สุทัศน์ วงศ์วิเศษกุล
ณัฐพล อภิลักโตยานันท์นายสุทัศน์ วงศ์วิเศษกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีเอ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจในเมืองไทยเริ่มมีการใช้งานคลาวด์กันมากขึ้น โดยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาหลายองค์กรต่างให้ความสำคัญและมีการลงทุนในด้านนี้มากขึ้น และเริ่มเห็นการใช้งานอย่างจริงจังในปีที่แล้ว ทำให้ตลาดคลาวด์ในประเทศไทยเติบโตประมาณ 40% ต่อปี ส่งผลให้การให้บริการ SaaS (Software as a Service) เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและจะมีการเติบโตถึง 112% หรือจะมีการลงทุนถึง 460 ล้านเหรียญในปี 2014 โดยนับจากนี้ตลาดไอทีจะมีการผลักดันให้เป็น SaaS มากขึ้นด้วยการหันมาใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีแทน เพื่อให้ตัวเองได้ทำงานในสิ่งที่ตนถนัด
แต่ทั้งนี้เมื่อมีการนำแอปพลิเคชันที่สำคัญขององค์กรขึ้นมาสู่การใช้งานบนเวอร์ชวลไลเซชันมากขึ้น จะก่อให้เกิดปัญหาความเสี่ยงสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีการทำเวอร์ชวลไลเซชั่นด้วยเป้าหมายที่จะช่วยให้ไอทีลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มอัตราการตอบสนองต่อปัญหาหรือสถานการณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นนั้น องค์กรก็ต้องระมัดระวังเรื่องของความซับซ้อนในการดูแลระบบขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งฝ่ายไอทีเองจะต้องพัฒนาทักษะการดูแลกำกับและความเข้าใจทางเทคนิคเพื่อจะบริหารระบบให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งต้องเข้าใจความเสี่ยงและการบริหารจัดการควบคุมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ซีเอ จึงเปิดตัวโซลูชันรักษาความปลอดภัยระบบด้วย CA ControlMinder™ for Virtual Environments ที่จะช่วยดูแลการรักษาความปลอดภัยที่ช่วยให้องค์กรใช้งานเวอร์ชวลไลเซชั่นได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะองค์กรที่มีการใช้งานเวอร์ชวลไลเซชั่นเป็นจำนวนมากจะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงาน ด้วยขีดความสามารถในการดูแลจัดการรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งานระบบ เพิ่มสมรรถนะการป้องกันให้กับไฮเปอร์ไวเซอร์ และยังสามารถมอนิเตอร์ติดตามการใช้งานของยูสเซอร์ที่มีรหัสผ่านในระบบได้อย่างต่อเนื่อง โดย CA Control Minder ยังเหมาะสำหรับงานรักษาความปลอดภัยที่รวมศูนย์โดยเป็นจุดรวมที่ Privileged User ระบบของบริษัทไม่ว่าจะเป็นระบบกายภาพ หรือระบบเวอร์ช่วลก็ตาม
“ซีเอนำเสนอซอฟต์แวร์ตัวนี้ขึ้นมาหลังจากที่ลูกค้าเริ่มใช้งานคลาวด์ไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เพราะการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกับความเสี่ยงในการถูกขโมยข้อมูลต่างๆ ที่ได้เก็บไว้บนคลาวด์ และเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องเผชิญหน้าตลอดและอาจยาวนานไปถึงอีก 10 ปีข้างหน้า ดังนั้นด้วยซอฟต์แวร์ของซีเอจะช่วยป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาช่วยดูแลและป้องกันได้ และนับจากนี้ความปลอดภัยบนระบบคลาวด์เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรควรต้องมี”
นายสุทัศน์กล่าวว่า ทางด้านการตลาดนั้นซีเอจะเร่งสร้างการรับรู้เรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง ซีเอจะนำเสนอให้เห็นถึงจุดอ่อนขององค์กรแต่ละองค์กรที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วเสริมซอฟต์แวร์ป้องกันเข้าไป ให้ความรู้กับตลาดว่าถ้าจะไปคลาวด์แล้วจะมีช่องโหว่ด้านใดบ้าง ด้วยการนำเสนอความแตกต่างในเรื่องของ End to End ในทุกด้าน ไม่ได้ดูแลเฉพาะจุดเหมือนของคู่แข่ง มีความปลอดภัยครอบคลุมถึงระดับไฮเปอร์ไวเซอร์ และที่สำคัญคือซีเอ สามารถบอกได้ว่าลูกค้ากำลังสร้างเวอร์ชวลไลเซชันบนสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่ละหน่วยงานใช้งานคลาวด์อะไร ซีเอจะสามารถบอกได้และจัดการได้ด้วยความต่อเนื่องในการควบคุม ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยงเวลาผู้ควบคุมไม่อยู่
“ซอฟต์แวร์ก่อนหน้านี้เป็นฟิซิคอลหรือนอนเวอร์ชวลไลเซชัน ตัวใหม่นี้ทำขึ้นมาเป็นเวอร์ชวลไลเซชั่น สำหรับลูกค้าเก่าสามารถใช้ซอฟต์แวร์ตัวเดิม แล้วซื้อซอฟต์แวร์นี้เข้าไปเสริมแล้วทำการควบคุมที่ศูนย์กลาง โดยเวอร์ชันใหม่นี้ได้มีการพัฒนาให้ตรงตามมาตรฐานกฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับงานศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมด (เช่น PCI และ SOX ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงในแบบที่ควบคุมกำหนดได้ ชัดเจนเข้าใจสะดวก ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยยิ่งขึ้นและลดค่าใช้จ่ายลงมา ตอบสนองต่อปัญหาหรือสถานการณ์ได้ฉับพลันทันที”
โดยที่ผ่านมาซีเอได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ไว้ 3 ข้อ คือ 1. มีการพัฒนาซอฟต์แวร์พัฒนาแอพฯรองรับโมบายดีไวซ์ต่างๆ เพื่อช่วยให้คู่ค้าสามารถออกแอปพลิเคชันเพื่อการตอบสนองบริการแก่ลูกค้า ได้เร็วมากขึ้นรองรับกับเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะตามมา 2. สำหรับองค์กรใหญ่ๆ ที่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จำนวนมาก ซีเอจะช่วยให้บริษัทเหล่านี้สามารถนำทรัพยากรเหล่านั้นมาจัดการให้ได้ประโยชน์สูงสุด เป็นเอนด์ทูเอนด์เซอร์วิส และ 3. ด้านการรักษาความปลอดภัย ที่จะสามารถให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลุ่มผู้ใช้ได้ว่าเป็นใครมาที่ไหน เพื่อให้สามารถมีการบริหารจัดการที่ดี
ที่มา: manager.co.th
