ชาร์ลส์ เดรฟนา ประธานบริหารของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกันเอทานอลส่งผลต่อการกัดกร่อนหลายชิ้นส่วนของยานยนต์ เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน รวมถึง สมาคมยานยนต์อเมริกันออกโรงเตือนการใช้ “เอทานอล” ผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เครื่องยนต์ ชี้สารสกัดดังกล่าวที่ในขณะนี้ได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานด้านพลังงานของหลายประเทศ “ไม่มีความปลอดภัย” ทั้งต่อตัวผู้บริโภค และต่อยานยนต์ ชาร์ลส์ เดรฟนา ประธานบริหารของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน ซึ่งเป็นองค์กรศูนย์รวมของบรรดาผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1902 ออกมาแถลงเมื่อวันอังคาร (7) โดยระบุว่า ทางสมาคมมีความกังวลถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯและหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องการผลักดันให้เพิ่มสัดส่วนของ “เอทานอล” ในน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับยานยนต์ เนื่องจากทางสมาคมฯ เชื่อมั่นว่า ปริมาณเอทานอลที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ของรถ และกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ขณะที่โรเบิร์ต ดาร์เบลเน็ต ซีอีโอแห่งสมาคมยานยนต์อเมริกัน (American Automobile Association :AAA) ออกมาแถลงสนับสนุนท่าทีของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกันของเดรฟนา โดยยืนยันว่า เครื่องยนต์ของรถยนต์กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ในยุคปัจจุบัน ไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้งานกับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งเป็นสารสกัดที่ส่งผลต่อการกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ปั๊มหัวฉีดของรถ ท่อเชื้อเพลิงและอินเจกเตอร์ โดยเฉพาะการผสมของเอทานอลในระดับที่สูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน และสมาคมยานยนต์อเมริกันมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯเตรียมผลักดันให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯเดินหน้ากดดันภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ให้เพิ่มส่วนผสมของเอทานอลหรือสารสกัดพลังงานหมุนเวียนจากวัตถุดิบทางการเกษตรในน้ำมันที่จำหน่ายในสหรัฐฯให้สูงแตะระดับ15 เปอร์เซ็นต์หรือที่เรียกกันว่าน้ำมัน E-15 จนก่อให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนัก ขณะที่ผู้ใช้รถจำนวนมากทั้งในสหรัฐฯและหลายประเทศเริ่มเกิดความกังวลว่าการใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว
ความพยายามของรัฐบาลโอบามาในการผลักดันน้ำมัน E-15 ออกสู่ท้องตลาด มีขึ้นหลังมีผลการศึกษาในบราซิล ประเทศที่ได้ชื่อว่า “เมืองหลวงแห่งเอทานอลของโลก” ที่อ้างว่าไม่พบการเกิดปัญหาใดๆกับเครื่องยนต์ของรถในบราซิล ซึ่งมีการจำหน่ายน้ำมัน E-15 แก่ประชาชนมานานกว่า 9 เดือนแล้ว และในหลายพื้นที่ของบราซิลก็มีการใช้น้ำมันที่มีสัดส่วนของเอทานอลปนอยู่มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯล่าสุดระบุว่า ราว 96 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันเบนซินที่จำหน่ายในสหรัฐฯเวลานี้ต่างมีส่วนผสมของเอทานอลที่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ได้รับการรับรองจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (EPA)
ที่มา: manager.co.th