อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้ “ซีพีออลล์” ควบรวม “แม็คโคร” ไม่เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาด ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทของคนไทยเข้าซื้อกิจการค้าส่งรายใหญ่ของต่างชาติได้สำเร็จ คาดจะทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจค้าส่งซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีก นั่นหมายถึงโชวห่วย หรือร้านค้ารายย่อยก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ซีพีออลล์ เข้าซื้อกิจการสยามแม็คโคร โดยระบุว่าอยากให้มองในแง่ดีว่าเป็นครั้งแรกที่บริษัทของคนไทยเข้าซื้อกิจการค้าส่งรายใหญ่ของต่างชาติได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันถึงแม้ว่าหลักเกณฑ์การดูแลการควบรวมกิจการยังอยู่ระหว่างจัดทำ แต่ก็ยืนยันว่าตามกฎหมายแข่งขันทางการค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันก็เพียงพอที่จะกำกับดูแลไม่ให้ซีพีออลล์มีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจนเอาเปรียบผู้ค้ารายอื่นหรือผูกขาด
ทั้งนี้ การเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดไม่ใช่ความผิดตามกฎหมาย แต่ต้องดูที่พฤติกรรม โดยทางซีพีออลล์ก็เป็นผู้มีประสบการณ์ในตลาดค้าปลีกที่เข้าใจกฎหมายการแข่งขันทางการค้าเป็นอย่างดี ดังนั้น เชื่อว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจค้าส่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีก นั่นหมายถึงโชวห่วยหรือร้านค้ารายย่อยก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน
ส่วนความคืบหน้าในการออกหลักเกณฑ์กำกับดูแลการควบรวมกิจการนั้น ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ โดยหลังจากนี้ก็จะต้องเสนอให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือบอร์ดชุดใหญ่ เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบและประกาศใช้ต่อไป
ทั้งนี้ ตามเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด หากผู้ประกอบการมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) มากกว่า 50% ของตลาดรวม และมียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาท หรือผู้ประกอบการในธุรกิจนั้นรวมกัน 3 ราย มีมาร์เกตแชร์เกิน 75% ของตลาดรวม ให้ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด โดยธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในขณะนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจเหลือเพียง 4 ราย คือ เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, เซเว่น อีเลฟเว่น และสยามแม็คโคร ซึ่งหากมีการรวมกันก็จะเหลือเพียง 3 รายใหญ่ก็จะเข้าข่ายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด เพราะมาร์เกตแชร์เกิน 75%
สำหรับยอดขายปีที่ผ่านมาของเซเว่นอีเลฟเว่นมีมากที่สุด โดยมีมูลค่า 159,000 ล้านบาท รองลงมาคือ เทสโก้ โลตัส มูลค่า 148,000 ล้านบาท บิ๊กซี 121,000 ล้านบาท และแม็คโคร มียอดขาย 98,623 ล้านบาท เมื่อเซเว่นอีเลฟเว่นรวมกับแม็คโคร จะมีมาร์เกตแชร์เพียง 48.92% ซึ่งไม่เกิน 50% แต่หากนำแชร์ 3 รายมารวมกันก็จะเกิน 75% ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทค้าส่งค้าปลีกทั้ง 3 รายเข้าข่ายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งหากมีพฤติกรรมการค้าใดที่ไม่เป็นธรรมและทำผิดกฎหมายก็จะมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
ที่มา: manager.co.th