Author Topic: “ซี ศิวัฒน์” เผยทำใจได้แล้ว แม่เสียกะทันหันยืนยันไม่โทษหมอ  (Read 680 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


  “ซี ศิวัฒน์” เผยทำใจได้บ้างแล้ว แม่เสียกะทันหันหลังผ่าตัดเข่า ยืนยันไม่โทษหมอและไม่คิดฟ้องใครให้เป็นการเพิ่มบาปให้แม่ เปรยอยากให้แม่มาเข้าฝัน พร้อมขอบคุณทุกคนที่ห่วงใย
       
       เริ่มทำใจได้บ้างแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม “ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์” หลังต้องสูญเสียคุณแม่สุดที่รัก “อี๊ด สุวรรณี” อย่างกะทันหัน หลังจากเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่คุณพ่อของซีเสียชีวิตเมื่อ 14 ปีก่อน โดยมีพิธีสวดพระอภิธรรมที่วัดโสมนัส (ศาลา 5) ไปจนถึงวันที่ 27 เม.ย. และจะมีพิธีฌาปนกิจ ในเวลา 16.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย. นี้
       
       ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(23 เม.ย.) ซี ได้เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวโปรเจกต์พิเศษ ในโอกาสครบ 80 ปี บุญรอดบริวเวอรี่ ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามถึงสภาพจิตใจในตอนนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าทำใจได้บ้างแล้ว
       
       “กำลังใจตอนนี้ดีมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ดีพอจะจับต้นชนปลายได้ว่าเราควรจะเริ่มทำอะไรก่อนหลัง ตอนแรกๆ ไปไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ด้วยความที่ผู้ใหญ่เองก็ยังมาไม่ถึง เราเป็นเด็ก ก็ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไหนจะเรื่องของเอกสาร ทางธนาคารอีก เราคิดเองไงว่ามันจำเป็นต้องตอนนี้เลยเหรอ จะไปโทษเขาก็คงไม่ได้ ก็ต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้เราก็สามารถดึงตัวเองกลับมาได้แล้ว ใช้เวลาอยู่ 1 วันเต็มๆ ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก”
       
       “กำลังใจก็เป็นครอบครัวนี่แหละครับ สำคัญสุดคนเป็นตัวเราเพราะทุกข์ก็อยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจเราเอง ในขณะที่ผมทำรายการผมได้คุยกับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมามาก เราได้แต่พร่ำบอกเขาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ฉะนั้นความทุกข์นั้นก็ย่อมจะสลายไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว เลยมองว่าคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเสียน้ำตาบ้างในระหว่างทาง”
       
       “พอเรามาโดนเข้ากับชีวิตตัวเอง เราก็ต้องรีบลุกและคิดให้ได้แบบนั้นด้วย อย่างน้อยคุณแม่ผมก็ไปสบาย แม่ผมไม่ต้องนอนเป็นผักเป็นปลาต้องทุกข์ทรมาน กอดเขาก็ไม่รับรู้ เขาไม่สามารถตอบเราได้ เขาไปเร็วจริง แต่ก็ไปแบบสบาย แน่นอนว่าความเจ็บปวดของการที่คนที่เรารักจากไปมันไม่ได้หายไปไหน มันยังอยู่ในใจเรานี่แหละ แต่มันไม่มีประโยชน์ที่ผมจะมาฟูมฟาย เพราะทำไปแม่ก็ไม่ฟื้นกลับมา ท่านไปสบายแล้ว ผมต่างหากที่ยังทุกข์อยู่ ฉะนั้นหน้าที่ของผมคือทำให้แม่เห็นว่าผมยังก้าวต่อได้ด้วยตัวของผมเอง โดยที่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
       
       เผยแม้จะอยู่ในช่วงทำใจแต่ก็ยังทำพิธีกรรายการ “จันทร์พันดาวฯ” เหมือนเดิม
       “ในส่วนของรายการ ผมไม่ได้มองว่าเป็นหน้าที่การงาน มันเหมือนเป็นบ้านของเรา แขกมาที่บ้านก็คงจะไม่มีใครต้อนรับแขกได้ดีกว่าเจ้าของบ้านเอง ผมก็คงจะไม่กล้ารบกวนคนอื่นมาทำให้ผม ตอนแรกเป็นห่วงว่าจะไปฟังพระสวดไม่ทัน ก็ต้องขอขอบคุณเจเอสแอล น่ารักมากเลย เขาเข้าใจ พิธีกรร่วมเองก็เข้าใจผม ให้กำลังใจผมตลอด ผมซาบซึ้งมาก เขาให้เกียรติผมยอมที่จะมาอัดรายการช่วงเช้าก่อน แล้วซัดกัน 3 เทป แล้วค่อยกลับมาถ่ายต่อ หลังจากที่ผมกลับจากฟังพระสวด”
       
       “เราก็รีบกลับมาเพื่อให้ทันรายการสด ทุกคนน่ารักมาก ผมก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่จริงๆ ส่วนละครเองก็เหมือนกัน เพราะเป็นละครถ่ายไปออนไป ผมก็ต้องบริหารเวลาให้เรียบร้อย ฟังพระสวดเสร็จก็ขออนุญาตครอบครัวมาทำงานต่อ ซึ่งทางกองถ่ายเองก็น่ารักมาก ยอมให้ผมจริงๆ แม้จะต้องเลยคิวเป็นเที่ยงคืนก็ต้องเป็นแบบนั้น ทำให้ได้เห็นและซาบซึ้งในความมีน้ำใจและกำลังใจจากทุกคนจริงๆ”
       
       “เพื่อนๆ ผู้ใหญ่ในวงการ และนอกวงการด้วย ทุกคนคอยเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจดีๆ ทุกคนพร้อมที่จะกอดพร้อมที่จะผลักดันให้ผมก้าวต่อไป ทุกคนเข้าใจผมว่าการที่คนรักจากไปโดยไม่ทันตั้งตัวมันเป็นยังไง ผมเข้าใจแล้วคำว่าสายฟ้าฟาดเข้ามาตรงกลางใจมันเป็นยังไง ทุกคนก็พร้อมจะช่วยให้ผมก้าวต่อไปให้ได้ครับ”
       
       ลั่นแม้แม่จะเสียกะทันหันจากการผ่าตัด แต่ตนไม่ติดใจไม่โทษว่าเป็นความผิดของทางโรงพยาบาล
       “พูดตรงนี้เลยว่าผมคงจะไม่พิสูจน์อะไรเพราะมันไม่มีความจำเป็น ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความผิดของทางโรงพยาบาล ผมว่าเรื่องการผ่าตัดมันมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบล็อคหลังหรือการวางยาสลบก็ตาม ลิ้มเลือดอุดตันไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ เพราะแม่ผมก็ไม่ได้มีประวัติ ฉะนั้นการให้ยาสลายลิ้มเลือดก่อนผ่าตัด โดยที่ไม่มีประวัติแทบจะเป็นไปไม่ได้”
       
       “แน่นอนว่าผมเสียใจ แต่ผมไม่คิดที่จะโทษใคร ให้คนออกมารับผิดชอบเหรอ ผมยังไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรถ้าจะทำแบบนั้น อาจจะกลายเป็นเพิ่มบาปกรรมให้กับแม่ผมอีก ถ้าการพิสูจน์จะต้องไปเอาแม่ผมออกมาจากฝาโรง แล้วชำแหละแม่ผมเพื่อพิสูจน์ ทำให้ตายยังไง แม่ผมก็คงไม่ฟื้นกลับมาอีกแล้ว ถ้าทำแล้วแม่ผมฟื้นจะชำแหละกี่ครั้งผมก็ไม่ว่า กว่าผมจะดึงตัวเองออกจากความทุกข์มาได้ ถ้าผมต้องมาเห็นแม่ออกมาจากผ้าที่ต้องถูกมัดอะไรอีก ครั้งนึงผมยอมจะเป็นแบบนี้ดีกว่า ผมยอมอยู่แบบนี้”
       
       “ผมอยากจะให้หยุดในการบอกว่าโรงพยาบาลมีส่วนผิด จะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของทางโรงพยาบาลที่คุณจะต้องไปรับผิดชอบกันเอาเอง ว่าต่อไปถ้ามีเคสที่ใกล้เคียงจะตรวจตราให้มันมากกว่าเดิมหรือยังไงก็ว่ากันไป มันไม่เกี่ยวกับแม่ผมแล้ว มันชัดเจนว่าแม่ผมได้จากโลกนี้ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปนั่งหาสาเหตุอะไร สาเหตุของมันก็คือแม่ผมเสียไปแล้ว”
       
       “ซี” อยากจบแต่คนในโลกออนไลน์กลับรวมตัวกันเรียกร้องให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบ เพราะเข้าข้างเรา?
       “ผมทราบ ซึ่งทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่อย่างที่บอก บางสิ่งบางอย่างอยากให้ทุกคนร่วมไว้อาลัยคุณแม่ผม ก่อนจะถึงวันที่ 28 เมษาฯ ตอน 4 โมงเย็น ที่ผมจะทำการฌาปนกิจศพคุณแม่ผม ก็อยากให้นึกถึงเรื่องราวดีๆ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักก็ตาม ยืนยันว่าคุณแม่ผมไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยกับใคร ทุกคนที่รู้จัก อยากให้นึกถึง ลักษณะของเขาในแบบที่ดีๆ ก่อนที่จะทำการฌาปนกิจ แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมากๆ ดีกว่าต้องให้ผมไปฟ้องใคร หรือไปโทษคุณหมอ”
       
       “ตอนนี้ไม่ใช่แค่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน แต่โรงพยาบาลอื่นก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน ก็อยากจะขอความวิงวอนสังคมหรือแฟนคลับต่างๆ อย่าทำให้คนดีไม่มีที่อยู่เลย มันจะกลายเป็นว่าถ้าคุณหมอได้ทำถึงที่สุดแล้ว จะมีคนพร้อมโยนความผิดให้ ต่อไปก็คงไม่อยากรักษาใครอีก เรื่องบางเรื่องมันเกิดขึ้นได้ โดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ ก็อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของสังขาร เรื่องของเวลาที่คุณแม่ผมจากไปอย่างสงบก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ”
       
       บอกแม่มาเข้าฝันแม่บ้านฝากให้ดูแลตนและพี่น้องทุกคน
       “มาเข้าฝันแม่บ้านครับ ผมพยายามบอกให้แม่มาบอกผมว่าเป็นยังไงบ้าง คุณแม่ก็มาบอกว่าฝากดูแลพวกผมด้วย ฝากดูแลบ้าน แล้วก็บอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย แต่แม่ผมก็อยู่ในสภาพธรรมดามากๆ ไม่ได้ดูเศร้าหมอง ดูเข้าใจและห่วงใยลูกๆ และบ้านอยู่ อย่างน้อยก็เป็นความรู้สึกที่ดี แม่ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เข้ามาบอกกล่าว แต่ผมก็อยากเจอกับตัวเอง ส่วนพี่สาวก็ไม่มีมาเข้าฝันเหมือนกัน เมื่อช่วงเช้านี้เอง”
       
       “สภาพจิตใจตอนนี้มันเป็นพักๆ ครับ แต่เชื่อว่าถ้าผ่านตรงนี้ไปก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อที่จะไม่อยากให้เขามาห่วงตรงนี้ ก็บอกแม่ไปแล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วง ก็จะทำหน้าที่อย่างที่คุณแม่ทำ จะดูแลครอบครัวคุณแม่ที่เหลืออยู่ ญาติๆ ของคุณแม่ น้อง หลาน พี่สาว พี่ชาย เราก็จะดูแลกัน ตอนที่คุณแม่ยังอยู่ก็จะเป็นสื่อกลางในการทำให้ทุกคนมารวมตัวกัน ดูแลกันมากกว่าเดิม”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)