Author Topic: “ชูวิทย์” ถอดบทเรียน “เอกยุทธ” ถูกฆ่า แนะนำ “บัญญัติ 12 ประการ ที่ทำให้ไม่ถูกอุ้ม”  (Read 845 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


  ส.ส.พรรครักประเทศไทย “ชูวิทย์” หยิบบทเรียน “เอกยุทธ” ถูกอุ้มฆ่า พ่วงประสบการณ์อดีต แนะนำ 12 ข้อไม่ให้ถูกอุ้ม ทั้งอย่าใช้เส้นทางเดิมๆ อย่าบอกล่วงหน้าจะไปไหน อย่าพูดธุระสำคัญในรถ อย่าใช้รถคันเดียว อย่านั่งรถตำแหน่งเดิม อย่ามีบ้านหลังเดียว สังเกตตอนเปิดประตูรถ อย่าไว้ใจคนใกล้ชิด อย่าโอ้อวดเงินทอง อย่าอยู่ที่ไหนนาน อย่ายอมขึ้นรถคนอื่น และอย่าใช้โทรศัพท์เบอร์เดียวซ้ำๆ
       
       วันนี้ (12 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ I'm No.5” ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประเทศไทย ได้พิมพ์ข้อความหัวข้อ “บัญญัติ 12 ประการ ที่ทำให้ไม่ถูกอุ้ม” หลังการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ โดยระบุว่า คนเราไม่รู้วันตาย คุณเอกยุทธ มีเงินเป็นพันล้าน กินไวน์ "เปตรุซ" ขวดเป็นแสน ยังไปตายในป่าที่เทือกเขาจิงโจ้ จ.พัทลุง ส่วนผม หวิดไปหลายที แคล้วคลาดมาได้ เพราะ "รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง" ผมมันเด็กวัดเก่า เติบโตแถวเยาวราช ของพวกนี้ภาษานักเลงเขามองตาก็รู้แล้ว
       
       เอาเป็นว่าไม่โอ้อวด เมืองไทยเขาบอกเป็นเมืองพุทธ ผมขอเติมให้ด้วยว่าเป็นเมือง "นักเลง" คนมันฆ่าแกงกันง่ายๆ มีทั้งวางแผนสลับซับซ้อน หน้าฉากกับหลังฉากมันคนละเรื่องกัน ข้อแนะนำที่จะไม่ทำให้ถูกอุ้ม มีดังนี้
       
       1. อย่าเดินทางโดยใช้เส้นทางเดิมๆเป็นประจำ ต้องเปลี่ยนเส้นทาง ขึ้นทางด่วนบ้าง วิ่งทางธรรมดาบ้าง อ้อมนิดอ้อมหน่อย สลับไปสลับมา
       
       2. อย่าบอกกำหนดการเดินทางล่วงหน้า เช่น เย็นนี้จะไปกินข้าว หรือมีนัดกินเลี้ยงที่ไหน ถึงเวลาไปแล้วไปเลย
       
       3. อย่าพูดธุระสำคัญภายในรถ หัดใช้ Whatsapp Line หรือ sms ส่งข้อความแทน เพราะถ้าพูดในรถ คนขับรถ คนติดตาม มันได้ยินหมด
       
       4. อย่าใช้รถคันเดียว หากคุณซื้อรถเบนซ์ได้ ย่อมต้องซื้อรถญี่ปุ่นได้สัก 4-5 คัน หัดเปลี่ยนรถสลับไปสลับมา อย่าใช้รถแค่เพียงคันเดียวเท่านั้น
       
       5. อย่านั่งอยู่ตำแหน่งเดิมตลอด สลับตำแหน่ง นั่งหลังบ้าง นั่งหน้าบ้าง นั่งซ้ายบ้าง นั่งขวาบ้าง หรือในช่วงคับขัน ลองให้คนขับมาลองนั่งข้างหลัง แล้วเราไปขับแทน
       
       6. อย่ามีบ้านหลังเดียว นอนที่เดิมตลอด มีเมียเดียวก็จริง แต่ต้องมีหลายบ้าน คอนโดบ้าง โดยเฉพาะตอนเปิดประตูรถเป็นช่วงสำคัญที่สุด
       
       7. อย่าคิดว่าพกปืนแล้วจะรอด พวกที่ถูกอุ้มหรือตายไป มีปืนกันทั้งนั้น
       
       8. อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน คนขับรถ คนติดตาม หรือคนใกล้ชิด อาจถูกบังคับขู่เข็ญเพื่อสอบถามว่าเราอยู่ที่ไหน กำลังไปไหน หรือขู่เข็ญครอบครัวของบุคคลเหล่านี้ เพื่อเค้นคำตอบ ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติดังนี้
       
       8.1 ต้องรู้ประวัติของทุกคน เมียอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร ครอบครัวพ่อแม่อยู่ที่ไหน หากไปที่บ้านเดิมได้ ต้องไป อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเสียเวลา
       
       8.2 ต้องสอบประวัติอาชญากรรม พิมพ์นิ้วมือ ดูว่าเคยมีประวัติอะไรมาก่อน
       
       8.3 ต้องตรวจสอบสารเสพติด เพราะพฤติกรรมเสพยาเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด
       
       8.4 ต้องอบรมบุคคลเหล่านี้ไม่ให้ไปบอกใคร ว่าเจ้านายอยู่ที่ไหน เพราะโดยมากคนจะไม่สอบถามเราโดยตรง แต่จะไปถามคนขับรถ คนติดตาม หรือคนใกล้ชิด ดังนั้น ต้องอบรมสั่งสอนให้พูดอยู่แค่ 3 คำเท่านั้น "ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ" ต้องท่องให้ขึ้นใจ
       
       9. อย่าคุยโม้โอ้อวดเรื่องเงินเรื่องทอง หรือไปโชว์ให้เห็นว่ามีเงินอยู่กับตัวครั้งละมากๆ มันล่อตาล่อใจ แล้วทำให้คิดมาก คนไม่เคยคิดก็จะคิด หรืออาจจะนำไปพูดให้คนอื่นเกิดความคิด
       
       10. อย่าอยู่ที่ไหนนานเกินไป เช่น ไปนั่งทานอาหารอยู่ที่ไหนนานๆ หรืออยู่ในงานเลี้ยงนานเกินไป เวลานั่งให้หันหน้าเข้าหาประตู เพื่อจะได้เห็นคนที่เดินเข้าออก
       
       11. อย่ายอมขึ้นรถคนอื่นเป็นอันขาด วิ่งได้ต้องวิ่ง ยิงได้ต้องยิงกันตรงนั้น สู้ตรงนี้ดีกว่า เพราะถ้ายอมไปกับเขาแล้ว อย่าหวังว่าจะได้กลับมา
       
       12. อย่าใช้โทรศัพท์เบอร์เดียวซ้ำๆ ควรจะมีซิมประเภทเติมเงินหลายๆอัน ใช้แล้วหักทิ้ง เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทันสมัย แล้วมันไม่ได้เป็น "โจรนอกเครื่องแบบ"
       
       ทั้ง 12 ข้อนี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปลอดภัยจากการถูกอุ้ม แต่อย่างน้อยมันเหมือนกับชาวบ้านที่ต้องรู้ "กฎหมายเบื้องต้น" อาจจะผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง
       
       ท้ายที่สุดแล้ว มันขึ้นอยู่กับ "เวรทำ กรรมแต่ง" ของแต่ละคน ผมมันกรรมเยอะ ยมบาลเขาคงยังไม่อยากได้ เลยต้องมาใช้เวรใช้กรรมต่อไป จึงมาถ่ายทอดให้ฟัง
       
       จากประสบการณ์จริงของคนเคยถูกอุ้ม...แล้วรอด
       
       ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กนายชูวิทย์ยังระบุเพิ่มเติมว่า ตนรู้จักนายเอกยุทธ เหมือนเช่นคนทั่วไป ในช่วงเกือบ 30 ปีที่แล้ว นายเอกยุทธ เป็นเจ้าของแชร์ดังระดับประเทศอันลือลั่น ชื่อแชร์ชาเตอร์ รองจากแชร์แม่ชม้อย โดยประชาชนทั่วไปนำเงินไปเล่นแชร์ แล้วได้ผลตอบแทนกลับมาในอัตราสูงมาก จึงเป็นที่นิยมของประชาชนคนไทยในขณะนั้น ไม่ว่าคนกินเงินเดือน ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ ต่างนำเงินไปเล่นแชร์ โดยอ้างว่า นำเงินไปลงทุนในธุรกิจน้ำมัน จึงทำให้ผลตอบแทนสูง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเป็นเพียงการนำเงินใหม่ไปจ่ายเงินเก่า หมุนเวียนเป็นงูกินหาง จนกว่าเงินใหม่ที่เข้ามาจะหมด ส่วนแชร์แม่ชม้อย หรือชื่อจริง ชม้อย ทิพย์โส ถูกทางการจับกุม และต่อมาศาลสั่งจำคุกในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ทั้งสิ้น 154,005 ปี ต่างกรรมต่างวาระ แต่ประมวลกฎหมายอาญาเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี นางชม้อย อยู่ในเรือนจำเพียง 7 ปี 11 เดือน ว่ากันว่านางชม้อย ยอมติดคุก แต่ยังมีเงินเก็บซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
       
       ส่วนนายเอกยุทธ หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ จนคดีหมดอายุความ และกลับมาอยู่ประเทศไทยในช่วง ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ เอกยุทธจัดตั้งเว็บไซต์ ไทยอินไซเดอร์ โดยมีลักษณะของการต่อต้านระบอบทักษิณ การหายตัวไปของเขา ทำให้มีคนพาลสงสัยไปถึงรัฐบาล เนื่องจากการให้ข่าวทั้งจากสื่อหลัก และสื่อออนไลน์ มุ่งโจมตีไปที่คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่ากรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น ทำให้ภาพลักษณ์ของเอกยุทธ ดูเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
       
       “สมัยผมถูกอุ้มไป เขาปล่อยตัวมา คนหาว่าผมอุ้มตัวเอง นี่ถ้าคุณเอกยุทธกลับมา คงจะเข้าทำนองเดียวกับผม แต่ถ้าหากครบ 5 วันแล้วยังไม่ได้กลับมา มั่นใจได้ว่าไม่ได้กลับมาแล้ว คงไปอยู่ใต้แม่น้ำ ฝังดิน หรือถูกเผา คิดแล้วสยอง ข่าวยิ่งดังยิ่งไม่ได้กลับ เรื่องพวกนี้ต้องระวังคนใกล้ชิด เพราะไปไหนมาไหนคนใกล้ชิดจะรู้ดีที่สุด รถต้องเปลี่ยนสลับไปสลับมา อย่าใช้ซ้ำ รวมทั้งเส้นทางก็อย่าไปไหนซ้ำๆ ต้องมีหลายบ้าน จับสลาก ปั่นหัวก้อยเองว่าจะไปนอนที่ไหนคืนนี้ ผมเกรงว่า คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร จะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เฟซบุ๊กนายชูวิทย์ ระบุ

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)