สระแก้ว - ด่านศุลกากรอรัญฯ ร่วมกับกองกำลังบูรพา สกัดจับข้าวสารเถื่อนจากชายแดน 1 คัน รถบรรทุกพ่วงน้ำหนักกว่า 30 ตัน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ขณะเตรียมขนย้ายเข้าสู่พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นายด่านฯ เผยคาดเตรียมนำไปสวมเป็นข้าวโครงการรับจำนำ วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายนภดล เทศประสิทธิ์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ พร้อมด้วย พ.อ.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และ พ.ต.อ.ฉัตรมงคล พ้นภัย ผกก.ตชด.12 อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปรามศุลกากร ภาค 1 ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายบุญเชิด อาวรณ์กูล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ต.หนองยายพิมพ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ผู้ขับขี่ พร้อมตรวจยึดรถบรรทุกพ่วง 24 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน 81-4834 สระแก้ว ลูกพ่วง ทะเบียน 81-4835 สระแก้ว ที่บรรทุกข้าวสารเถื่อน 25 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนักรวมประมาณ 30 ตัน มาสอบสวนและตรวจสอบที่สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
นายนภดล เทศประสิทธิ์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ เผยว่า ทราบจากสายข่าวว่าจะมีการนำข้าวสารเถื่อนลักลอบนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา ทางด้านชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เพื่อนำไปส่งที่โรงสีใน จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้ประสานความร่วมมือกับกองกำลังบูรพา และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 สนธิกำลังร่วมกันนำกำลังออกลาดตระเวนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำข้าวสารเถื่อนจากเขมรเข้าไทยบริเวณพื้นที่รอยต่อตะเข็บแนวชายแดนด้าน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว อย่างเข้มงวด
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมได้ตรวจพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อต้องสงสัย มีผ้าใบสีเขียวคลุมกระบะท้ายรถ และกระบะพ่วงอย่างมิดชิด วิ่งมาตามถนนสายตาพระยา-บ้านโคคลาน มุ่งหน้าเข้า อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกบ้านโคคลาน ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จึงแสดงตัวขอตรวจสอบรถบรรทุกพ่วง 24 ล้อคันดังกล่าว พบมี นายบุญเชิด อาวรณ์กูล เป็นผู้ขับขี่ ภายหลังเปิดผ้าใบที่คลุมกระบะรถออกดูพบภายในกระบะรถมีข้าวสารหัก ชนิด 25 เปอร์เซ็นต์ บรรทุกอยู่เต็มกระบะรถ ตรวจสอบไม่พบเอกสารการขออนุญาตเคลื่อนย้ายข้าวสาร หรือเอกสารการได้มาซึ่งข่าวสารดังกล่าว จึงควบคุมตัว นายบุญเชิด อาวรณ์กูล พร้อมรถบรรทุกพ่วง 24 ล้อ ที่บรรทุกข้าวสารเถื่อนมาเต็มคัน มาสอบสวนที่สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก
นายนภดล เผยอีกว่า จากการสอบสวนผู้ขับขี่รถบรรทุกอ้างว่า ตนเองเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถเท่านั้น ส่วนข้าวชนิด 25 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าน่าจะลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อจะนำไปส่งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งด่านศุลกากรอรัญประเทศได้ตรวจยึดข้าวสารหัก 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน หรือ 30,000 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาทไว้ โดยได้แจ้งข้อหาผู้ขับขี่มีความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ อันของซึ่งรู้อยู่ว่ายังมิได้เสียค่าภาษี อันเป็นความผิดตามมาตรา 27, 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบด้วย มาตรา 16, 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร ฉบับที่ 9 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
“การจับกุมข้าวสารลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านครั้งนี้ คาดว่าน่าจะนำไปสวมเป็นข้าวในโครงการรับจำนำ เนื่องจากเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังตรวจสอบสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำจากโรงสีต่างๆ ซึ่งพบว่ามีโรงสีหลายแห่งมีข้าวในโครงการรับจำนำหายไปจำนวนมาก ดังนั้น โรงสีจึงต้องเร่งสั่งข้าวสารจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเพื่อสวมสิทธิว่าเป็นข้าวที่สีมาจากข้าวเปลือกโครงการรับจำนำของรัฐบาลเตรียมส่งให้รัฐ เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงว่าข้าวเปลือกในโกดังโครงการรับจำนำฯ ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง”
ดังนั้น ทางกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้ด่านศุลกากรอรัญประเทศ เข้มงวดกวดขันในการปราบปรามการลักลอบนำข้าวสารเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอย่างเข้มงวด ซึ่งเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศได้ร่วมกับ กองกำลังบูรพา และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปรามศุลกากรภาค 1 สามารถจับกุมข้าวสารเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านได้ จำนวน 2 คันรถบรรทุกพ่วง น้ำหนักกว่า 60 ตัน มาแล้ว คาดว่าเป็นรายเดียวกัน เนื่องจากจับกุมได้บริเวณที่เดียวกัน ซึ่งขณะนี้กำลังสืบสวนเพื่อขยายผลถึงนายทุนรายนี้
ที่มา: manager.co.th