“กาละแมร์” ปัดกระแสข่าวเรียกค่าตัวพิธีกรงานอีเวนต์เกือบแสน ยันเงินไม่ใช่ปัจจัยหลักในการรับงาน เพราะรายได้ดีแต่สุขภาพแย่ก็ไม่คุ้ม ก่อนบอกที่ผ่านมา 16 ปี กอบโกยจนเหนื่อยแล้ว มีกระแสเมาท์ซุบซิบทางอินเทอร์เน็ตถึง “น้องพี ชื่อเล่นที่เป็นขนม” ไปรับงานพิธีกรงานอีเวนต์หนึ่งพร้อมเรียกค่าตัวมหาโหดกว่าแสนบาท แถมหากเวลาเกินยังคิดเป็นนาทีอีกต่างหาก ทำเอานักข่าวเลยพุ่งเป้าไปยังสาว “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” ซึ่งพอถามเรื่องนี้ออกไป เจ้าตัวเผยว่า...
“ราคาเราก็เป็นปกติ เราไม่เคยเห็นเรตคนอื่น เราไม่เคยสนใจว่าใครได้เงินเท่าไหร่ยังไง ซึ่งเขาก็จะติดต่อเลขาเรา ราคาก็ติดต่อผ่านเลขาเรา ถ้าใครสนิทหรือได้ร่วมงานบ่อยเราบอกให้ลดราคาก็ให้ คุ้นกันสบายๆ อยู่แล้ว เรื่องนี้มันคุยกันได้ ซึ่งบางครั้งงานฟรีก็ทำ การคิดค่าตัวมันก็เป็นไปตามเรต คือ วัยวุฒิ คุณวุฒิ”
“คืออายุมากขึ้นประสบการณ์มากขึ้น เราก็ทำงานมาตั้ง 16-17 ปี จะมาให้สามพันหรือไง แต่ก็รับนะสามพันก็รับไม่ใช่ไม่รับ เรามีความรับผิดชอบ มีวินัยตรงเวลาลูกค้าเฮฮา นักข่าวเห็นแฮปปี้ชงประเด็นให้ด้วย คิดว่าคุ้มค่ากับการจ้าง แต่มันก็ไม่ได้แพงเวอร์ เราก็ไม่ใช่ณเดชน์ ญาญ่า เราเป็นพิธีกร ก็เป็นราคาพิธีกร ซึ่งข่าวนี้ยังไม่เห็นนะ จะไม่โต้ตอบ ทำให้ดูสวยดูดีดูแพง ขอบคุณนะคะซึ่งก็ไม่รู้ที่เขียนมาใช่ดิฉันหรือเปล่า”
“ส่วนเรื่องถ้างานเกินเวลาจะคิดเงินเพิ่มเป็นนาทีไม่ขนาดนั้นนะ มันอยู่ที่การตกลงกันก่อนหน้าที่จะมีงานซึ่งอันนี้ทุกอีเวนท์จะรู้กันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เขาจะเคารพกฎกติกามารยาทตรงนี้ ส่วนอันไหนที่เขาเกินเขาก็จะถามเรา บางทีมันอาจจะเนื่องด้วยลูกค้าขอให้อยู่ต่อได้ไหม คิดเท่าไหร่ เขาก็จะมาถามเราเลย”
“เรื่องแบบนี้มันตกลงกันได้ไม่ใช่ว่าเกินเวลามาหนึ่งนาทีคิดเงินห้าร้อย ซึ่งเขาจะมีพิเศษให้ ซึ่งถือเป็นความเมตตากรุณาของทางออแกไนซ์ที่เห็นว่าเราทำงานเกินเวลา มันเป็นเรื่องของน้ำจิตน้ำใจและจรรยาบรรณในแวดวงนี้ ซึ่งทุกคนมีอยู่แล้ว พวกที่เขียนมันก็ต้องเขียนให้เวอร์ไป ถ้าเขียนธรรมดาเธอจะมีข่าวมาถามฉันเหรอ”
บอกเงินไม่ใช่คำตอบ รายได้เยอะสุขภาพแย่ก็ไม่คุ้ม
“พอแล้วจะเอาเงินไปไหนล่ะพอแล้ว เอาจริงๆ นะเรื่องเงินมันไม่ใช่ปัจจัยเลย ทำงานก็ทำเพื่อบริษัท ทำสนุกๆ ทำเพื่อช่วยกัน เพราะงานประจำเราก็มีอยู่แล้ว งานหนังสือก็มี มันไม่ใช่ว่าไม่มีงานทำ บางทีที่ไม่ได้รับงานอีเวนต์ก็เพราะเราต้องไปปิดต้นฉบับบ้าง ซึ่งเอาจริงเงินที่ได้จากการส่งต้นฉบับน้อยกว่างานอีเวนต์ 10 เท่า แต่ว่าต้องทำที่ทำเพราะความชอบ งานเขียนงานหนึ่งแค่หลักพันอีกงานหนึ่งหลักหมื่น แต่เราก็ต้องรับผิดชอบงานที่เรารัก เพราะฉะนั้นเรื่องเงินไม่ใช่คำตอบ ถ้าไม่อย่างนั้นทิ้งงานเขียนไปนานแล้ว”
“เคยรับสูงสุดกี่อีเวนต์แมร์จำไม่ได้ค่ะ แต่ทุกวันนี้เราก็ทำงานข่าวแล้ว ถ้ารับงานอีเวนต์มากมันจะเบลอๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งตอนนี้เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักของเรา และถ้ามีงานเยอะเราก็ต้องเร่งมัน ทำให้เราเกิดความเครียดแล้วก็จะทำให้สุขภาพเราแย่ แต่ถ้าสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็ดีทำงานแล้วให้ออกมาดี วันหนึ่งไม่เกิน 2 อีเวนต์พอแล้ว บ่ายเย็นหรือไม่ก็บ่ายค่ำพอแล้วนะ”
“ส่วนการเลือกรับงานก็จะดูจากว่าร่างกายเราไหวหรือไม่ไหว มีใครจะไม่อยากได้เงิน แต่เมื่อร่างกายมันไม่ไหวถ้าเราได้เงินมาตรงนี้แต่ต้องแลกกับสุขภาพจิตสุขภาพกาย เพราะฉะนั้นก็รับแค่ที่ไหวพอ แมร์ก็กอบโกยมาจะ 16 ปีแล้ว โกยจนเหนื่อยแล้ว ก็ต้องขอบคุณลูกค้าขอบคุณออแกไนซ์ขอบคุณเอเยนซีที่ยังเมตตาและยังคิดว่าเราทำงานเป็นที่ถูกใจเขา เราก็ดีใจที่บางครั้งมีเรียกใช้ซ้ำบอกต่อ ซึ่งก็แสดงว่าเขาไว้วางใจเรา”
ที่มา: manager.co.th