“ใหม่” ปฏิเสธไม่ได้กำลังสานสัมพันธ์รักกับ “มาริโอ้” อย่างที่ฝ่ายชายให้สัมภาษณ์ รับอีกฝ่ายน่ารัก แต่ยังเป็นแค่พี่ ตอนนี้อยากเซฟตัวเองไม่อยากให้คนประณามเป็นมือที่ 3 ถึงกับน้ำตาซึมหลังเจอ “เอ ศุภชัย” ยื่นโนติสต์ขู่ฟ้องถ้าไม่หยุดพาดพิง ด้าน “แม่” และ “เกล้า” ผู้จัดการส่วนตัวจัดการตั้งทนายสู้กลับ งานเข้าไม่หยุดหย่อน สำหรับนางเอก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” ข่าวคราวเป็นมือที่ 3 พังรัก “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์” ยังไม่ทันซา แม้ทั้งสองฝ่ายจะออกมายืนยันว่าไม่จริง แต่ก่อนหน้านี้หนุ่มมาริโอ้ก็ได้ออกมาเผยว่า กำลังเริ่มคุยสานสัมพันธ์กับสาวใหม่จนดูเหมือนเรื่องราวจะคาราคาซังต่อไป นอกจากนี้ในส่วนที่เจ้าตัวมีปัญหากับอดีตผู้จัดการ “เอ ศุภชัย” จนต้องฉีกสัญญาใจออกมาจากสังกัด ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาอีกว่าทางด้านของ เอ ได้ให้ทนายยื่นโนติสต์มายังใหม่สั่งให้หยุดพูดพาดพิงถึง ไม่อย่างนั้นจะดำเนินการฟ้องร้อง เจอมรสุมข่าวถล่มรอบด้าน สบโอกาสได้เจอเจ้าตัวในงาน “MC Jeans Fit For All” ที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ สอบถามถึงข่าวฉาวต่างๆ โดยเริ่มที่เรื่องหัวใจก่อนใหม่ก็เคลียร์ตัวเองว่า….
“กับพี่โอ้ยังไมได้คุยกันซักพักแล้วค่ะ ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับไปเลย แต่ว่าไม่ใช่เราไม่คุยกัน เพราะเดี๋ยวจะไปโปรโมตหนังพี่มากด้วยกัน คือเรายังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างค่ะ ยังเป็นพี่ที่ร่วมงานด้วยกัน ความรู้สึกยังไม่ได้เปลี่ยนไปค่ะ พี่โอ้ก็มีถามเรื่องข่าวเหมือนกันค่ะ เราก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้คนเชื่อจริงๆ เพราะว่ามันส่งผลกระทบเราจริงๆ ตอนแรกๆ เราก็ชิลล์เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ไปเหมือนอีกหลายๆ เรื่อง แต่พอเอาเข้าจริงมันก็เริ่มบานปลายเรื่อยๆ เราก็เลยอยากให้มันเคลียร์นะ ถามว่าพี่โอ้เขาจีบไหม พี่เขาก็เป็นคนอย่างนั้นนะคะ ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปตั้งแต่เราร่วมงานกัน”
ส่วนที่ “มาริโอ้” บอกว่าสนิทกับ “ใหม่” มากที่สุด จนหลายคนมองว่าคุยกันทุกวันแหงๆ แต่สาวใหม่รีบปฏิเสธ
“ไม่ค่ะ ใหม่ไม่ค่อยได้คุยกับพี่โอ้เลย ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราต้องเซฟตัวเองบ้างแล้วล่ะ เพราะไม่อยากเป็นข่าวมือที่ 3 อนาคตจะเป็นยังไงเราไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้อยากให้เคลียร์ว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของเขาเลย พี่เขาก็เป็นคนน่ารักนะ แต่ว่าเรายังรักตัวเองอยู่ ยังไม่อยากโดนว่า เราเป็นข่าวแบบนี้บ่อยๆ มันดูไม่ดี ไม่ใช่ไม่อยากคุยกัน เพียงแต่เราไม่ได้ส่งไปพี่เขาก็ไม่ได้ส่งมา ถามพี่ทีมงานได้เลยว่าเราตั้งใจทำงานกันจริงๆ เราตั้งใจกันมากทั้งคู่ดังนั้นมันไม่มีอะไรเลย”
ปัดไม่รู้เรื่อง “กุ๊บกิ๊บ” กับ “กัสจัง” แท็กทีมโพสต์เหน็บในอินสตาแกรม
“อันนี้ไม่รู้เลย ใหม่พยายามไม่รับอันนี้มาก หนูทำหน้าที่ของหนู หน้าที่นักแสดงที่ได้รับให้ดีที่สุดดีกว่า อย่างที่พี่เกล้าสอนว่าวันแรกเราทำงานยังไง วันนี้ก็ต้องทำแบบนั้น กับพี่กุ๊บกิ๊บช่วงแรกๆ ก็มีคุยๆ กันบ้าง แต่ช่วงหลังไม่เลย ก็ช่วงแรกๆ มีมาที่กอง เราก็เจอกันตามงาน มันไม่ใช่ความจริง ใหม่ไม่รู้จะเคลียร์อะไร”
รับ “เอ ศุภชัย” ยื่นโนติสต์ให้หยุดพาดพิงไม่อย่างนั้นเจอฟ้อง
“หนูว่าความที่หนูเป็นเด็ก หนูก็เลยตั้งใจทำงานอย่างเดียว เรื่องพวกนี้หนูปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องของแม่ของพี่เกล้านะคะ หนูเป็นเด็กก็ตั้งใจทำงานในสิ่งที่ได้รับมอบหมายดีกว่า แล้วคุณแม่เขาก็เป็นห่วงหนูมาก เขาไม่อยากให้หนูมายุ่งกับเรื่องพวกนี้ สิ่งที่เราเคยบอกไปแล้ววันแรกตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นค่ะ มันไม่มีอะไรเพิ่มเติม เราก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะก็อยากให้เรื่องนี้มันจบ ตอนนี้ก็รอเวลาให้อะไรมันดีขึ้นเพื่อพิสูจน์ตัวเราค่ะ”
“ก็มีการยื่นโนติสต์ไปจริงค่ะ คือเขาก็เป็นผู้มีพระคุณกับเรานะ เราก็จบกันดี แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมข่าวมันออกมาแบบนี้ ทางที่เราเลือกเดินเราคิดว่าเราไตร่ตรองแล้ว เราคิดดีแล้ว เราเอาใจเราเป็นหลักเราไม่ได้ยึดสิ่งอื่นเป็นหลัก ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับพี่เขาเลยค่ะ เพราะตอนแรกที่จบกันมาเราไปนั่งคุยที่ร้านอาหารเราก็จบด้วยกันดีๆ น้องใหม่ขอบคุณทุกกำลังใจที่ติดตามหนู ขอบคุณแฟนคลับ หนูอยากจะบอกว่าหนูโอเคค่ะ หนูดีอยู่ เรารู้ว่าเราทำอะไรและก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (น้ำตาคลอ) หนูไม่อยากมีเรื่องกับใคร หนูไม่พาดพิงแน่นอนค่ะ เขาเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นเด็ก”
พร้อมกันนี้ในงานเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง “เกล้า” ผู้จัดการส่วนตัวและ “นางรัตนากร โฉมยงค์” ซึ่งเป็นแม่ของ “ใหม่” ถึงกรณีที่กะเทย “เฮเลน ปวรา” ซึ่งเป็นคนที่พาใหม่ไปฝากกับ “เอ ศุภชัย” ออกมาเผยว่าตนไม่เคยได้รับส่วนแบ่งรายได้ 5 เปอร์เซ็นต์จากนางเอกสาวเลย กับเรื่องนี้แม่ของใหม่พร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัวชี้แจงว่า…
แม่ : “ไม่จริงหรอกค่ะ คือแม่ต้องการหาผู้จัดการ ซึ่งก็ได้ถามคุณโต้ง คุณโต้งเขาก็ให้เบอร์เฮเลนมา โดยที่ก่อนหน้านั้นแม่ไม่ได้รู้จักกับคุณเฮเลน พอเสร็จแล้วเขาก็พาไปหาคุณเอ แล้วเขาก็ได้ประโยชน์ อยู่ๆ เขาก็พาใหม่ไปแคสติ้งงานโฆษณาแล้วน้องใหม่ได้เขาก็ขอแม่ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม่ก็ให้ ปีแรกก็ให้ปีที่ 2 ก็ให้ แต่พอมาปีที่ 3 แม่มารู้ว่าสัญญามันไม่เป็นธรรม คือไปทำผิดเพราะแม่ไว้ใจเขา”
เกล้า : “เรื่อง 5 เปอร์เซ็นต์ ตอนแรกพี่เฮเลนเขาก็ได้นะคะ เพราะเกล้าจำได้ว่าทางพี่เอเป็นคนตกลงที่จะให้ 5 เปอร์เซ็นต์กับพี่เขา ซึ่งทางเราก็ให้ไป แล้วอยู่มาวันหนึ่งพี่เฮเลนเขามาขอเองว่าเขาไม่เอา แล้วมีเรื่องของโฆษณาเข้ามา คุณแม่ก็เป็นคนให้น้องไปแคสติ้ง ปีแรกก็ไม่มีอะไรจบลงด้วยดี ปีที่ 2 คุณแม่เขาก็เอะใจว่าในสัญญามันเป็นปีครึ่ง แต่พี่เขามาบอกว่า 1 ปี ก็เลยขออ่านสัญญาก่อนจะได้ละเอียด พี่เขาก็บอกจะอ่านทำไม ทำไมเรื่องมากจัง แม่เขาเลยไม่สบายใจถอยออกมา”
“แล้วเขาก็ไปฟ้องพี่คนโตของหนู ซึ่งพี่คนโตก็บอกงั้นก็แยกกันแล้วพี่คนโตของเกล้าจะเป็นคนเอาเงิน 5% ให้เขาเอง พอมาปีที่ 3 ซึ่งตัวเขาก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วยแล้ว เขาก็มาบอกแม่ว่าขอเงินก้อนสุดท้าย ขอ 4 แสน แม่ก็ให้ไม่ครบ แต่ว่าทีนี้เหมือนกับแม่ให้เขาไม่ครบ แต่สาเหตุที่ให้ไม่ครบ เพราะแม่ทราบมาว่าโดนทางพี่เขาเอาน้องไปว่าต่างๆ นานา ว่าเรื่องมาก คือแม่เขาก็ไม่สบายใจที่จะต้องมานั่งให้เงิน แม่ก็เลยให้ไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็โวยวายไม่ยอม แล้วพี่คนโตเขาก็บอกว่าเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายพี่จะเอาเงินของตัวเองออกเพิ่มให้เต็ม เพื่อที่พี่คนรองจะได้หยุดกับเรา เพราะยังมีแมสเสจที่พี่คนรองเขาส่งมาหาแม่อยู่เลยว่าแม่จะให้ไหม ถ้าแม่ไม่ให้ลูกแม่ภาพลักษณ์ก็ต้องเสียแน่ๆ แมสเสจอันนี้เกล้ายังเก็บไว้อยู่เลย ซึ่งถ้าเขามาทวงว่าเขาไม่ได้เงิน เกล้าว่าเขาทวงผิดคน เขาต้องไปทวงกับทางพี่คนนั้นมากกว่า เพราะพี่คนนั้นเขาเป็นคนบอกกับทางเราว่าเขาจะจัดการให้เงินของเขาเอง เพราะว่าเขาไม่อยากให้มีปัญหากัน อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องมาว่าน้องด้วย”
แม่ : “ทางเรามีเอกสารทุกอย่างค่ะ
เกล้า : “ก็มีทุกอย่างค่ะ จริงๆ ก็ไม่อยากเอาออกมาโชว์ถึงขั้นนั้น แต่ว่าเขาก็ต้องรู้แหละค่ะ เขาก็ต้องไปคุยกันเองมากกว่าถ้าเขาไม่ได้เงิน”
ยัน “เอ ศุภชัย” ส่งโนติสต์มาให้จริง
เกล้า : “เขาส่งมาจริง ก็ส่งมาให้ทางแม่กับทางน้อง แล้วเขาก็ให้เราหยุดพูด ห้ามพาดพิง ซึ่งเกล้าต้องชี้แจงก่อนว่าน้องไม่ได้พาดพิงถึงเขาเลย ถ้าคนติดตามข่าวนี้จะเห็นว่าน้องไม่ได้เอ่ยชื่ออะไรมากเลย แล้วที่น้องขึ้นอินสตาแกรมว่าถ้ามีงานให้ติดต่อทางพี่เกล้า คือเกล้าจะเล่าให้ฟังว่าเหตุเกิดคือวันที่ 2 มีนาฯที่พวกเรากับพี่เอตัดสินใจเคลียร์กันที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง น้องใหม่ก็บอกว่าน้องจะขอดูแลตัวเอง ส่วนเกล้าก็บอกว่าจะออกมาดูแลน้องด้วย ตอนนั้นเขาก็บอกว่าเขายินดีปล่อยแล้วเขาก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขาปล่อย เราก็โอเคก็ต้องขอบคุณเขาถึงแม้จะมีอะไรตามมาก็ตาม เขาจะบ่ายเบี่ยงว่าเราอยากเปิดร้านส้มตำ เราก็ไม่พูดอะไร แต่หลังๆ นี้มันก็เกินไป คือเราคุยกันจบแล้ว เมื่อวันที่ 2 มีนาฯแล้วประมาณวันที่ 4 ที่น้องขึ้นอินสตาแกรมว่าให้ติดต่องานที่พี่เกล้า ซึ่งเราก็เคลียร์กันจบไปแล้วว่าเราไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว”
“แต่ถึงโดนแบบนี้ก็ไม่เครียดเลย ที่เขาส่งมาก็คือเขาอยากให้เราหยุดพูด ทีนี้ทางเรารู้สึกว่าตอนแรกเราคิดจะให้เรื่องจบลงไปด้วยดี เราก็ทำงานของเรา แต่ในเมื่อเขายื่นมาเราก็ต้องรักษาสิทธิ์ของเราด้วย การที่เราก็ปรึกษาทนายเหมือนกัน ก็ให้ทนายยื่นกลับไป เราก็ต้องชี้แจงว่าเราไม่ได้พาดพิงถึงเขาแล้ว เราก็ยื่นข้อเสนอที่เขา ซึ่งเขาก็ต้องตอบกลับมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะตอบรับยังไง ก็ต้องดูกันต่อไป”
“คือมันต้องเป็นขั้นเป็นตอนของทางกฎหมาย ทางเราก็จะไม่พูดอะไรมากแล้ว ก็ให้ทนายเป็นคนจัดการว่าที่ผ่านมามันมีเรื่องอะไรบ้างโดยที่บางเรื่องเราก็ไม่อยากจะสาวออกมาพูดมากเท่าไร แต่เราจะไม่พูดถึงเขาแล้วค่ะ ถ้ามีอีกทีก็คงเป็นเรื่องใหญ่เลย เราคิดว่าเราไกล่เกลี่ยกันไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มีนาฯตามที่บอกไป”
ลั่นดูเหมือนจบไม่สวยแต่ฝ่ายตนไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน
เกล้า : “ก็ต้องดูว่าใครเริ่มนะคะ เพราะจริงๆ แล้วทางเราก็อยู่ของเราปกติ แล้วเขาก็ให้ทนายส่งมาให้ก่อน เราก็ต้องรักษาสิทธิ์ของเรา เพราะมันเหมือนอยู่ดีๆ ก็มีคนมารังแกเรา แล้วเราจะไม่ออกมาชี้แจงเหรอ ถ้าเราไม่ออกมาชี้แจงคนอื่นๆ ก็จะคิดว่าเราเป็นอย่างนั้น เราก็ว่ากันด้วยหลักฐานดีกว่า”
แม่ : “แม่ก็อยากให้จบ เรายังรักเขา เรายังมีความรู้สึกที่ดี”
เกล้า : “คือพูดตรงๆ เลยว่าพี่ 2 คนนั้นยังไงก็ไม่มีทางลืมบุญคุณค่ะ ยิ่งเกล้าอยู่กับพวกเขามานาน 15 ปี แม่ก็อยู่กับเขามา 5 ปี ยังไงเขาก็เป็นคนให้พื้นที่เรายืน”
ที่มา: manager.co.th