“เอปสัน” ปรับกลยุทธ์ เน้นใช้ผู้บริหารท้องถิ่นดูแลในประเทศ หลังครบวาระ 4 ปี กับการปรับฐานโครงสร้างเอปสัน ประเทศไทย ของ “เออิจิ คาโตะ” ผู้จัดการประจำประเทศไทย ที่จะลาตำแหน่งปลายเดือนมีนาคมนี้ ด้านผู้บริหารไทยมั่นใจพาบริษัทเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ เชื่อปีนี้ยังรักษาอัตรการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% นายเออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้ายในการสรุปผลงานตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมาว่า ตนได้เข้ามาวางโครงสร้างพื้นฐานให้แก่เอปสัน ประเทศไทย พร้อมกับพัฒนาทีมงาน ตลอดจนช่องทางจำหน่าย บริการหลังการขาย จนประเทศไทยขึ้นเป็น 1 ในประเทศที่เป็นตลาดหลักในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากครบวาระที่มารับตำแหน่งจึงวางใจที่จะให้ทีมบริหารท้องถิ่นทำหน้าที่ต่อไป
“ไทยกลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย ที่เอปสัน เปลี่ยนมาใช้รูปแแบบการบริหารโดยคนในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นแม่แบบไปยังอีกหลายประเทศในภูมิภาค เพียงแต่ต้องรอดูความสำเร็จในประเทศไทยก่อน”
อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปแบบการบริหารด้วยบุคลากรในท้องถิ่น เอปสันเริ่มต้นขึ้นที่แถบยุโรปเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพราะมองว่าขณะนั้นตลาดยุโรปมีขนาดใหญ่ ขณะที่ตลาดในเอเชียช่วงเวลานั้นเพิ่งเริ่มต้น ส่วนปัจจุบันตลาดในภูมิภาคเอเชียเริ่มมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น จึงนำรูปแบบการบริหารดังกล่าวมาใช้
โดยตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่ เออิจิ คาโตะ รับตำแหน่ง สามารถพาเอปสัน (ประเทศไทย) เติบโตได้ถึง 40% แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะประสบกับทั้งเหตุการณ์ทางการเมือง อุทกภัย แต่ก็สามารถก้าวผ่านไปได้ ส่วนรูปแบบการบริหารงานต่อไป ก็จะเน้นการรายงานไปยังสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงค์โปร์เช่นเดิม
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า ทีมผู้บริหารไทยจะรับหน้าที่ดูแลและบริหารงานต่อไปในอนาคตและพาเอปสันเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน แต่ทั้งนี้ในการบริหารงานก็ยังคงได้รับนโยบาย และทิศทางการทำตลาดมาจากบริษัทแม่อยู่ดี
“การที่ทีมคนไทยเข้ามาดูแลและบริหารก็จะช่วยให้มีขอบเขตในการตัดสินใจมากขึ้น และสามารถทำตลาดได้คล่องตัวขึ้น ซึ่งในจุดนี้ก็ต้องบริหารงานให้สมกับความเชื่อใจของสำนักงานใหญ่ ที่มอบหมายหน้านี้สำคัญให้”
นายยรรยงกล่าวต่อถึงสภาพตลาดไอทีในปีนี้ว่า ยอดโดยรวมอาจจะลดลง จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งกำลังการซื้อส่วนใหญ่ในปีนี้จะเน้นไปที่แท็บเล็ต และอุปกรณ์พกพา ทำให้เอปสันต้องปรับกลยุทธ์ไปเติบโตในตลาดที่ยังมีช่องว่างอยู่ และคาดว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2556 ทั้งนี้ปีงบประมาณของเอปสันจะเริ่มในช่วงต้นเดือนเมษายน
ปัจจุบันเอปสันแบ่งไลน์ธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มธุรกิจเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทและสแกนเนอร์ ที่มีผลิตภัณฑ์ชูโรงคือสินค้าในตระกูล L ซีรีส์ ที่เป็นเครื่องพิมพ์แทงค์แท้จากโรงงาน ซึ่งจะมารุกในตลาดผู้ใช้งานในบ้าน นักเรียน นักศึกษาเพิ่มมากขึ้น
“ปีนี้ตลาดรวมพรินเตอร์น่าจะอยู่ที่ราว 1-1.2 ล้านเครื่อง โดยมีอัตราการเติบโตไม่มาก หรืออาจจะลดลงเล็กน้อย แต่ในแง่ของมูลค่าเชื่อว่าจะมีการเติบโตมากขึ้น เพราะปัจจุบันราคาเฉลี่ยของพรินเตอร์ปรับสูงขึ้นด้วย รวมกับการทำตลาดของเอปสัน และคู่แข่ง ที่เน้นการเข้ามาแทนที่การนำเครื่องไปต่อแท็งก์เถื่อน ทำให้ตัวเครื่องมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น”
ถัดมาในส่วนของบิซิเนส โปรดักต์ หรือเครื่องพิมพ์จำพวกด็อต เมตริกซ์ เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ สมุดบัญชี ที่ยังมีช่องว่างของตลาดให้เติบโตขึ้นอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะการเพิ่มฐานลูกค้าธนาคาร ซึ่งมีปริมาณการสั่งซื้อสูง ส่วนตลาดโปรเจกเตอร์ ก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง จากการนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเข้ามาเสริม โดยเฉพาะในระดับกลางถึงบน เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น และเข้าไปในตลาดใหม่
สุดท้ายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง ที่จะกลายเป็นกลุ่มสำคัญที่ทำให้เอปสัน (ประเทศไทย) เติบโต เนื่องมาจากการรุกเข้าไปในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ด้วยเครื่องพิมพ์ที่สามารถใช้งานแทนการสกรีนเสื้อ รวมถึงตลาดร้านอัดภาพที่ต้องการลดต้นทุนในการใช้งานเครื่องล้างภาพขนาดใหญ่ มาใช้งานเครื่องพิมพ์รูปรุ่นใหม่แทน ซึ่งคาดว่าตลาดนี้จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 40%
Company Relate Link :
Epson
ที่มา: manager.co.th