อินเทลประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ Brian Krzanich
มีความเป็นไปได้ที่อินเทลอาจจะเสนอตัวเข้าสู่ธุรกิจรับผลิตชิปประมวลผลให้กับบริษัทอื่น การแต่งตั้ง Krzanich เป็นซีอีโอของบริษัทนั้นเป็นไปตามที่หลายคนคาดหมาย โดยที่ผ่านมา อินเทลไม่เคยเลือกคนนอกบริษัทมาเป็นซีอีโอ และมักเป็นการเลือกประธานฝ่ายปฏิบัติการมากุมบังเหียนบริษัท ตามประวัติ Krzanich เป็นผู้มีประสบการณ์กับอินเทลนานนับ 30 ปี ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นผู้มีพื้นฐานความชำนาญด้านเทคโนโลยีอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทำให้อินเทลมั่นใจว่า Krzanich จะพาอินเทลให้รุ่งเรืองต่อไปอีกหลายปี
ขณะที่โลกมองว่า อินเทลกำลังส่งสัญญาณ"ไม่มีการเปลี่ยนแปลงภาพรวมบริษัท"เพราะการเดินตามธรรมเนียมปฏิบัติเรื่องการแต่งตั้งซีอีโอ แต่นักวิเคราะห์มองว่า Krzanich จำเป็นต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อให้อินเทลสามารถรักษาจุดยืนผู้นำตลาดเทคโนโลยีต่อไป โดยการตัดสินใจที่ Krzanich จะเดินหน้าทั้งในช่วงเดือนหรือปีนับจากนี้จะก่อเกิดผลมากมายหลายภาคส่วน ซึ่งไม่ใช่ผลต่ออินเทลเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงตลาดอุปกรณ์ประมวลผลของโลกด้วย
นักวิเคราะห์เชื่อว่า สิ่งที่อินเทลจะทำภายใต้การดูแลของ Krzanich คือการให้ความสำคัญกับสายการผลิตของบริษัทให้มากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่อินเทลอาจจะเสนอตัวเข้าสู่ธุรกิจรับผลิตชิปประมวลผลให้กับบริษัทอื่น จุดนี้มีรายงานว่าอาจจะเป็นบริษัทพันธมิตรอย่างแอปเปิล (Apple) ที่จะเริ่มจ้างอินเทลผลิตชิปเซ็ตอย่างจริงจังในอนาคต
Krzanich จะเป็นผู้รับช่วงดูแลอินเทลในวันที่โลกข้องใจกับจุดยืนของอินเทลในตลาดอุปกรณ์พกพา นักสังเกตการณ์ล้วนจับตาเฝ้าดูว่าอินเทลจะทำอย่างไรในภาวะตลาดพีซีตกต่ำ ทั้งหมดนี้ Krzanich ยืนยันแล้วว่าจะไม่ทิ้งชิปสถาปัตยกรรม x86 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ทำให้อินเทลยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ ในวันที่ชิปเทคโนโลยี ARM ที่อยู่เบื้องหลังสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหลากรุ่นกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
Krzanich ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมนำอินเทลเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ โดยจะคงดำเนินธุรกิจชิปแบบดั้งเดิม และหันมาให้ความสนใจธุรกิจชิปสำหรับอุปกรณ์พกพาที่ได้รับความนิยมมากขึ้น คำให้สัมภาษณ์นี้ถูกนำไปโยงกับคำพูดของซีอีโออินเทลคนปัจจุบัน Pual Otellini ที่ระบุว่าอินเทลจะไม่ปิดตัวเองจากการทำสัญญารับจ้างผลิต ทั้งดีลจากยักษ์ใหญ่แอปเปิลและบริษัทออกแบบชิปเทคโนโลยี ARM หากดีลนั้นมีโอกาสทางธุรกิจสูง
สำนักข่าวซีเน็ตรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ว่าทั้งอินเทลและแอปเปิลมีการเจรจาต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการเจรจาครั้งใดที่ประสบความสำเร็จ จุดนี้มีความเป็นไปได้ว่า Krzanich อาจจะเจรจากับแอปเปิลอย่างจริงจังและเปิดกว้างมากขึ้น เพราะอินเทลจะมีรายได้แหล่งใหม่และสามารถใช้ประโยชน์จากโรงงานผลิตชิปที่ตัวเองมีอยู่ได้อย่างเต็มที่ หากอินเทลสามารถรับจ้างผลิตชิปจากบริษัทอื่น โดยเฉพาะชิปเทคโนโลยี ARM
ข้อมูลจากบริษัทวิจัย J.P. Morgan เชื่อว่าธุรกิจรับจ้างผลิตชิปของอินเทลจะมีรายได้มากกว่า 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายในปี 2017 ซึ่งจะช่วยให้อินเทลแข็งแกร่งได้แม้ตลาดพีซีจะชะลอตัว
นอกจากการหาที่ยืนในตลาดอุปกรณ์โมบาย งานที่รอซีอีโอคนใหม่ของอินเทลอยู่คือการให้ความสำคัญกับตลาดอุปกรณ์ต่างๆที่มีเซ็นเซอร์และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่น แว่นตาอัจฉริยะ นาฬิกาไฮเทค หรือตู้เย็นออนไลน์ จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าอินเทลจะต้องมองทิศทางตลาดเพื่อให้สามารถพัฒนาคอมพิวเตอร์พีซีให้มีมนต์ขลังอีกครั้ง แถมยังช่วยให้อินเทลสามารถออกแบบสินค้าใหม่ที่มีคุณสมบัติกระแสแรงอย่างการสั่งการเครื่องด้วยเสียงหรือท่าทางได้ในอนาคต
อีกพื้นที่ที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นพันธกิจของอินเทล คือการพยายามแทรกตัวลงในตลาดชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ผ่านมา อินเทลจำหน่ายหน่วยประมวลผลสำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก แต่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายแบรนด์กำลังมุ่งออกแบบ "ไมโครเซิร์ฟเวอร์" หรือเครื่องแม่ข่ายขนาดเล็กประหยัดไฟที่ใช้ชิป ARM นี่เองเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อินเทลต่องเร่งปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
ขณะเดียวกัน อินเทลอาจจะตัดสินใจขายทิ้งบางธุรกิจที่มีความสำคัญน้อยลงหรือมีประสิทธิภาพต่ำ เพื่อให้อินเทลสามารถหันไปทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีอื่นที่สามารถสร้างความเป็นต่อเหนือคู่แข่งได้ดีขึ้น
Krzanich จะปฏิบัติหน้าที่ซีอีโออินเทลอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ในฐานะซีอีโอคนที่ 6 ของอินเทลด้วยวัย 52 ปี
ที่มา: manager.co.th
