“บอย อรรถพล” รับเป็นไปได้ปีหน้าไม่มี “เอเอฟ” แล้ว แจงหากปีนี้กระแสไม่เปรี้ยงอาจเปลี่ยนรายการไปเลย เผยเหตุคนดูเริ่มไม่อิน เพราะปัจจุบันมีรายการประเภทนี้เกิดขึ้นเยอะเกินไปจนตัน ส่วนกรณีอดีตเทรนเนอร์สาว “ทาทา” และครูใหญ่ “รัก ศรัทธา” ย้ายไปทำงานให้ KPN ไม่ได้มีปัญหากัน ก้าวเข้าสู่ซีซันที่ 10 ของรายการเรียลิตีโชว์รายการแรกของเมืองไทย “ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย” ที่ปีนี้เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติใหญ่ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ว่าปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายของเวทีประกวดนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดแถลงข่าวเปิดตัว ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซันที่ 10 อย่างเป็นทางการ โดยเปิดเผยรายชื่อเทรนเนอร์ใหม่ “โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล” มาช่วยดูแลเรื่องของการแสดง “อู๋ เปรมจิต อำนรรฆมณี” มาดูแลเรื่องของทีมเต้น และ “โรจน์ รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์” มาดูแลทีมร้อง โดยหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว “บอย อรรถพล ณ บางช้าง” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บมจ.ทรูวิชั่นส์ ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องกระแสข่าวลือ โดยเจ้าตัวยังตอบไม่ได้ว่าปีนี้จะเป็นซีซันสุดท้ายหรือไม่
“นอกจากเปลี่ยนเทรนเนอร์แล้ว ส่วนใหญ่ที่เหลือก็ยังเหมือนเดิมนะ พิธีกรก็ยังเหมือนเดิม ส่วนคนที่จะคัดเลือกเข้ามา ปีนี้เราไม่ได้อยากได้คนที่เก่งมาก เราอยากได้คนที่พร้อมเรียนรู้ ก็ต้องดูว่าครูใหม่ๆ ของเราที่เราคัดเลือกมาว่าแข็งแรงที่สุดในเมืองไทยจะได้มาเปลี่ยนแปลงพวกเขายังไงกันบ้าง ครั้งนี้เราอาจจะเลือกดูเบื้องต้นที่บุคลิกภาพดีในเบื้องต้น แล้วเราเอามาขัดเกลาความสามารถกันในบ้าน ความเปลี่ยนแปลงในทีวีมันจะทำให้เราต้องผลิตรายการภายในประเทศมากขึ้น ทุกวันนี้รายการพวกนี้ผมว่ามันล้นแล้ว ซึ่งผมว่าคนดูไม่ค่อยอินกับมันแล้วแหละ รายการต่างประเทศมันจะจับได้เฉพาะคนระดับบน แต่ถ้าคุณจะจับคนระดับล่างๆ คุณจะต้องทำรูปแบบรายการให้เหมาะกับเขา”
“ตอนนี้ผมเองก็วางแผนจะทำอะไรบางอย่างที่มันฉีกออกไปจากสิ่งที่คุณเคยดู ตอนนี้รายการแบบเอเอฟมันเยอะจนเรียกว่าแทบทุกช่อง ทุกเวลาก็ว่าได้แล้ว ตั้งแต่เช้ายันเย็น รายการเอเอฟสร้างคนก็สร้างไป แต่ต่อไปผมก็คงจะสร้างรายการที่ไม่ไปทางนี้แล้วแหละ ผมก็จะเปลี่ยนมาคิดแบบอื่นแล้ว บอกตรงๆ มันก็เหนื่อยนะ เราเองก็มีคู่แข่งเยอะ ปีหน้าเป็นไปได้ว่าอาจจะได้เห็นเอเอฟในรูปแบบใหม่ๆ หรือเปลี่ยนรายการไปเลยก็ได้”
“ก็อาจจะเป็นรายการที่ประกวดแต่ไม่ใช่ชื่อนี้ รูปแบบการประกวดก็อาจจะเปลี่ยนไป อาจจะเป็นรายการที่เราสร้างขึ้นเอง โดยไม่ต้องไปซื้อลิขสิทธิ์จากเมืองนอก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องคุยกับบอร์ดบริหารของเราก่อนว่าเราจะเลิกหรือไม่เลิก เพราะแบรนด์เอเอฟเป็นแบรนด์ที่ผู้บริหารท่านรักมาก แกมองว่ามันเป็นแบรนด์ของเรา จะไปเลิกทำทำไม ซึ่งในความคิดเห็นของผมก็มองว่าไม่จำเป็นต้องเลิก แต่พอมันมีเยอะมากในตลาด เราก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เราคงจะอยู่เหมือนเดิมไม่ได้ ก็คงต้องปรับกันเพราะผมเชื่อว่ารายการแบบนี้มันตันแล้ว”
“แต่ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอกว่ามันจะเป็นปีสุดท้ายรึเปล่า แต่ว่าถ้ามันดีเราก็ต้องทำต่อไป เพราะอย่างปีที่แล้วก็ยังเป็นปีที่เราได้รับยอดโหวตที่สูงสุดตั้งแต่เราทำมา ถ้ามันไม่ดีจริงเราคงไม่ทำเอเอฟ 10 การทำเอเอฟเป็นเรื่องของนโยบายของเรา เราเป็นสถานีโทรทัศน์เราต้องทำอยู่แล้ว เพราะเอเอฟเป็นการสร้างบุคลากรให้กับเรา แล้วในอนาคตจะมีรายการทีวีเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ฉะนั้นเราต้องการคนจำนวนมากในอนาคต”
“ซึ่งถ้าเราจำเป็นต้องใช้คน เราก็จะมีคนของเรา ผมว่ามันอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไป โดยอาจจะทำให้มันดูสดใสขึ้น เรียลิตีโชว์สไตล์แบบนี้ก็คงยังมีต่อไป พูดกันตามตรงที่ผ่านมา ศิลปินที่เราสร้างมา 9 ปี เราได้เอามาใช้ในส่วนของทรูวิชั่นส์เองก็เยอะเหมือนกัน แต่ว่าเขาจะไปดังในช่องอื่นเสียมากกว่า แต่ในอนาคตเราเองมีนโยบายขยายงานในเรื่องของการผลิตรายการ ละคร ซึ่งเราเองต้องการคนจำนวนมาก เราจึงจำเป็นที่จะสร้างคนต่อไป”
ยันไม่เป็นตามข่าวลือว่าสัญญารายการ “อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย” หมดอายุที่ปีที่ 10 เผยสัญญาลิขสิทธิ์รายการ “อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย” กับทางประเทศเม็กซิโกยังมีอยู่เยอะ แต่หากทางทรูต้องการคืนสัญญาก็สามารถเปลี่ยนเป็นรายการอื่นแทนได้
“เซ็นหลายปีอยู่ครับ ยังเหลืออยู่อีกหลายปีเลย แต่สัญญาที่เราทำกับเม็กซิโกมันสามารถยืดหยุ่นได้ เช่น ถ้าเราหยุดเราก็เปลี่ยนได้ หมายถึงถ้าเราคิดว่าเราจะเลิกทำ เราก็สามารถจะเอามูลค่าสัญญาไปเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์อย่างอื่น มันอยู่ที่เราว่าจะทำต่อไปหรือไม่ เราเองก็ดูอยู่ว่าถ้ามันยังได้รับผลการตอบรับที่ดีเราก็ยังคงต้องทำต่อไปเรื่อยๆ การประกวดร้องเพลงในประเทศอื่นเองมันก็ยังคงดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ แต่ในบ้านเราเองมันไม่เหมือนกันในเรื่องของการสอน เผอิญประเทศไทยเกิดมีรายการที่ประกวดร้องเพลงเยอะมากเลย คนก็อาจจะมองว่ามันเยอะเกินไปรึเปล่า ลองปรับเปลี่ยนดูบ้างดีไหม เราเองก็พยายามปรับไปเรื่อยๆ เราเองก็เตรียมพร้อมไว้ ปีหน้ามันก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกแบรนด์นึงอย่างที่บอกก็เป็นได้”
“ผมเชื่ออยู่อย่างนึงว่ารายการนี้มีแฟนประจำที่เหนียวแน่นกับเรา ฉะนั้นการที่เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามเราต้องคิดหนัก เราเองได้ทำการวิจัยกับแฟนๆ ของเรา โดยเลือกทำทั้งคนที่ดูและคนที่ไม่ดู เรารวบรวมประมวลผลทำให้เราเห็นภาพรวม คนมองว่ามัน 10 ปีแล้ว มันน่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปไหม”
ส่วนกรณีอดีตเทรนเนอร์สาว “ทาทา ยัง” และอดีตครูใหญ่ “ครูรัก ศรัทธา ศรัทธาทิพย์” ย้ายไปทำงานให้รายการเคพีเอ็นนั้น ไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด มองเป็นเรื่องปกติของการทำงาน
“เราไม่ได้เซ็นสัญญาห้ามไม่ได้ใครไปไหน เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน เราจะเห็นเยอะอยู่ว่ามีคนจากรายการนี้ย้ายไปรายการอื่น มันเป็นเรื่องของการตัดสินใจส่วนบุคคล เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันครับ”
ที่มา: manager.co.th