Author Topic: “ไฮโซน้ำหวาน” แถลงขอให้ “จิน” พูดความจริงเรื่องจะได้จบ เผยโดน “หนิง” ตามถ่ายคลิป  (Read 1027 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




















   “ไฮโซน้ำหวาน” แถลงยันไม่เคยตื้อ “จิน” แจงความสัมพันธ์ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นดูใจ ส่วนที่ส่งข้อความหาจินเรียก Honey เพราะไม่เก่งภาษาไทย อีกทั้งเป็นคำที่ใช้คุยกับเพื่อนปกติ วอนจินพูดความจริงเรื่องจะได้จบ ไม่แน่ถ้า “หนิง” ได้รู้ความจริงอาจจะไม่รู้สึกแย่กับตนแบบนี้ก็ได้ ย้ำเลิกติดต่อจินแล้ว พร้อมลั่นไม่เคยคิดฟ้องหนิง ก่อนเผยโดนหนิงตามถ่ายคลิป
       
       ยังไม่จบง่ายๆ วันก่อน “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ก็เพิ่งจะแท็กทีม “แนน” น้องสาวลุกขึ้นมาโพสต์ข้อความจิกกัดไปยัง “ไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น” ซึ่งก็มีทั้งอินสตาแกรมของแนนที่ขุดข้อความที่น้ำหวานติดต่อกับจิน ส่วนหนิงก็โพสต์รูปในงานปาร์ตี้กับเพื่อนสาวพร้อมชูป้าย “ของใครไม่รู้แต่กูจะเอา”, “ไล่แ_งก็ไม่ไป” หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางฝ่ายของหนิงเองก็ได้ควงสามี “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” ออกมาเปิดแถลงข่าวโต้กลับไฮโซน้ำหวานไปแล้ว พร้อมโชว์ข้อความสวีตที่อีกฝ่ายส่งมาหาจินเรียก Honey และยังส่งไฟลต์เวลากลับให้จินไปรับที่สนามบิน ก่อนเผยได้เคลียร์กับน้ำหวานไปแล้วว่าครอบครัวอยู่ด้วยกันดี ด้านจินเองก็ยอมรับผิดและขอโทษทั้งสองฝ่าย บอกยังรักหนิงและเลือกครอบครัว
       
       ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้(5 เม.ย.) เป็นทางด้านของ “ไฮโซน้ำหวาน” ที่ออกมาเปิดแถลงข่าวด่วนตอบโต้กลับบ้าง ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น โดยเผยถึงเหตุผลที่ต้องออกมาเพราะอยากชี้แจงความจริงอีกด้านหนึ่ง ไม่ได้อยากต่อความยาวสาวความยืด
       
       “วันนี้ไม่ได้ออกมาโต้เรื่องข่าวที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้นะคะ แค่จะมาชี้แจงในอีกมุมหนึ่งของหวานค่ะ ไม่ได้อยากจะมาต่อความยาวสาวความยืด อยากให้เรื่องจบเหมือนกันค่ะ”
       
       พร้อมกับย้อนเล่าถึงวันที่รู้จักกับ “จิน” ครั้งแรก ยันไม่ได้แอบแลกเบอร์โทรศัพท์กันอย่างที่ฝ่ายชายให้สัมภาษณ์
       “หวานรู้จักกับคุณจินที่โรงแรมนี้(โรงแรมโฟร์ซีซั่น) ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ตอนนั้นตี 1 หวานอยู่กับเพื่อนแล้วคุณจินก็เดินมาทักทาย คนที่โต๊ะก็แนะนำทุกคนตามมารยาท และที่คุณจินได้พูดว่าแอบแลกเบอร์ คำว่าแอบก็ผิดแล้วค่ะ ใช้คำผิด เพราะคุณจินได้ขอเบอร์หวาน แล้วก็ได้ขอเบอร์พี่อีกคนหนึ่ง เราไม่ได้แลกเบอร์กันค่ะ”
       
       “และขอชี้แจงเรื่องงานวันหมั้นน้องสาวของคุณหนิง ที่บอกว่าเห็นคุณจินอยู่กับกลุ่มหวาน วันนั้นหวานไม่ทราบเลยว่ามีเรื่องงานหมั้น แล้วหวานไม่ได้เข้าไปร่วมงานหมั้นน้องสาวคุณแนนเลย หวานได้นั่งอยู่กับเพื่อนซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับงานหมั้นเลย แล้วคุณหนิงได้อ้างว่าจับมือหวานหรือลูบหัวหวาน สงสัยคงไม่ใช่หวานแล้วค่ะ คุณหนิงต้องไปหาโจทก์อีกคนหนึ่ง ที่หวานก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร”
       
       “ตอนแรกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีจีบค่ะ ตอนแรกเป็นเพื่อนเป็นพี่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนหลังๆ ก็น่าจะรู้สึกค่ะ แล้วอยากจะบอกว่าหวานไม่เคยจะอยากรับโทรศัพท์ตั้งแค่แรก เพราะไม่รู้จะคุยอะไร มีสายไม่ได้รับเยอะมาก คนรอบข้างก็ได้รับสายแทน และเป็นปกติอยู่แล้วที่หวานไม่ชอบรับ หวานไม่ค่อยได้รับอยู่แล้ว เพราะบางทีมันก็ไม่ได้ว่างและก็ไม่มีอะไรสำคัญที่เราจะต้องคุยค่ะ เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริง แต่บางทีหวานอาจจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะว่าหวานไม่ได้เรียนภาษาไทยมาค่ะ”
       
       แต่การที่เราคุยกันใช้เรียกแทนกันว่า “ฮันนี่” ซึ่งแปลว่าที่รัก?
       “กับคำนี้หวานมองไปอีกมิตินึง คำนี้หวานก็ใช้คุยกับเพื่อนๆ ปกตินะคะ”
       
       อ้างที่ส่งข้อความหา “จิน” เรียก “ฮันนี่” เพราะไม่รู้จักวัฒนธรรมไทยดีพอ
       “ประเด็นเอสเอ็มเอส หวานว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะ ที่เพื่อนๆ จะทักทายกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องพูดในทำนองที่คนรักกันหรือคนคบกัน หวานว่าบางคนน่าจะเข้าใจค่ะว่าคุยกับเพื่อนมันก็ปกตินะคะ หวานว่าหวานอาจจะพลาดเองที่ไม่รู้วัฒนธรรมไทยดีพอ หรือเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอ ก็ต้องขอโทษด้วย มันเลยกลายเป็นเรื่องให้บานปลายได้ขนาดนี้ แต่สังเกตให้ดียังไม่มีอะไรที่บ่งบอกให้แน่ชัดเลยนะคะว่าเราได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมากกว่านั้น มีแค่หลักฐานย่อยๆ”
       
       ลั่นจะเรียกเคยมีช่วงที่คบหาดูใจกันไม่ได้เพราะช่วงเวลาที่รู้จักกันสั้นมาก
       “เรียกไม่ได้ค่ะ มันเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เขาโทร.มา หวานโทร.ไป จนบัดนี้ยังไม่ทราบนิสัยเขาจริงๆ เลย คือถ้าหวานสนใจเขาจริงๆ มันไม่เคยมีรูปที่หลุดพวกนี้มาอยู่ในโทรศัพท์หวานเลย หวานไม่คุ้นกับรูปพวกนี้เลย ตอนที่หวานเห็นรูปตอนแรกหวานยังตกใจเลย เพราะมันไม่ได้ออกมาจากโทรศัพท์หวาน คือถ้าหากเราสนใจจริงก็น่าจะมีรูปพวกนี้อยู่ในมือถือบ้าง อันที่จริงวันนั้นก็มีคนหลายๆ คนถ่ายรูปกับคุณจินเหมือนกัน แต่แค่มันไม่ได้หลุดออกมา คือหวานกับคุณจินเราสนิทกันแค่ในระดับนึงเท่านั้น แต่จริงๆ เราไม่น่าจะได้รู้จักกันด้วยซ้ำ”
       
       “รูปถ่ายที่ปรากฎในข่าวที่ออกมาหวานก็ไม่รู้ว่าใครจงใจหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่เราได้เจอกัน หวานคิดว่าเรามากันเป็นกลุ่มตลอดเวลาค่ะ ก็ไปกันเป็นกลุ่มอยู่ตลอดเวลา จริงๆ รูปคล้ายๆ กัน จริงๆ แล้วลำพังรูปอย่างเดียวมันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครไม่มานินทาให้ร้ายใส่ไข่ มันก็คงไม่เป็นเรื่องหรอกค่ะ แต่หวานก็เข้าใจว่ามันเป็นข่าวอยู่ มันก็ทำให้คนเข้าใจไปในทางลบ”
       
       ยืนยันไม่รู้ว่า “หนิง” แต่งงานกับ “จิน” และไม่รู้ว่าหนิงเป็นดารา อีกทั้งไม่ได้ดูละครไม่ได้สนใจข่าวดารา
       “เรื่องว่าไม่ทราบว่าคุณหนิงแต่งงานแล้ว หวานไม่ทราบจริงๆ ค่ะ คือคุณหนิงเป็นดารา แต่หวานคิดว่าหวานไม่ทันตอนช่วงนั้น และบวกว่าเป็นคนไม่สนใจข่าวสาร ไม่ได้ดูละคร มันก็ไปกันใหญ่ว่าหวานไม่รู้จัก”
       
       ยันไม่ได้เป็นฝ่ายอยากโทร.ไปหา “หนิง” เอง แต่มีคนโทร.มาหาตนและบอกให้โทร.หาหนิงเพราะหนิงกำลังร้อนใจมาก
       “ส่วนเรื่องโทรศัพท์ที่คุณหนิงบอกว่าหวานเคยโทร.หาคุณหนิงไว้ มีจริงค่ะ หวานได้โทร.ไปหาคุณหนิงเนื่องจากว่ามีท่านหนึ่งโทร.มาหาหวาน วันที่ประมาณ 22 โทร.มาถามว่านี่ใช่หนูน้ำหวานหรือเปล่า หวานก็ตอบว่าใช่ค่ะ แล้วก็ถามว่าทราบไหมว่าคุณจินแต่งงานแล้ว หวานก็บอกว่าไม่ทราบค่ะ เขาก็ถามว่าหนูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วเขาก็บอกว่าเอาเบอร์อีกเบอร์มาให้ แล้วบอกว่าคุณหนิงรออยู่ คุณหนิงให้โทร.ไปเพราะร้อนใจมาก ซึ่งพอหวานวางไปก็ได้โทร.ไปหาคุณหนิงทันที โทร.ไปคุณหนิงก็รับสาย แล้วบอกว่าคุณหนิงไม่เคยแยกกันอยู่กับคุณจิน และไม่ได้ทะเลาะกัน ก็ไม่รู้จะมาบอกหวานทำไม เพราะถ้าย้อนหลังไป หวานกับคุณจินก็เพิ่งรู้จักกันมาแค่ 3 วันเองค่ะ พอวางสายจากหนิงแล้วคุณจินก็โทร.มาบอกว่าท่านผู้ใหญ่คนนั้นฝากมาขอโทษ ซึ่งหวานก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง”
       
       “อีกประเด็นคือแมสเสจของเทย่าพี่สะใภ้หวานที่ส่งไปหาเขา พี่สะใภ้หวานซึ่งถ้าจะเปรียบ เทย่าก็เหมือนกับคุณแนนที่ออกมาปกป้องพี่สาว แต่การปกป้องของเขาไม่ได้ปกป้องโดยตรง แค่อยากให้คุณจินออกมาเคลียร์ทุกอย่างภายใน 24 ชั่วโมงว่าให้เคลียร์ให้ชัดว่าใครปล่อยรูปออกมา ไม่ใช่ให้เขาไปเคลียร์เรื่องครอบครัวเขา เพื่อที่จะมาอยู่กับหวาน”
       
       “ที่บอกว่าหวานโทร.หาเขานู่นนี่ แต่ที่หวานโทร.ไปเพราะว่าหวานอยู่อเมริกา หวานก็อยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปัญหาอะไรมันเกิดขึ้น หวานก็อยากจะโทร.หาพี่จินว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากให้พี่จินได้อธิบายเพราะอยากทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น บวกกับว่าคุณจินฝากหวานซื้อบุหรี่ค่ะ หวานก็แค่อยากจะบอกว่าบุหรี่มันไม่มี แล้วแมสเสจที่หวานเขียนแล้วเอาออกมาแปลฉันไม่ได้สนใจอะไร ถ้าอยู่กับครอบครัว ฉันจะทำอะไรที่ต้องการทำ แต่จริงๆ หวานอยากจะสื่อว่าให้โทร.กลับมา ถ้าเกิดไม่เป็นไรก็อยู่กับครอบครัวคุณ ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันควรหรือต้องทำ แต่คำว่าแย่งสามีมันแรงไป เหมือนกับแบบว่าเขาไม่สนใจเรา แต่เราพยายามจะตื้อเขา พยายามจะง้อเขา หวานคงไม่ต้องไปทำแบบนั้นมั้งคะ”
       
       “ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินที่ส่งเมล์ไป คือมีข้อความตั๋วเครื่องบินเพราะคุณจินก็ได้ให้อีเมล์ไว้ เพราะจะเปลี่ยนเที่ยวกลับกรุงเทพ แต่คุณจินก็ได้เป็นคนขอมารับและมาส่งหวานเอง ไม่ใช่ว่าหวานไปขอให้เขามารับหรือมาส่งอะไรก็แล้วแต่ ทั้งขาไปและขากลับ หวานได้ไปและกลับเองค่ะ ส่วนที่ให้คุณจินมารับหวานระบุวันที่ 17 แต่หวานเลื่อนกลับวันที่ 14”
       
       เผยอยู่ๆ “หนิง” ก็วิ่งเอากล้องไอโฟนมาถ่ายตนที่หน้าโรงแรมคอนราด แล้วก็บรรยายไปด้วยว่า ตัวเองคือ หนิง ปณิตา แล้ววิ่งไปถ่ายทะเบียนรถของตน ก่อนจะเดินหนีไป
       “ส่วนเรื่องที่โรงแรมที่คุณหนิงบอกว่าเรามาเคลียร์กัน 3 คนก็ไม่เคยค่ะ แล้วตัวหวานเองก็คิดว่าไม่มีอะไรที่จะเคลียร์ เพราะว่ามันไม่มีปัญหาอะไรตั้งแต่แรก และคิดว่ามันไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องคุยกัน วันนั้นหวานเห็นคุณหนิงยืนอยู่หน้าโรงแรม แล้วรถน้ำหวานอยู่หน้าโรงแรม แล้วคุณหนิงวิ่งมาที่รถและเอากล้องไอโฟนมาถ่ายหวาน แล้วพูดว่านี่ หนิง ปณิตา นะคะ แล้ววิ่งกลับไปที่รถหวานและถ่ายรถหวาน ถ่ายทะเบียนรถหวาน แล้วก็วิ่งกลับมาที่หวาน นี่คือภาพเหตุการณ์จริงๆ ที่หวานเห็นกับตา ก็พอเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไร เพราะตอนแรกก็ตกใจว่าใครมาถ่ายอะไร”
       
       “แล้วที่คุณจิน คุณหนิง อยากให้เรื่องจบ หวานไม่เห็นว่ามันจะเป็นอย่างที่พูดเลย หลังจากแถลงข่าวก็ได้มีการโพสต์ลงในอินสตาแกรมให้คนมาคอมเม้น มาวิจารณ์ต่อ ไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร บวกกับคุณหนิงเมื่อสองวันที่แล้ว(โชว์หลักฐาน) นี่ไม่ใช่แค่การโพสต์ครั้งเดียวอย่างที่คุณแนนได้กล่าวไว้ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เอามาโชว์ แต่พี่ๆ นักข่าวคงจะได้เห็นการโพสต์ลงในอินสตาแกรมของเขาและภาพที่เห็นมันก็หลายๆ อย่าง (เขาบอกแล้วว่าไม่ใช่อินสตาแกรมของเขา?) อันนี้หวานไม่ทราบ ที่คนฟอลโลว์เป็นหมื่นๆ แสนๆ อันนี้ไม่ทราบ แต่ความเข้าใจของหวานมันเป็นแบบนี้ จะใช่หรือไม่ใช่เขา มันก็เป็นชื่อเขาค่ะ อันนี้ก็ต้องให้เขาไปตรวจสอบกันเอง”
       
       “ฝากอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องอเมริกา ที่บอกว่าหวานได้ติดต่อตลอดเวลา ถามว่ามีไหม ยอมรับว่ามีค่ะ แต่หวานคิดว่าที่หวานติดต่อไป เพราะหวานมีเรื่องที่อยากรู้ที่เป็นข่าวอยู่ เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ค่าโทรศัพท์ที่โทร.ไปเขาบอกว่าจะจ่ายให้ฝากไปทวงเขาด้วยนะคะ 7 หมื่นกว่าบาท พูดเล่นค่ะๆ”
       
       ปฏิเสธช่วงที่ “หนิง” กับ “จิน” ทะเลาะกัน แล้วจินย้ายไปอยู่คอนโดที่ทองหล่อ ตนไม่เคยไปหา
       “ไม่ได้ไปค่ะ หวานทราบแค่ว่าเขาโทร.มาบอกว่าหวานกลับบ้านแล้ว แค่หวานไม่ทราบว่าบ้านไหนยังไง ยืนยันว่าไม่ได้ไปค่ะ จะไปหาเพื่ออะไรคะ (ถ้ามีกล้องวงจรปิดออกมาว่าไปจริง?) ไม่ได้ไปค่ะ ไม่ได้ไปจริงๆ (ไปบ้านพักที่เชียงใหม่ของหนิงด้วย?) เขามีบ้านพักที่เชียงใหม่ด้วยเหรอคะ ไม่ได้ไปค่ะ แต่หวานมีธุรกิจโรงแรมและก็บาร์อยู่ที่นั่นอยู่แล้วค่ะ หวานต้องไปประจำอยู่แล้ว”
       
       ส่วนที่ “หนิง” บอกว่าสงสาร “น้ำหวาน” ที่โดน “จิน” หลอกนั้น ไฮโซสาวบอกว่า…
       “หวานว่าไม่ต้องสงสารดีกว่าค่ะ สงสารตัวเองดีกว่า ถ้าอยากให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขอยากให้มั่นใจในกันและกันมากกว่านี้ หวานไม่รู้ว่าคุณจินจะกลับไปคุยกับคุณหนิงว่ายังไง และคุยหวานว่ายังไง แต่อยากให้คุณจินเล่าความเป็นจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณหนิงจะได้รู้สึกดีมากกว่านี้ เข้าใจในตัวหวานมากกว่านี้ ไม่ใช่มารู้จักในด้านลบอย่างเดียว ถ้าคุณหนิงรู้จักหวานอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้”
       
       ไม่เคยคิดจะฟ้องร้อง “หนิง” เพราะตนก็อยากจบเหมือนกัน
       “ส่วนเรื่องฟ้อง หวานไม่เคยบอกสื่อหรือที่ไหนเลยว่าจะฟ้องคุณหนิงหรือทางครอบครัวเลย เพราะว่าหวานพอแล้วไม่อยากจะสร้างปัญหาให้มากไปกว่านี้ แต่ที่จะฟ้องคือจะฟ้องในเรื่องอินสตาแกรมกับใครก็ไม่รู้ที่ไปเสพข่าวผิดๆ มาวิพากษ์วิจารณ์มาด่าพ่อด่าแม่หวาน มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำค่ะ ไม่เกี่ยวกับครอบครัวคุณหนิง แต่ที่จะฟ้องคุณหนิงก็อยากจะฟ้องว่าทำไมพี่จินมาทำพฤติกรรมแบบนี้กับหวาน ไม่ใช่ว่าจะไปฟ้องขึ้นศาลแบบนั้นค่ะ เหมือนฟ้องแม่ทำนองนี้ค่ะ”
       
       ลั่นไม่ได้ติดต่อกันมา 2 อาทิตย์แล้ว พร้อมฝากบอกอีกฝ่ายด้วยว่า…
       “ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็อยากจะบอกว่าการที่อยากจะให้ครอบครัวตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิม มีความสุข ก็อย่าพูดให้ครอบครัวตัวเองดีขึ้นแล้วครอบครัวคนอื่นแย่ลงไป ให้คำนึงว่าคนอื่นเป็นยังไงด้วย ไม่ใช่นึกถึงแต่ตัวเองก่อน”
       
       ด้าน “นายนิติธร ล้ำเหลือ” ทนายความของ “น้ำหวาน” เปิดเผยเพิ่มเติม
       “ผมขอพูดแทนเพราะน้องภาษาไทยไม่แข็งแรง คำบางคำอาจจะเปลี่ยน ผมขอสรุป เรื่องการโทรศัพท์ของคุณจินที่แลกเบอร์โทรศัพท์แล้วว่าไม่เป็นความจริง แค่ขอเบอร์โทรศัพท์กันเฉยๆ และมีพยานยืนยัน ส่วนกรณีของที่ปรากฎตัวที่งานหมั้น มีการลูบหัว มีการจับมือ ก็ได้ปฏิเสธชัดเจนว่าไม่ใช่คุณน้ำหวาน ส่วนกรณีที่คุณจินมีครอบครัว ยืนยันว่าทราบ แต่พฤติกรรมก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีพฤติกรรมที่แสดงว่า มีพฤติกรรมที่จะเกี่ยวข้องกัน เป็นฝ่ายของคุณจินที่เข้ามาล่วงละเมิดสิทธิ์ แต่ถ้าผู้หญิงคนนึงจะไปปฏิเสธถึงขั้นแตกหัก หรือก่อให้เกิดปัญหาตามมาคงเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นถ้าทุกคนรู้จักคุณจินดี การที่ผู้ชายคนนึงจะมีพฤติกรรมแบบนี้ มันมีนัยยะปัญหาครอบครัวอยู่บางประการ และไม่ควรจะทำให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อ”
       
       “ส่วนเรื่อง sms ที่พูดว่า honey หรือว่าอะไรคือมิติการให้กำลังใจระหว่างเพื่อน ขอไม่พูดว่าเป็นปัญหาอะไร มันมีนัยยะ แต่เขาเป็นคนที่จริงจังกับชีวิต เขาเลยมองว่าน้ำหวานอาจจะสามารถคุยกับเขาได้ ส่วนกรณีเรื่องข้อความ ไปเอานักภาษาศาสตร์มาแปลข้อมูลให้ตรง ผมไม่แปล แปลข้อความให้หมด อย่าตัดต่อข้อความ แล้วน้องไม่เคยบอกว่าฟ้อง ผมต่างหากที่ดูเรื่องนี้แล้วจะชี้แจงกลับไป น้องไม่คิดที่จะฟ้องร้อง แต่ผมคิดว่าต้องปกป้องสิทธิของคนๆ หนึ่งเหมือนกัน ถ้าผู้ชายเอาผู้หญิง 2 คนมาเป็นเหยื่อ ผมคิดว่าไม่ควรจะมีใครมาปกป้อง ผมคิดว่าสิ่งที่คุณหนิงทำถูกต้องแล้ว เสียสละที่จะดูแลผู้ชายคนนี้ตลอดชีวิต สิ่งเหล่านี้มันเริ่มจากการหลอกลวง การโกหก เรื่องวนไปวนมา จนทำให้เกิดอารมณ์ทั้ง 2 ฝ่าย และถ้าสื่อพยายามถามคำถามนำ อย่าเอาความเท็จมาพูด แต่ถ้าออยากให้จบจริงๆ อยากให้คุณจินพูดความจริงให้หมด เล่าเรื่องตรงไปตรงมากกว่านี้ เล่าให้หมดทุกอย่าง”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)