"จัสติน บีเบอร์" โดนแฉทำสาวท้องตั้งแต่อายุ 15

[Nick]

"จัสติน บีเบอร์" นักร้องหนุ่มวัยรุ่นชื่อดังต้องเจอกับปัญหาทำสาวท้องอีกครั้ง หลังเคยพ้นคดีเดียวกันมาได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน โดยงานนี้โดนแฉว่าเจ้าตัวมีสัมพันธ์ข้ามคืนกับหญิงสาวรายหนึ่งตั้งแต่อายุเพียง 15 ก่อนที่หญิงสาวรายนั้นจะตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูกสาวแต่อุบเงียบเพราะไม่อยากดัง
       
       การตกเป็นข่าวทำสาวท้องครั้งนี้ของจัสติน บีเบอร์ นักร้องหนุ่มวัย 19 ปี นับได้ว่าไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้นักร้องป็อปสตาร์หนุ่มชื่อดังก็เคยถูกสาว มารีอา เยเทอร์ ฟ้องร้องมาแล้วว่าเขาเป็นพ่อของลูกเธอก่อนที่ผลการตรวจดีเอ็นเอจะยืนยันว่านักร้องหน่มบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นพ่อเด็กอย่างที่ถูกกล่าวหา
       
       แต่ข่าวคราวครั้งล่าสุดนี้หญิงสาววัย 25 ปี ได้กล่าวกับทางสตาร์ แม็กกาซีนว่าเธอและบีเบอร์ เคยมีสัมพันธ์ข้ามคืนกันเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนขณะที่จัสตินอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น
       
       โดยหญิงสาวนิรนามรายนี้กล่าวว่าเธอได้พบกับเขาในงานคอนเสิร์ตที่ไมอามี ฟลอริดา ก่อนที่จะพากันกลับไปยังโรงแรมที่ Gansevoort South เพื่อร่วมหลับนอนกัน โดยอีก 9 เดือนต่อมา หญิงสาวนิรนามรายนี้ก็ได้ตั้งครรภ์ขึ้นก่อนจะให้กำเนิดลูกสาวเมื่อปี 2010
       
       ซึ่งแหล่งข่าวอีกรายได้กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า "เธอให้กำเนิดลูกสาวในปีต่อมา ซึ่งจัสตินไม่รู้เรื่องนี้เลย เธอแค่อยากจะปกป้องลูกของเธอ เธออยากให้ตนเองและครอบครัวของเธออยู่ห่างจากสื่อ"
       
       โดยนิตยสารสตาร์ แม็กกาซีน ยังได้ลงข้อความระหว่างจัสติน บีเบอร์ และ หญิงสาวนิรนามที่คุยกันในช่วงเวลานั้นไว้ด้วย ซึ่งข้อความหนึ่งของจัสตินได้ระบุว่า "ขอบคุณสำหรับเมื่อคืน" และ "ความลับเล็กๆของเราสองคนนะ?"
       
       ตามรายงานระบุว่าหญิงสาวรายนี้มาคนละแนวกับ มารีอา เยเทอร์ ที่พลาดจากการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อต้องการเรียกเงินไปก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เพราะหญิงสาวรายนี้ไม่ต้องการเงินจากนักร้องหนุ่มแม้แต่เซ็นต์เดียว
       
       แหล่งข่าววงในระบุว่า "เธอไม่เรียกร้องเงินจากเขาเลยแม้แต่เพนนีเดียว และเธอก็ไม่ได้อยากกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนดัง เธอปล่อยให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจัสตินเอง ว่าในอนาคตเขาจะเลือกอะไร เขาต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับลูกของเขาหรือไม่"
       
       อย่างไรก้ตามทางแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับจัสติน บีเบอร์ ก็ได้ออกมายืนยันว่าข่าวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
       
ที่มา: manager.co.th