นายสมประสงค์ บุญยะชัย นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช กล่าวว่า ด้วยประสบการในการดำเนินงานกว่า 30 ปีของบริษัท ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มอินทัชมีมูลค่าอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กว่า 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ดังนั้นการเพิ่มทิศทางธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยให้กลุ่มบริษัทอินทัชสามารถให้บริการแก่ผู้ใช้งานได้ครอบคลุมมากขึ้น
"กลุ่มบริษัทอินทัช ก่อให้เกิดการสร้างงาน เกิดโอกาสแก่คนไทยอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนเหล่านั้นก็มีรายได้และนำไปจับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกันบริการต่างๆก็สามารถตอบสนองการทำงานของลูกค้าทั้งกลุ่มองค์กรทุกขนาด รวมถึงผู้ใช้งานทั่วๆไป"
สำหรับโอกาสทางธุรกิจอีก 3 ด้านที่ได้เพิ่มทิศทางไว้ในปีนี้คือ 1.กาารก้าวสู่บริการ 4G เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและเทคโนโลยีที่มากขึ้นในอนาคต 2.ธุรกิจดิจิตอล คอนเทนต์ (Digital Content) และ 3.การให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงแบบมีสาย (Wired Broadband) ในการตอบโจทย์ผู้ใช้บริการให้ครอบคลุมและมีศักยภาพมากขึ้น
ประกอบกับปีที่ผ่านมาที่กลุ่มอินทัชเน้นขยายการลงทุนไปใน 5 แกนหลักคือ 1.การให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ของเอไอเอส 2.การได้รับใบประกอบกิจการดาวเทียมประเภทที่ 3 จากกสทช. สำหรับดาวเทียมไทยคม 7 ที่จะยิงขึ้นในปี 2557 และดวงต่อๆไป
3.การทำธุรกิจ Venture Capital เพื่อสนับสนุนนักลงทุนรายย่อย และธุรกิจที่มีอนาคตภายใต้ Invent ที่เริ่มดำเนินการแล้ว 4.การให้บริการพื้นที่เก็บไฟล์บนคลาวคอมพิวติ้งที่คาดว่าจะแถลงแผนธุรกิจในช่วงสิ้นปีนี้ และ 5.การเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอล 2 ช่อง คือ ช่องรายการเด็กและครอบครัว และช่องวาไรตี้ เนื่องจากมีการนำข้อมูลวิจัยมาวิเคราะห์แล้ว ซึ่งเร็วแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกสทช.
"8 โครงการที่กล่าวมาจะถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน จาก 4 อุตสาหกรรมหลักคือโทรคมฯ มีเดีย ไอที และดิจิตอลคอนเทนต์ ที่จะให้บริการอย่างต่อเนื่องไปอีก 15 - 20 ปี และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายทั้งซัพพลายเออร์ ดีลเลอร์ ดิสทริบิวเตอร์ ผู้ที่หุ้น พนักงาน และกลุ่มลูกค้า ด้วยความตั้งใจจริง"
ส่วนในแง่ของการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละกลุ่มบริษัท อย่างเอไอเอส มีการเปิดเผยงบประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ไทยคม ก็จะใช้ในการยิงดาวเทียมแต่ละดวง อย่างไทยคม 6 ราว 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยคม 7 ใช้รูปแบบความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระยะเวลา 15 ปี เป็นวงเงิน 170 ล้านเหรียญฯ ส่วนไทยคม 8 น่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนกรกฏาคม และสิงหาคม และอีกราว 2 พันล้านบาท ในระยะเริ่มต้นสำหรับการประมูลทีวีดิจิตอล ก่อนที่จะตั้งบริษัทใหม่มาดูแลต่อไป
นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวเสริมว่า การที่เอไอเอสสามารถเปิดให้บริการ AIS 3G 2100 ด้วยความรวดเร็วถือว่าบรรลุเป้าหมายในระดับนึงแล้ว และนโยบายของการ Breakthrough ของกลุ่มอินทัช ต่อจากนี้ก็จะเพิ่มทิศทางที่ธุรกิจในอนาคตด้วยการให้บริการ 4G และเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงแบบมีสายที่จะกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญของการดำเนินธุรกิจต่อไป
"การเดินหน้าสู่เทคโนโลยี 4G หรือแม้แต่การให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบมีสาย จะต่อเนื่องมาจากที่ข้อมูลในปัจจุบันเป็นดิจิตอลทั้งหมด ดังนั้นการรับส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูงก็มีความสำคัญ ซึ่งเอไอเอสก็ยึดแนวทางที่จะเป็นผู้สร้างความแตกต่าง"
ส่วนในเรื่องของการที่กสทช.จะเปิดให้ประมูลคลื่นความถี่ในอนาคตทั้ง 900 MHz และ 1,800 MHz ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มองว่าสามารถนำมาให้บริการได้ และเมื่อมีการเปิดประมูลทางเอไอเอสก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลในทุกความถี่
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการให้บริการดาวเทียมไทยคม 6 ซึ่งคาดว่าจะให้บริการได้ภายในปีนี้ ครอบคลุมพื้นที่ อินโดไชน่า และแอฟฟริกา ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจแล้วกว่า 60% รวมถึงใน
นอกจากนี้ยังมีการวางแผนที่จะเสริมศักยภาพด้วยการเพิ่มดาวเทียมดวงที่ 7 ในช่วงต้นปี 2557 เพื่อให้บริการในทวีปเอเชีย และเอเชียใต้ นอกจากนี้ก็ยังมีแผนในการจัดทำดวงที่ 8 ที่ 78.5 องศาตะวันออก เพื่อเสริมการให้บริการบรอดแคสติ้ง ที่ใช้แบนด์ววิธดาวเทียมสูงกว่าปกติถึง 3 เท่า และ 9 ที่พยายามเจรจากับอีก 4 ประเทศ ในพื้นที่ใกล้เคียงกับวงโคจร 50.5 องศาตะวันออก ซึ่งปัจจุบันสามารถรักษาวงโคจรดังกล่าวไว้ได้แล้ว
ส่วนซีเอส ล็อกซอินโฟนั้นก็จะเน้นไปตาม เน้นให้บริการคลาวด์แบบทุกที่ทุกเวลาทุกแพลตฟอร์ม (Smart life Anywhere Anytime) เริ่มตั้งแต่การสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ระดับสากล สร้างโครงสร้างระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการใช้งานขนาดใหญ่ รวมถึงการให้บริการแอปพลิเคชันที่หลากหลาย กับเอไอเอส
Company Relate Link :
Intouch
ที่มา: manager.co.th
