สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรของเอชทีซีหดตัวเช่นนี้เป็นเพราะการเลื่อนวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่น HTC OneHTC First ที่เอชทีซีจะทำตลาดพร้อมระบบ Facebook Home เพื่อให้ผู้ใช้เล่นเฟซบุ๊กได้ตลอดเวลา เอชทีซี (HTC) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่จากไต้หวันประกาศผลประกอบการตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ผลจาก HTC One สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของเอชทีซีเจอโรคเลื่อนจนไม่สามารถวางจำหน่ายได้ทัน ทำให้ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนของเอชทีซีพลาดเป้าที่บริษัทวางเป้าไว้ ส่งให้กำไรที่เอชทีซีทำได้ในเดือนธันวาคม 2012 ถึงกุมภาพันธ์ 2013 อยู่ในภาวะตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นับเป็นไตรมาสแรกของปีการเงิน 2013 ของเอชทีซี ปรากฏว่าเอชทีซีประกาศกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวว่าลดลงถึง 98% คิดเป็นมูลค่า 85 ล้านเหรียญไต้หวัน (ราว 82 ล้านบาท)
กำไร 85 ล้านเหรียญไต้หวันของเอชทีซี ถือว่าลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ 1 พันล้านเหรียญไต้หวัน จุดนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า กำไร 85 ล้านเหรียญนี้เป็นการตกต่ำแบบหักปากกาเซียน เนื่องจากค่าเฉลี่ยกำไรเอชทีซีที่นักวิเคราะห์ในตลาด 19 คนประเมินไว้คือ 600 ล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งเอชทีซียังทำได้ไม่ถึงหลัก 100 ล้านเหรียญด้วยซ้ำ
หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เอชทีซีเคยมีกำไรมากถึง 1.09 หมื่นล้านเหรียญไต้หวัน ทั้งหมดนี้ส่งให้ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นไตรมาสที่เอชทีซีมีรายได้ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท โดยนับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เอชทีซียังไม่เคยประกาศภาวะขาดทุนอีกเลยตั้งแต่เคยประกาศไว้ในเดือนมีนาคม 2002 หรือเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
สื่อต่างประเทศรายงานสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรของเอชทีซีหดตัวเช่นนี้เป็นเพราะการเลื่อนวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่น HTC One สมาร์ทโฟนเรือธงที่เอชทีซีเพิ่งเปิดตัวนั้นประสบปัญหาด้านการผลิตจนทำให้ไม่สามารถวางขายในตลาดหลักของโลกได้นานนับเดือน ล่าสุด เอชทีซีคาดการณ์ว่าจะสามารถวางขาย HTC One ได้ทั่วโลกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ทั้งที่เอชทีซีสามารถเปิดตัว HTC One ก่อนหน้า Galaxy S4 คู่แข่งในตลาดที่มีแผนจะวางขายในสหรัฐฯ วันที่ 26 เมษายน
สถานการณ์ความไม่พร้อมทั้งหมดกำลังส่งให้เอชทีซีตกเป็นรองในการแข่งขันบนตลาดโลก โดยปัจจุบันเอชทีซีสามารถวางจำหน่าย HTC One ได้เพียง 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ อังกฤษ เยอรมนี และไต้หวัน จากที่วางแผนว่าจะจำหน่ายใน 80 ประเทศ ส่งให้รายได้รวมของเอชทีซีในไตรมาสที่ผ่านมามีมูลค่าเพียง 4.28 หมื่นล้านเหรียญไต้หวัน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่มีรายได้ 6 หมื่นล้านเหรียญไต้หวัน คิดเป็นสัดส่วนลดลงมากกว่า 37%
ที่น่าสนใจคือสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของเอชทีซี (Operating margin) ในไตรมาสที่ผ่านมานั้นอยู่ที่เพียง 0.1% เทียบกับที่เอชทีซีเคยประเมินตัวเองว่าจะมีอัตราส่วนที่ 0.5-1%
สถิติเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายของเอชทีซี ที่ต้องสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 70% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าปัญหาโรคเลื่อนของ HTC One จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เอชทีซี ซึ่งอาจทำให้การเปิดตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางและล่างเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้ง HTC First ที่เอชทีซีจะทำตลาดพร้อมระบบ Facebook Home เพื่อให้ผู้ใช้เล่นเฟซบุ๊กได้ตลอดเวลา รวมถึงสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่มีกำหนดเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ปีนี้
เบื้องต้นนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายของเอชทีซีในไตรมาสที่ 2 จะฟื้นตัวกลับมาดีกว่าเดิม ส่งให้มูลค่าหุ้นของเอชทีซีลดลงเพียง 2.2% เท่านั้นหลังการประกาศ
Company Related Link :
HTC
ที่มา: manager.co.th