย ตัวผมเองยังไมรู้เลยด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้คุณแม่ทำงานอะไรบ้าง ถ้าเราจะยืมก็ยืมคุณพ่อมากกว่า เพราะว่าผมได้พูดคุยกับคุณพ่อมากกว่า รถคันนี้ก็เป็นเงินน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เวลาทำงานได้เงินมาส่วนมากผมจะให้คุณพ่อมากกว่า เพราะว่าคุณพ่อนำเงินที่ผมให้ไปสร้างวิลล่า ส่วนหนึ่งอาจจะต้องเอาเงินที่ผมให้ไปให้กับธนาคารด้วย เพราะการจะทำอะไรขนาดนี้มันต้องมีการกู้ยืมเงิน อะไรที่ยังหนักอยู่ผมก็ต้องให้คุณพ่อเขา”
“คุณแม่อยากได้อะไรผมอยากให้คุณแม่โทร.มาหาดีกว่า มีอะไรก็โทร.หากัน เราเป็นพ่อแม่ลูกกัน มีอะไรก็โทร.คุยกันได้ บางครั้งการโพสต์อะไรแน่นอนทุกคนรู้ ถ้ามีอะไรอยากให้โทร.คุยกันมากกว่า มาเจอแล้วคุยกันเลยดีกว่า”
เจอแม่ซัดเป็นลูกอกตัญญู แทคถึงกับจุก บอกคำนี้ทำตนล้มทั้งยืน
“อยากจะบอกว่าคำว่าอกตัญญูมันไม่เคยอยู่ในหัวสมองของผมเลย จริงๆ ผมรักทั้งคุณพ่อและคุณแม่ แต่ความผูกพันอาจจะไปที่คุณพ่อมากกว่า เพราะคุณพ่อเลี้ยงดูเรามา ถามว่าคำนี้แรงไหม ก็แรงนะ มันทำให้เข้าใจคำว่าล้มทั้งยืนมันเป็นอย่างไร แต่เราก็มองในมุมที่เราเข้าใจคุณแม่ด้วย แต่ก็อยากให้คุณแม่เข้าใจแทคด้วยว่าตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมา แทคผ่านและเจออะไรมาบ้าง”
ป้องพ่อไม่เคยกีดกันและไม่เคยเป่าหูให้เกลียดแม่
“อยากจะบอกว่าในการเป่าหู ถ้าพ่อจะเป่าหูผม ผมไม่ยิ่งเกลียดคุณพ่อเหรอ อยู่ดีๆ มาใส่ร้ายคุณแม่ เรื่องนี้เราสามารถคิดเองได้ ไม่ต้องมีใครมาเป่าหูหรอก ผมไม่มีปัญหากับใครเลย ตอนนี้มีอะไรอยากให้คุณแม่พูดตรงๆ นะครับ พูดกับผมหรือกับคุณพ่อก็ได้ เพราะเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในสังคมไทยมาก ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณแม่ต้องการอะไร ตอนนี้ผมก็แค่รอให้ผู้ใหญ่เขาเคลียร์กันก่อน เพราะเราไม่สามารถไปเคลียร์อะไรได้เพราะเราอยู่ตรงกลาง พ่อเขาเคลียร์กันเสร็จเราถึงจะไปเคลียร์กันอีกทีว่ามันยังไง”
กับที่หลายคนมองว่าที่แม่แทคออกมาเรียกร้องและอยากกลับมา เพราะแทคมีชื่อเสียงมีชีวิตที่สุขสบายแล้วนั้น เจ้าตัวก็บอกว่า….
“ถ้าประเด็นนี้ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ มันเป็นสิ่งที่โอเค ใจจริงเราก็อยากให้เขากลับมา ถึงจะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่อยู่คนละหลังก็ได้ อาจจะอยู่ห่างๆ กัน ผมยังคิดไว้อยู่เลยว่าสักวันเราจะทำให้ท่านทั้งสองคนกลับมาคุยกัน แม้จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ แต่ให้ท่านได้อยู่ใกล้กันและใกล้ๆ ผมด้วย ผมยังรักเสมอ มีอะไรก็คุยกัน ไม่ต้องออกสื่อหรอกครับ ไม่ต้องให้คนอื่นเขารู้ก็ได้ครับ ผมไม่โกรธพ่อแม่อยู่แล้วครับ ยังคิดถึงและรักเสมอ”
ที่มา: manager.co.th
