"โนเกีย" เปิดเกมขยายตลาดแบตเตอรี่ของแท้ ดัมพ์ราคาแบตเตอรี่ทั้งกระดาน 50% ราคาเริ่มต้น 690 บาท หวังสกัดแบตปลอมและเฮาส์แบรนด์ "เอ็มลิ้งค์" คาดปีนี้ดันยอดขายแบตเตอรี่มือถือโนเกียเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่ "คอมมี่" ผู้ผลิตแบตเตอรี่มือถือ รายใหญ่ในไทย ยอมรับได้ผลกระทบเต็ม ๆ ชี้ช่องว่างราคาขยับใกล้กัน ปรับกลยุทธ์ เน้นโฟกัสช่องทางการจัดจำหน่ายตลาดต่างจังหวัด พร้อมดันน้องใหม่ "เพอร์เฟค" ไฟติ้งแบรนด์สำหรับเจาะตลาดล่าง
นายพลณรงค์ วัฒนโพธิธร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์เสริมของโนเกียเพียง ผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวกับ "ประชาชาติ ธุรกิจ" ว่า เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โนเกียได้ปรับราคาแบตเตอรี่มือถือเกือบทุกรุ่นลดลง 30-50% โดยรุ่นราคาต่ำสุด ลดเหลือ 690 บาท จากเดิมราคา 1,300 บาท ซึ่งถือเป็นการปรับลดราคาของแบตเตอรี่โนเกียมากที่สุดในรอบ 1-2 ปี จากปกติจะปรับลดลงประมาณ 10-15% เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้คอนซูเมอร์มีโอกาสซื้อแบตเตอรี่ของแท้ได้มากขึ้น และเป็นการขยายตลาดแบตเตอรี่แท้ของโนเกียด้วย
สาเหตุเป็นเพราะที่ผ่านมาคอนซูเมอร์มองว่าแบตเตอรี่ของโนเกียมีราคาแพงเกินไปเมื่อเทียบกับมือถือโนเกียในตลาดซึ่งบางรุ่นราคาไม่ถึง 1,000 บาท ทำให้คอนซูเมอร์ไม่นิยมซื้อแบตเตอรี่ของแท้ และบางส่วนจะไปซื้อแบตเตอรี่ปลอมซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หรือแบตเตอรี่แบรนด์อื่น ๆ ที่สามารถใช้ทดแทนกันได้
อย่างไรก็ตาม มิใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่มีการปรับลดราคาแบตเตอรี่ แต่ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนก็มีการปรับลดราคาเช่นกัน อาทิ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เพราะภูมิภาคนี้มีการใช้แบตเตอรี่ของแท้น้อย โนเกียจึงมีนโยบายการสั่งผลิตสินค้าปริมาณมาก ๆ จะได้คุ้มกับต้นทุน และเพื่อเป็นการลดปัญหาการเหลื่อมล้ำของราคาในแต่ละประเทศด้วย
โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2553 บริษัทจะสามารถเพิ่มยอดขายแบตเตอรี่โนเกียได้เป็นเท่าตัว จากปัจจุบันมียอดจำหน่ายประมาณ 7-8 พันชิ้นต่อเดือน หรือคิดเป็น 1% ของจำนวนมือถือโนเกียที่จำหน่ายประมาณเกือบ 7 ล้านเครื่องต่อปี ขณะเดียวกันยังเป็นการกระตุ้นให้คอนซูเมอร์รู้จักแบตเตอรี่ของแท้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าคุ้นเคยและกลับมาซื้อซ้ำในอนาคต
"โนเกียปรับราคาแบตเตอรี่มือถือกว่า 10 รุ่น เพื่อมาแย่งส่วนแบ่งตลาดมือถือปลอมคืนมา และหวังว่าจะให้คอนซูเมอร์ที่เคยกังวลว่าโนเกียขายแบตแพงจะหันมาใช้ของแท้มากขึ้น โดยปัจจุบันพบว่าแบตเตอรี่ปลอมในตลาดราคาเฉลี่ย 120-150 บาท แต่บางแห่งขายเพียง 80 บาทเท่านั้น ดังนั้นการลดราคาสินค้าของโนเกียจะสามารถเข้ามาช่วยขยายตลาดได้ส่วนหนึ่ง"
นายพลณรงค์ยังกล่าวด้วยว่า ช่องทาง การจัดจำหน่ายหลักในการจำหน่ายแบตเตอรี่ ของโนเกียกว่า 50% เป็นการขายผ่านเชนสโตร์ อาทิ เจมาร์ท บลิสเทล และ โนเกีย แคร์ เซอร์วิสทั่วประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทเริ่มขยายไปยังกลุ่มผู้จำหน่ายมือถือทั่วไปที่สนใจจะขายแบตเตอรี่ของโนเกียมากขึ้น
ด้านนายชัชวาลย์ วิภูเสถียร ผู้อำนวยการ บริษัท บราโว คอมมูนิเคชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ภายใต้แบรนด์ "คอมมี่" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การปรับราคาแบตเตอรี่ของโนเกียส่งผลกระทบกับคอมมี่โดยตรง เพราะราคาสินค้าขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น เพราะปัจจุบันราคาแบตเตอรี่ของคอมมี่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 บาท โดยมีราคาเริ่มต้น 480 บาท ขณะที่โนเกียเดิมราคาประมาณ 1,300 บาท แต่ล่าสุดปรับลดลงเริ่มต้น 690 บาทเท่านั้น ทำให้ช่องว่างราคาที่เดิมเคยห่างกันประมาณ 100% เหลือเพียง 40% จึงส่งผลต่อการทำตลาดของคอมมี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เบื้องต้นคาดว่าจะกระทบในบางช่องทางจำหน่าย เช่น โมเดิร์นเทรด เชนสโตร์รายใหญ่ ซึ่งโนเกียค่อนข้างแข็งแรงและมีจำนวนมากกว่าของคอมมี่ ขณะที่ร้านจำหน่ายมือถือทั่วไปคอมมี่เชื่อว่ายังสามารถแข่งขันได้ ซึ่งบริษัทจะรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
"คอมมี่จะได้รับผลกระทบแน่ ๆ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านช่องทางจำหน่าย การเข้าถึงสินค้าและการบริหารสินค้าของโนเกียควบคู่ด้วย โดยช่องทางจำหน่ายของคอมมี่มีกว่า 5,000 ร้านค้า ส่วนใหญ่คือร้านมือถือทั่วไปตามต่างจังหวัดเป็นหลัก ระดับอำเภอลงไปถึงรากหญ้า และแม้ว่าแบตเตอรี่แท้จะลดราคาลงแต่ก็ยังมีราคาสูงกว่าของคอมมี่"
สำหรับกลยุทธ์ของคอมมี่จะเน้นการสื่อสารและทำกิจกรรมกับช่องทางจำหน่ายมากขึ้น รวมถึงการทำกิจกรรมกับคอนซูเมอร์ แต่กระนั้นคอมมี่ไม่มีนโยบายปรับราคาแต่อย่างไร ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าแบรนด์ "เพอร์เฟค" เพื่อเป็นไฟติ้งแบรนด์สำหรับเจาะตลาดล่างด้วย โดยมีราคาห่างกับแบรนด์คอมมี่ 30%
นายชัชวาลย์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้ซื้อแบตเตอรี่ของแท้มีอยู่น้อยมาก เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่หลังจากโนเกียปรับราคาอาจจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น โดยตลาดรวมแบตเตอรี่มือถือปี 2553 คาดว่าจะเติบโตเพียงเล็กน้อย เพราะคนไม่นิยมเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่นิยมเปลี่ยนมือถือมากกว่า อย่างไรก็ตามมีกลุ่มผู้ใช้มือถือ มือ 2 ที่ต้องการซื้อสินค้าบ้าง
ทั้งนี้ ปี 2553 คอมมี่ตั้งเป้าการเติบโต 20% มาจากแบตเตอรี่กล้องและมือถือ แต่เร็ว ๆ นี้อาจจะมีการทบทวนเป้าการเติบโตอีกครั้ง เพราะปัจจัยสภาพเศรษฐกิจและผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้น
ที่มา: prachachat.net