วิคกี้ สกิ๊ปป์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอะโดบี อะโดบีปรับวิสัยทัศน์การขายผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกชนิดด้วยการย้ายขึ้นมาจำหน่ายบนคลาวด์แทนการขายในรูปแบบกล่อง ประเดิมด้วยผลิตภัณฑ์ Adobe® Creative Cloud ที่ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ประมาณ 5 แสนราย และใช้ฟรีอยู่ 2 ล้านราย ให้เข้ามาใช้งานก่อน ตั้งเป้าดันยอดสมาชิกขึ้นมาใช้ผลิตภัณฑ์บนคลาวด์ปีนี้ 1.25 ล้านราย ชี้จากผลสำรวจความพร้อมการใช้งานพบว่าไทยคือประเทศที่พร้อมมากที่สุดในการทำงานบนคลาวด์ พร้อมนำเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับหน่วยงานราชการหวังให้เป็นต้นแบบการใช้ซอฟต์แวร์แท้ วิคกี้ สกิ๊ปป์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอะโดบี กล่าวว่า อะโดบีได้ทำการปรับนโยบายสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ขึ้นสู่คลาวด์ทั้งหมด ประเดิมผลิตภัณฑ์แรก Adobe® Creative Cloud™ ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาใหม่ ก่อนจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของอโดบี ส่วนสมาชิกที่ใช้งานอยู่แล้วอะโดบีจะนำขึ้นสู่คลาวด์ทั้งหมด ซึ่งนับจากนี้อะโดบีจะมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ครีเอทีฟบน Creative Cloud
ปัจจุบันบริการ Adobe Creative Cloud มีสมาชิกที่เสียค่าบริการกว่าห้าแสนราย และสมาชิกฟรีกว่า 2 ล้านราย ได้ลงทะเบียนเข้าใช้บริการ Creative Cloud นับตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัวทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายน 2555 ส่วนในปีนี้อะโดบีคาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ Adobe Creative Suite® 6 จะยังคงมีวางจำหน่ายต่อไป แต่บริษัทฯ ไม่มีแผนที่จะวางจำหน่าย Creative Suite หรือผลิตภัณฑ์ CS อื่นๆ อีกต่อไป นอกจากนี้เครื่องมือเดสก์ท็อปของอะโดบี ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า Creative Suite (CS) แต่หลังจากได้มีการพัฒนาให้ขึ้นสู่คลาวด์นี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่จะถูกนำเสนอภายใต้แบรนด์ CC เพื่อแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหลักใน Creative Cloud และได้ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการสร้างสรรค์แนวใหม่ภายใต้การเชื่อมต่อ
วิคกี้ กล่าวว่า สำหรับตลาดเมืองไทยก่อนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ทางอะโดบีได้มีการสอบถามถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และไทยถือเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มีความพร้อมสำหรับการใช้งานในรูปแบบใหม่นี้ ซึ่งการจัดจำหน่ายนั้นผู้ใช้งานทั่วไปสามารถดาว์นโหลดได้ที่เว็บไซต์อะโดบี ส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีและองค์กรจะต้องทำการซื้อผ่านรีเซลเลอร์และดิสทริบิวเตอร์ของอะโดบี
“การจัดจำหน่ายรูปแบบใหม่นี้จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับตัวแทนจำหน่ายของอะโดบีแต่อย่างใด เนื่องจากในกลุ่มลูกค้าองค์กรนั้นจะยังคงขายผ่านตัวแทนจำหน่ายต่อไป เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางชนิดมีความต้องการความรู้ความเข้าใจก่อนที่จะใช้งาน ซึ่งตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้จะเป็นผู้ให้คำตอบ และส่งความคิดเห็นหรือความต้องการของลูกค้ากลับมาที่อะโดบีเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมต่อไป”
วิคกี้ กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษานั้น อะโดบีได้จัดให้มีราคาพิเศษขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ใช้ผลิตภัณฑ์ระดับโลกที่มีประสิทธิดภาพ และสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ตามวิสัยทัศน์ขององค์กร รวมไปถึงจะสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้งานซอฟต์แวร์แท้ที่มาจากผู้ผลิตโดยตรง
Adobe Creative Cloud เป็นบริการแบบสมัครสมาชิกที่ผู้ใช้งานจะสามารถใช้เครื่องมือและบริการต่างๆ กว่า 30 รายการ รองรับการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ และสามารถนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น สื่อสิ่งพิมพ์, เว็บ, โมบายล์แอป, วิดีโอ และภาพถ่าย นอกจากนี้ Creative Cloud ยังได้ผนวก “Behance” ซึ่งเป็นชุมชนครีเอทีฟออนไลน์เข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถจัดแสดงผลงาน รับคำติชมเกี่ยวกับโครงงาน และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก เพื่อให้ Creative Cloud เป็นส่วนช่วยในการขยายขอบเขตการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่ชุมชนครีเอทีฟอีกด้วย
นอกจากนี้สมาชิกยังสามารถจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ติดตามครีเอทีฟคนอื่นๆ เผยแพร่ผลงานที่กำลังทำอยู่จากภายใต้โปรแกรม CC ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรับฟังคำติชมจากครีเอทีฟกว่า 1.4 ล้านคนทั่วโลกซึ่งเข้าร่วมในเครือข่าย Behance
“ผู้ใช้สามารถซิงโครไนซ์ จัดเก็บ แชร์ และทำงานร่วมกัน ไฟล์และทรัพยากรทั้งหมดจะถูกซิงโครไนซ์โดยอัตโนมัติระหว่างเดสก์ท็อป คลาวด์ และอุปกรณ์พกพา นักออกแบบจะสามารถถ่ายภาพบนเครื่อง iPad จากนั้นก็ใช้ Photoshop Touch ในการปรับแต่งภาพถ่ายขณะกำลังเดินทาง แล้วเรียกใช้ไฟล์ดังกล่าวผ่านทางคลาวด์ และใช้ Photoshop CC บนเครื่อง Mac หรือพีซี Windows เพื่อปรับแต่งภาพถ่าย นักออกแบบสามารถกำหนดโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน และเชิญให้คนอื่นๆ ทำงานร่วมกันบนไฟล์ได้ ข้อมูลการแก้ไขจะถูกจัดเก็บพร้อมประวัติเวอร์ชัน (Version History) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ได้อย่างมั่นใจ สมาชิกรายบุคคลจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูล 20GB” วิคกี้ กล่าว
Company Related Link :
Adobe
ที่มา: manager.co.th