“กาละแมร์” รวยโคตรช็อปปิ้งวันละล้าน สวนคนด่าใช้เงินเกินตัวคงไม่รู้ตนมีเท่าไหร่ แจงการซื้อนาฬิกาแพงๆ เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง คนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้อาจไม่รู้ว่ามันเพิ่มมูลค่าได้ ส่วนที่โดนคนด่าตัวจริงหยิ่ง เจ้าตัวบอกก็เป็นตัวของตัวเอง โดนจวกเละ สำหรับพิธีกรปากกล้า “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” หลังเจ้าตัวไปออกรายการหนึ่งและให้สัมภาษณ์ว่าใช้เงินช็อปปิ้งมากที่สุดถึงวันละ 1 ล้านบาท จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้เงินเกินตัวจนลืมกำพืดตัวเอง เท่านั้นยังไม่พอสาวกาละแมร์ยังถูกเม้าท์อีกว่าดังแล้วหยิ่ง เวลาอยู่หน้าจอทีวีดูสนุกสนานเป็นกันเอง แต่พอเจอตัวเป็นๆ เวลาไปเดินห้างสรรพสินค้ากลับตรงกันข้าม เจอโจมตียับงานนี้พิธีกรปากกล้าก็เลยตอบกลับว่า…
“เขาคงไม่รู้ว่าเรามีเท่าไหร่ คงไม่ว่ากัน แต่จะบอกเลยว่าการใช้เงินของเราในแต่ละครั้ง เราเป็นคนที่มาจากไม่มีอะไรเลย ทำด้วยหยาดเหงื่อ น้ำพักน้ำแรงตัวเองมาตลอด ฉะนั้นในการซื้ออะไรแต่ละอย่างเราคิดอยู่แล้ว และการใช้เงิน การจัดการเงินหรือลงทุนอะไรกับอะไรสักอย่าง เราก็รู้จักตัวเองดีพอ ซึ่งการพูดในรายการก็ขำไปเพื่อเป็นสีสัน”
“และสิ่งที่ซื้อก็คือนาฬิกา และคนที่เล่นนาฬิกาก็จะรู้ว่าบางยี่ห้อ และบางรุ่นมันคือการลงทุน ซึ่งมันก็จะมีมูลค่าเพิ่มต่อไป ซึ่งถ้ามีคนมาซื้อต่อ ดิฉันก็คงขายต่อเลย เพราะกำไรก็คงหลายแสนอยู่เหมือนกัน ในรายการเราก็พูดนี่ว่าซื้อคอนโด ซื้อทอง ซื้อหุ้น ซื้อกองทุน ลงทุนทุกอย่างให้เงินมันงอกเงยขึ้น ฉะนั้นนี่มันเป็นสูตรของคนที่อยากจะรวย ต้องทำตามนี้ ข่าวนี้เราก็ไม่ได้รู้สึกแย่ เพราะเงินก็เงินของดิฉัน นาฬิกาก็ยังอยู่ในมืออยู่”
“เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ทุกข์ของเรา ทุกข์ของคนที่ตั้งกระทู้ ซึ่งตอนนี้อาจจะไม่รู้ว่ามีอะไรกินไหม มีงานทำรึเปล่า ก็เป็นทุกข์ของเขาไม่ใช่ดิฉัน เพราะดิฉันก็ยังมีความสุขดี และกำลังเล็งว่าจะลงทุนกับนาฬิกาตัวไหนต่อไปอันไหนดี เวลาดิฉันใช้เงินขอให้รู้เลยว่า มันคิดมาไม่รู้กี่รอบแล้วและรู้ว่าซื้ออะไรเป็นรางวัลชีวิตได้ด้วย และมันจะเพิ่มมูลค่าต่อไปในอนาคต เข้าใจไหม”
“แต่การทำแบบนี้ไม่ใช่ธุรกิจ แต่มันเป็นเรื่องของการซื้อของเพื่อสร้างมูลค่า หลายคนอาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้ ไม่ได้ศึกษาหรืออยู่ในสถานะ ในวัยวุฒิ คุณวุฒิที่จะรู้เรื่องนี้ ฉะนั้นไม่ว่ากัน อะไรที่ลงทุนและเพิ่มมูลค่าดิฉันก็จะทำต่อไป และดิฉันก็ทำงานหนักเหลือเกิน ที่ซื้อไปมันเป็นกำไรของการลงทุน เวลาที่เราซื้อของแพง หรูหรา มีมูลค่าทั้งหลาย ขอให้รู้ไว้เลยว่านั้นคือผลกำไรที่ดิฉันเอาเงินของตัวเองไปลงทุน เงินต้นทุนของดิฉันยังอยู่เลยค่ะ นั่นมันแค่กำไรเอง เข้าใจใช่ไหมคะ”
ลั่นเป็นตัวของตัวเองหลังโดนโจมตีหยิ่ง ต่อหน้ากล้องดูสนุกสนาน แต่พอเจอตัวเป็นๆ กลับคนละแบบ
“ดาราคนไหนไม่โดนล่ะคะ มันอยู่ที่ว่ามันเจอสถานการณ์ไหน อยู่มาถึงตอนนี้มันแกร่งดังหินผา เรารู้ตัวเองว่ามันอะไรยังไง ใครจะพูดอะไรกับเราก็ได้ เราไม่สามารถห้ามความคิดและคำพูดเขาได้ แต่เรารู้ตัวเองดีอยู่ (เขาบอกว่าต่อหน้ากล้องสนุกสนานแต่พอหลังกล้องก็เป็นอีกแบบนึง?) จะให้ตีลังกายิ้มไหมล่ะ อันนี้เป็นคำถามที่ไม่ควรและไม่น่าถาม เพราะเป็นสิ่งที่เรารู้กันอยู่แล้ว เหมือนสมมติว่าเราเป็นนักข่าว เราไปกินข้าวต้องถือไมค์ตลอดไหมค่ะ ก็ไม่ใช่ ฉะนั้นคนเป็นทนายความเดินไป ก็คงไม่ต้องว่าความให้ดู มันไม่ใช่ ฉะนั้นมันเป็นเรื่องตลกค่ะ (ยืนยันว่าตัวจริงไม่หยิ่ง) ก็เป็นตัวของตัวเองค่ะ”
ที่มา: manager.co.th