“ภีม ภาคิน” ลูกชายที่เกิดจาก “เจค ศตวรรษ” ไม่ขอรับการช่วยเหลือจากเจค เผยไม่โกรธเจคแต่ก็ไม่ได้รักเพราะไม่ได้ผูกพัน บอกยินดีเลี้ยงญาติแม่อีกสิบชีวิต ลั่นมีทุกวันนี้ได้เพราะความกตัญญู หลังจากที่ “แอน กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ” พาลูกชาย “ภีม ภาคิน จิกิตศิลปิน” ลูกที่เกิดกับ “เจค ศตวรรษ ดุลยวิจิตร” ออกรายการวู๊ดดี้เกิดมาคุย เผยถึงชีวิตที่ยากลำบากต้องทำงานหาเงินเลี้ยงแม่และญาติๆ อีกเป็นสิบชีวิต ทำให้เกิดกระแสตามมาว่า เจคไม่ดูแลลูก ด้านเจคได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า เรื่องมันผ่านมา 20 ปีแล้วจะมาพูดทำไม และที่ผ่านมาก็รับเป็นลูกส่งเสียเลี้ยงดู 3 ปีแต่แอนพาลูกหนีและมักออกมาพูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว
ล่าสุดภีมก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าที่ไปออกรายการไม่ได้พูดถึงเจคและไม่ได้เรียกร้อง ต่อให้เจคจะมารับผิดชอบก็ไม่ขอรับการช่วยเหลือ และภูมิใจที่ได้เลี้ยงดูญาติพี่น้องสิบชีวิต
“ผมออกรายการวูดดี้ก็ไม่ได้โจมตีเขานะครับลองไปดูเอาก็ได้ เพราะในรายการผมก็ไม่ได้พูดเรื่องพ่อเลย ไม่ได้พูดถึงพ่อ รายการเขาเห็นว่าผมกตัญญูเขาก็เลยให้ผมไปออกครับ และที่ผมไม่ได้ติดต่อไปก็ไม่มีเหตุผลครับ ถ้าถามว่าผมไม่ติดต่อกลับไป เพราะว่าผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพ่อก็เฉยๆ ครับ ผมเลี้ยงแม่ของผมได้ และเลี้ยงครอบครัวอีกสิบชีวิตเป็นครอบครัวของแม่เองครับ”
“แต่ไม่ใช่ว่าผมโกรธหรือไม่อยากคุยกับคุณพ่อ แต่ว่าผมเกิดมาผมก็เห็นคุณแม่แล้วครับ คือมันเหมือนแบบว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน พอเราไม่มีความสัมพันธ์กัน มันก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่คุยกันหรือเราไม่มองหน้ากัน ก็เหมือนกับว่าเกิดมาเราจะติดกับคนที่เลี้ยงดูเรามากกว่า เด็กถ้าเขาคลุกคลีกับใครมากๆ หรือดูแลเขามากๆ เด็กก็จะติดคนนั้นครับ ก็จะรักคนนั้นเหมือนแม่อีกคนครับ อย่างเช่นผมไปอยู่กับยายผมก็รักยายเหมือนแม่อีกคน เพราะยายก็เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็ก และอย่างแม่ไม่อยู่ยายไม่อยู่แม่ก็จะเอาไปไว้กับเพื่อนแม่ แล้วอย่างเวลาไม่มีเงินซื้อนมเขาก็ซื้อให้ ผมเลยรู้สึกว่าเราควรจะดูแลและสนใจคนที่ใส่ใจเรามากกว่า”
ส่วนกรณีที่ “เจค” ให้สัมภาษณ์ว่าที่บ้านของ “แอน” ไม่ทำมาหากินเหรอถึงต้องให้เด็กอย่าง “ภีม” ทำงานหาเลี้ยง เจ้าตัวบอกไม่ซีเรียสเพราะถ้าไม่เลี้ยงแม่ก็ไม่เจริญมาถึงทุกวันนี้หรอก
“เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้ซีเรียสนะครับ ทุกคนเกิดมาก็มีบุพการีครับ ผมเกิดมาก็มีบุพพาการี ถ้าผมไม่เลี้ยงดูบุพการีผมก็คงไม่เจริญมาถึงทุกวันนี้หรอกครับ ที่ผมมีได้ทุกวันนี้ได้เพราะว่าผมเลี้ยงดูพ่อแม่ครับ และทำมาหาเลี้ยงพ่อแม่มันอาจจะเป็นเวลาที่เร็วกว่าเยาวชนคนอื่น เพราะว่าตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็เห็นว่าคุณแม่ทำงานแล้วครับ ตอนนี้คุณแม่ผมทำงานไม่ได้เดินไม่ได้ ถามว่าเขาสงสารผมไหม เขาสงสารผมมากครับ เขาแอบร้องไห้คนเดียวครับว่าทำไมๆ เขาเดินไม่ได้สักที คุณแม่จะพูดประมาณว่า เมื่อไหร่ฉันจะเดินได้ ฉันไม่อยากเห็นลูกลำบาก ไม่มีแม่คนไหนหรอกครับที่อยากเห็นลูกตัวเองลำบาก”
โอดรู้สึกเสียใจที่ข่าวตนมีผลกระทบต่อลูกในท้องของภรรยาใหม่ของ “เจค” เพราะทำให้เครียดมากจนลูกในท้องไม่โต
“ผมเครียดมากครับเสียใจมากครับ เพราะว่าผมก็ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้น แต่ที่ผมออกมาในวันนี้เพราะว่าออกมาในเรื่องของกตัญญูครับ ก็รู้สึกเสียใจที่ทำให้น้องไม่เจริญเติบโต ถึงลูกของพ่อกับผมไม่ได้สายเลือดเดียวกันแต่ผมก็เห็นว่าถึงยังไงเขาก็ยังเป็นน้องครับ ผมก็ไม่ได้อยากทำร้ายเด็กหรืออะไรครับ”
ไม่มีอะไรฝากบอกอีกฝ่าย บอกหากพ่อติดต่อมาจะส่งเสียเจ้าตัวไม่ขอรับเพราะทุกวันนี้ก็เลี้ยงแม่กับน้องได้อยู่แล้ว
“จะให้ฝากบอกอะไรก็คงไม่มีครับ ทุกวันนี้ชีวิตผมมีครบครับ ผมมีแม่มียายมีน้องมีทุกคนครับ แต่ยืนยันตรงนี้เลยครับ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเลยครับ แต่ถ้าถามว่าจะใช้คำว่ารักคุณพ่อได้ไหมผมไม่ทราบครับ เพราะว่าผมไม่ได้ผูกพันกับคุณพ่อมาตั้งแต่เด็กด้วย ผมก็เลยยังไม่มีความรู้สึกแบบนั้นครับ ถ้าหลังจากนี้มีติดต่อจะมาส่งเสียเลี้ยงดูผมก็ขอขอบคุณครับ แต่ก็คงไม่รับครับ เพราะทุกวันนี้ผมก็ดูแลคุณแม่ได้ดูแลทุกคนในบ้านได้ครับ”
หลังไปออกรายการวู๊ดดี้ทำให้มีเงินเข้ามามากขึ้น บอกถึงจะอดอยากหรือลำบากแค่ไหน ชีวิตก็มีความสุข
“ถึงแม้บางทีอาจจะมีอดมื้อกินมื้อกันบ้าง แต่ผมไม่ได้ซีเรียส เรื่องเงินขนาดนั้นครับ ผมแคร์ความรู้สึกคนในครอบครัวมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าพอไปออกรายการวู๊ดดี้มีเงินเข้ามามากขึ้น คุณยายมีเงินใช้มากขึ้นหลังจากไปติดหนี้เขาไว้ครับ ถึงจะลำบากกันแค่ไหนก็จะไม่ร้องไห้ให้กันเห็นครับ มีแต่ให้กำลังใจกันตลอดเวลา ผมเลยรู้สึกว่าครอบครัวผมแฮปปี้ครับ ตอนนี้มีความสุขมากครับ”
ที่มา: manager.co.th