ซิสโก้แต่งตั้ง วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน แทน ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ที่ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธุรกิจองค์กรประจำภูมิภาคอาเซียน เผยผ่านประสบการณ์ด้านไอทีมากว่า 24 ปี จึงพร้อมที่จะนำให้ซิสโก้เติบโตเพิ่มขึ้น ชี้ไทยกำลังอยู่ในช่วงการสร้างโครงข่ายซึ่งจะก่อให้เกิดธุรกิจและบริการใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมาก จึงเป็นโอกาสดีที่ซิสโก้จะเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อขยายตัว พร้อมพัฒนาทั้งบุคลากรและจับมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อรุกธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มนิวมีเดียที่จะเกิดจาก 3G และ 4G ทีวีดิจิตอล และสมาร์ทไทยแลนด์ นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในการสร้างโครงข่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ ทางธุรกิจตามมา ทำให้ซิสโก้มองว่าเมืองไทยมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากและเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน แต่ที่ผ่านมาซิสโก้มีพาร์ตเนอร์ไม่เพียงพอ มีบุคลากรไม่เพียงพอ ดังนั้น นับจากนี้ซิสโก้จึงต้องหาทางขยายตัวเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับโครงสร้างแบบเดิม
ปัจจุบันในส่วนเน็ตเวิร์กของซิสโก้เริ่มมีสัดส่วนไม่ถึงครึ่งหนึ่งของธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว เพราะได้มีการขยายตัวในส่วนอื่นๆ แทน ดังนั้น นับจากนี้พาร์ตเนอร์เน็ตเวิร์กเดิมที่ทำอยู่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะขยายไปสู่พาร์ตเนอร์กลุ่มใหม่อย่างธุรกิจโมบายล์ที่แม้ขณะนี้จะยังไม่มีในเมืองไทยแต่ต่อไปจะได้เห็นมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเติบโตของไวไฟ 3G และ 4G ที่อนาคตจะเชื่อมกันแบบไร้รอยต่อ ดังนั้นซิสโก้จึงต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้
ในส่วนของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ซิสโก้ยังไม่มีความพร้อมในเมืองไทย จะมีการเตรียมทั้งบุคคลากรและพาร์ตเนอร์ให้รองรับธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น อย่างเช่นการรุกเข้าไปมีส่วนในกลุ่มของทรานสปอร์เตชัน อย่างเช่นระบบการควบคุมรถฟ้าใต้ดิน เครื่องบิน ที่ซิสโก้มีความพร้อมอยู่ในยุโรป แต่สำหรับเมืองไทยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนและเตรียมที่จะสร้างบุคลากรที่โฟกัสเฉพาะเรื่องนี้ขึ้นมา ลงลึกมากขึ้น เพื่อสร้างรีซอร์สทั้งในระดับประเทศและอาเซียน โดยจะมีการจัดพาร์ตเนอร์ให้เหมาะสมกับตลาดนั้นๆ รวมไปถึงการลงทุนด้านอุปกรณ์ต่างๆ
“ด้วยประสบการณ์ทางด้านธุรกิจไอทีกว่า 24 ปี รวมไปถึงการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ (Network of Relationships) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินธุรกิจ ทำให้ผมมองเห็นโอกาสที่จะทำให้ซิสโก้เติบโตได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดที่ยังเข้าถึงได้ไม่มากนักในช่วงที่ผ่านมา และด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้จะทำให้ซิสโก้สามารถขยายตลาดได้กว้างขึ้น ทั้งในส่วนของคอนซูเมอร์และองค์กรธุรกิจที่ซิสโก้จะขยายตัวไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ซิสโก้”
นายวัตสันกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาซิสโก้มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าให้แก่ธุรกิจโดยผ่าน Partner Ecosystem รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนับจากนี้จะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะซิสโก้ต้องการที่จะไปสู่ตลาดใหม่ๆ ในเมืองไทยที่กำลังอยู่ในช่วงที่ตลาดกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยี 3G และดิจิตอลทีวี ที่จะต้องมีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ประกอบกับแต่ละตลาดมีขนาดที่ไม่เท่ากัน และมีรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นซิสโก้จึงต้องจัดเตรียมทีมงาน วิธีการที่จะเข้าถึง หรือแม้แต่การใช้พาร์ตเนอร์ที่ไม่เหมือนเดิม เน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของซิสโก้เพื่อส่งเสริมความได้เปรียบด้านการแข่งขันของประเทศไทย รวมถึงการขยายตลาดไปสู่อินโดจีน ซึ่งซิสโก้มีแผนที่จะพัฒนาความรู้และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) ให้แก่เยาวชน รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมไปถึงโครงการ Initiative ที่สำคัญๆ เช่น โมบิลิตี, คลาวด์คอมพิวติ้ง และการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ (broadband connectivity) ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
“ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราจึงต้องมีการพัฒนาช่องทางการจัดจำหนาย ขยายพาร์ตเนอร์และพัฒนาทักษะและเทคโนโลยีของธุรกิจตามความต้องการของตลาดให้มากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต โดยเน้นในการพัฒนาโซลูชันพิเศษใหม่ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้สังคมเพื่อนำเสนอสู่ตลาดทั้งในประเทศไทย และอินโดจีน”
โดยตลาดที่ซิสโก้มองนับจากนี้ประกอบไปด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา โทรคมนาคมและบรอดแคส รวมไปถึงการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานในโครงการสมาร์ทไทยแลนด์ การต่อยอดแอปพลิเคชัน อย่างรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิตอลทีวี โดยในอนาคตซิสโก้จะมีผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการจัดการด้านคอนเทนต์ในส่วนต่างๆ เหล่านี้
“ต่อไปเมืองไทยจะได้เห็น MVNE (Mobile Virtual Network Enablers) ซึ่งเป็นเหมือนคล้ายกับรีเซลเลอร์ที่จะมีหน้าที่สร้างบริการเสริมต่างๆ เพื่อรองรับเครือข่ายของ MVNO โดยเฉพาะ ดังนั้น การที่ซิสโก้มีความพร้อมในทุกด้านในแง่ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แล้ว เราจึงไม่อยากจะโตแค่ขาเดียว เพราะเรามีทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงสามารถรุกได้หลายตลาดที่มีโอกาส”
สำหรับประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น นายวัตสันมีประสบการณ์ด้านการให้คำปรึกษาและพัฒนาธุรกิจให้บริษัทต่างๆ เช่น บริษัท ชลัมเบอร์เจอร์ โอเวอร์ซีส์ เอส เอ, เอสโซ่ สแตนดาร์ด ประเทศไทย และไอบีเอ็ม ประเทศไทย และล่าสุดดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ของเอชพี โดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาวิศวกรรม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง และปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิชาเอกการตลาดและระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
Company Relate Link :
Cisco
ที่มา: manager.co.th