“มดดำ” ปล่อยวาง ศาลอเมริกาแนะให้แม่ยอมความคดีทำกรีนการ์ดปลอม เพราะจะติดคุกแค่ 5-7 ปี แต่ถ้าขืนยังสู้คดีต่ออาจติดตลอดชีวิต อีกทั้งตอนนี้ก็หมดเงินไปเยอะมากแล้ว เผยศาลนัดตัดสิน 20 เม.ย.นี้ บอกตนช่วยสุดแรงแล้ว แต่ไม่กล้าหวังว่าแม่จะรอดหรือไม่ ข่าวคราวเงียบซาไปพักใหญ่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” จะหันหลังให้วงการบันเทิง เพราะจะไปเล่นการเมืองตามรอยผู้เป็นพ่อ แต่ปรากฏว่าล่าสุดเจ้าตัวก็ทำเซอร์ไพรส์โผล่มารับหน้าที่พิธีกรรายการ “ตื่นมาคุย” ของเพื่อนซี้ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ซึ่งเป็นรายการใหม่ที่มาแทน “เช้าดูวู้ดดี้” ออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ ทีวี งานนี้มดดำก็เลยถือโอกาสชี้แจง พร้อมเผยถึงข่าวที่ว่าเตรียมจะไปแสวงบุญ…
“คือตอนแรกว่าจะไปบวชอาทิตย์หนึ่ง จะไปตั้งแต่ตอนที่อาหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำพระพุทธเจ้าน้อยเสร็จ พ่อเลยถามว่าดีแล้วเหรอ เขาเลยไปบวชแทนเรา บวชเป็นเดือนเลย มดดำก็ไปอยู่ที่อีสานกับพ่อเป็นเดือนเลย เพราะตอนแรกเรากะจะบวชให้พ่ออยู่แล้ว ส่วนเรื่องแพลนบวชของตัวเองหลังจากนี้ มดดำเอาตัวเองให้มีเวลานอนก่อนดีกว่าไหม เพราะเพิ่งกลับมาทำงาน”
“คือจริงๆ มดดำไม่เคยพักงานในวงการนะ แต่แบบว่าด้วยตอนที่พ่อไปบวชมันก็มีภาระมากขึ้น ตัวเองเลยต้องมารับผิดชอบงานของพ่อซะส่วนใหญ่ เอาตรงๆ นะ เราสัญญากับพ่อว่าจะมาใส่ใจกับงานของที่บ้านให้มากขึ้น แต่ไม่ได้คิดจะออกจากวงการนะ เพราะตัวเองฝันอยากเป็นดารามาตั้งแต่เด็ก”
โล่งที่ไม่ต้องไปทำงานการเมือง หลังน้องชายมาทำแทน บอกตัวเองไม่เหมาะที่จะมาให้ใครด่า
“ตอนนี้งานของที่บ้านมดดำก็เกือบทำเต็มตัวแล้วแหละ แต่พอดีได้น้องมาช่วยด้วย ปีนี้เป็นปีที่ตัดสินใจว่าจะอยู่บันเทิงหรือจะไปการเมือง อย่างที่ทุกคนคาดคะเนไว้นะครับว่าจะไปการเมือง จนในที่สุดน้องมารับตำแหน่งทางการเมืองไปแทนแล้ว ก็ดีใจมากๆ เลยครับ เพราะตัวเองก็ไม่เหมาะที่จะไปให้ใครเขาด่า”
“พอไม่ได้ทำรู้สึกโล่งมาก เพราะเวลามีอะไรก็จะระบายกับวู้ดดี้ แล้วเขาก็ชวนมาทำรายการตื่นมาคุย เราก็ตกใจว่าเพิ่งกลับมาทำงาน เพิ่งจะเข้าไปคุยกับเอไทม์ว่าเราจะทำอะไรกันต่อ เพราะตอนแรกที่พูดกับเอไทม์ไว้ตั้งแต่ต้น ยังพูดออกมาไม่ได้ ที่ไม่ได้ให้ข่าวว่าจะออก คือตอนนั้นยังไม่รู้ชีวิตตัวเองเลยว่าต้องไปทางไหน คือเมื่อปีที่แล้วผ่านมาเจออะไรที่หนักมาก ตอนแรกเราว่าจะบวชเองแล้วพ่อก็มาบวชให้แทน ประกอบกับว่าน้องมารับตำแหน่งทางการเมืองแทน ทั้งสองคนพ่อและน้องก็แฮปปี้ ตัวมดดำเองตอนนี้ลั้ลลาแล้วครับ ก็พยายามกลับมารับงานในวงการเต็มที่แล้วครับ เคลียร์ลงตัว ทุกอย่างแฮปปี้หมด”
เผยเครียดพอต้องมาทำรายการ “ตื่นมาคุย” ให้ “วู้ดดี้” ตนจะแบ่งเวลาไปทำ “แฉแต่เช้า” ยังไง
“ก็เครียดอยู่ว่าต่อไปนี้จะแบ่งเวลาไปทำแฉแต่เช้ายังไง หลังจากจบรายการตื่นมาคุย คือยังไงตอนนี้มดดำก็ยังไม่ออกจากแฉแต่เช้า หลังจากเคลียร์ชีวิตลงตัวแล้ว คนแรกที่เข้าไปคุยคือ พี่ฉอด สายทิพย์ อยู่แล้ว เข้าไปคุยกับอีเอฟเอ็ม ว่าเราจะทำยังไงต่อไป แต่ขอมารับงานที่รายการตื่นมาคุยนะ เพราะว่าเราห่างจากทำงานกับวู้ดดี้มา 11 ปี ตั้งแต่รายการไฮโซบ้านนอก เราไม่เคยได้เจอกันเลย ช่วงที่มดดำพักงานไปเนี่ย ทางวู้ดดี้ เวิลด์ เขาก็พยายามติดต่อเข้ามาให้ไปช่วยวู้ดดี้จัดรายการหน่อย เราก็เออ เพราะว่าเปิดทีวีแล้วเคยจัดรายการ ก็อยากมาทำ”
“ไม่เคยคิดจะทิ้งวงการบันเทิงอยู่แล้วครับ อีเอฟเอ็มยังอยู่ครับ ก็เดี๋ยวเดือนหน้าจะเข้าไปคุยกับพวกเขาว่า จะเป็นยังไงต่อไป ขอเคลียร์กับวู้ดดี้ เวิลด์ ให้ลงตัวก่อนว่าขอทำรายการอาทิตย์ละวันไหม แต่ทุกที่ยังอยู่ มีแค่มีรายการหนึ่งสมองสองมือ ที่เวลานั้นเป็นเวลาสำหรับเด็ก ถ้าสมมติว่ามีพิธีกรคนไหนที่เหมาะกว่าเราก็อาจจะให้เขาไป ต้องเข้าใจว่าใน 6 วัน เราทำรายการทุกวัน ตายนะ ตอนเย็นเราทำรายการบอกเก้าเล่าสิบอีก แทบจะนอนที่ช่อง9อยู่แล้ว”
“มดดำก็คิดถึงแฉแต่เช้าเหมือนกันครับ บางทีขับรถไปทำงานหรือไปประชุม ก็เปิดวิทยุฟังแฉแต่เช้า บางครั้งก็น้ำตาไหล จนมดเล็ก (น้องชาย) บอกว่ายูกลับไปอยู่ในที่ของยูเถอะ อย่ามาอยู่ที่นี่เลย คือไม่รู้จะขอบคุณน้องชายยังไง มีอยู่วันหนึ่งวันที่น้องไล่กลับมา แล้วเปิดวิทยุฟังไม่ได้ดัดจริต ไม่ได้ดราม่านะ มันแบบว่าคิดถึง เราจัดรายการมาจะ 10 ปีแล้วนะที่นั่งอยู่ตรงนั้น พอเปิดฟังแล้วก็น้ำตามันไหลออกมาเอง เราไม่ได้ไปนั่งด่าคนเหมือนเดิมแล้ว ฉันทำอะไรอยู่ แล้วน้องชายก็บอกให้กลับไป”
ส่วนกรณีที่แม่ถูกตำรวจรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา จับในข้อหาติดสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ในการทำกรีนการ์ดปลอมให้กับคนไทยที่ทำงานในร้านอาหาร เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนั้นทางด้านของ “มดดำ” ได้ควักเงินตัวเองเกือบ 20 ล้าน ในการประกันตัว พร้อมเผยว่าแม้ว่าพ่อกับแม่จะแยกทางกันตั้งแต่ตนยังเด็ก แล้วตนอยู่กับพ่อ แต่ก็จะช่วยเต็มที่เท่าที่ทำได้ ทั้งนี้มดดำเผยความคืบหน้าว่าตอนนี้ศาลแนะให้ยอมความเพราะถ้าสู้ต่อไปแม่อาจติดคุกตลอดชีวิต
“เรื่องแม่ ตอนนี้เอาจริงๆ มันคงไม่จบหรอกครับ คือล่าสุดทางศาลที่อเมริกาบอกว่าอย่าสู้เลย ถ้าสู้เรื่องของเงินก็หมดไปเยอะแล้วแหละ แต่ถ้าสู้ต่อไปแม่ก็อาจจะติดตลอดชีวิต แต่ถ้ายอมความอาจจะติดคุกประมาณ 5-7 ปี คือตอนนี้ก็รอวันที่ 20 เมษายน พิจารณาโทษ เราก็ทำได้แค่นี้ ไม่รู้ว่ามดดำทำดีที่สุดหรือเปล่า แต่เราทำสุดแรงแล้ว มันไม่มีทางที่จะทำได้ดีกว่านี้แล้ว”
“คือมดดำก็ไม่รู้ว่าแม่มีโอกาสอยู่รึเปล่า โดยส่วนตัวแล้วน้องชายจะสนิทกับแม่มากกว่า ทนายเขาก็บอกมาและเราอยู่เมืองไทยด้วย เราไม่ได้มีโอกาสไปต่อสู้คดี เรื่องเงินหมดก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะเราก็หากลับมาได้แป๊บเดียว ส่วนเรื่องบ้านที่ขายไปก็เป็นของแม่เอง คือทุกวันนี้จะติดต่อแม่ เขาก็ให้โทรศัพท์ได้นะ แต่จะมีเครื่องดักฟัง ยังไม่ได้ไปเจอกันเลย ตอนแรกพี่หนุ่ม กรรชัย ก็ถามว่าจะให้ไปเป็นเพื่อนไหม มดดำก็ไม่รู้ว่าถ้าเราไป แม่จะพร้อมเจอเราไหม เพราะมดดำก็ไม่ได้สนิทกับแม่มาก”
“มดดำก็ไม่ได้ช่วยเยอะ แต่มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะว่าเราก็อยู่ในสถานะลูกและพอมีช่วยเหลือได้ อย่างทำอย่างอื่นเรายังให้เยอะ แต่กับแม่เราต้องช่วยได้ ถ้าสมมติว่าทางโน้นเขาให้เจอเราไปอยู่แล้ว แต่ตัวแม่เขาพร้อมจะเจอเราไหม เรื่องกำลังใจของแม่เอาตรงๆ มดดำไม่รู้เลย ถ้าจะรู้คือผ่านทนายและผ่านน้อง เหมือนมดเล็กมาบอกว่า แม่เขาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่นั้น เราก็รู้สึกว่าเขาไม่พร้อมที่จะเจอเราจริงๆ”
“ตอนนี้รอตัดสิน เพราะเลื่อนตัดสินมาเรื่อยๆ เหมือนเรายื่นอุทธรณ์มาเรื่อยๆ มันก็ถึงเวลา ทนายเขาก็จะให้เราสู้ คือแม่เขามีครอบครัวอยู่ทางโน้นด้วย เราจะไปทำอะไรมันก็ไม่ได้ วันตัดสินมอดดำคงไม่ได้ไป ยังไงก็ไม่ได้ไปแน่นอน เพราะว่าอย่างที่บอก เขาไม่พร้อมจะเจอเราหรอก ถ้าเขาพร้อมจะเจอเรา แค่บินไปอเมริกามันไม่ยากหรอก ทุกวันนี้เราก็เตรียมเงินไว้อยู่แล้ว อยู่ที่ทนาย มันมีเงินค่าประกันตัวไว้แล้ว ที่เขาเก็บไว้เป็นก้อน ค่าทนายเราก็จ่ายหมดแล้ว ถ้าสมมติว่าประกันออกมาได้ เราก็สามารถใช้เงินตรงนั้นประกันออกมาได้เลย แต่ถ้าประกันแล้วยังไม่ได้ ยังเป็นเหมือนเดิม ก็อยู่ที่ทนายแล้ว”
ที่มา: manager.co.th