แม้จะเจ็บตัวอย่างหนักจนต้องนั่งรถเข็น แต่ “เลดี้ กาก้า” นักร้องสาวสุดแปลกก็ยังคงความเลิศของตนเองไว้ได้ โดยล่าสุดเจ้าตัวอวดรถเข็นใหม่ที่ได้รับการออกแบบเพื่อเธอโดยเฉพาะ แม้จะเคยต้องนั่งรถเข็นเหมือนคนป่วยทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าความเรียบง่ายเหล่านั้นดูจะน่าเบื่อและธรรมดาเกินไปสำหรับคนอย่าง เลดี้ กาก้า ส่งให้นักร้องสุดแปลกวัย 26 ปี ต้องสั่งทำรถเข็นพิเศษ โดยได้ เคน โบโรคอฟ แห่งแบรนด์เครื่องประดับชื่อดัง Mordekai มาเป็นผู้ออกแบบให้เลยทีเดียว
โดยเก้าอี้ตัวนี้ผลิตด้วยวัสดุอย่างดีบุด้วยหนังแท้ และยังมีที่บังแดดซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายได้ประกอบอยู่ด้วย ซึ่งในส่วนของล้อรถเข็นยังทำด้วยทองคำ 24K เพิ่มความหรูหราเช่นกัน ส่งให้เก้าอี้รถเข็นสไตล์วินเทจนี้เหมือนหลุดมาจากสมัยวิคตอเรียเลยทีเดียว
ด้าน เคน โบโรคอฟ ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ ก็ได้กล่าวเรียกเก้าอี้รถเข็นนี้ว่าเป็น “รถม้าศึก 2 ล้อ” ซึ่งเขาผลิตมันขึ้นมาภายในหนึ่งอาทิตย์โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากบัลลังก์
“ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับโทรศัพท์สั่งของ แล้วผมก็ไม่เคยทำรถเข็นมาก่อนเลยด้วย แต่ผมเป็นพวกชอบความท้าทายอยู่แล้ว ผมเลยรู้สึกตื่นเต้นและยินดีมากที่ได้ออกแบบสิ่งที่ผมชื่นชอบอย่างรถม้าศึก มันเป็นเก้าอี้ที่เหมาะสมสำหรับราชินีเท่านั้น”
เลดี้ กาก้า ถูกถ่ายภาพขณะนั่งบนรถเข็นสุดหรูโดยช่างภาพชื่อดัง เทอร์รี ริชาร์ดสัน เป็นผู้ลั่นชัตเตอร์ซึ่งเขาได้นำภาพดังกล่าวโพสต์ลงโลกออนไลน์ให้แฟนๆ ได้ชม เผยให้เห็น เลดี้ กาก้า มาพร้อมกับผมบลอนด์เด่นชัดและชุดเฟอร์สีชมพู และสวมรองเท้าส้นแบนซึ่งดูเรียบง่ายผิดกว่าที่เคยด้วย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าหลังจากได้ของชิ้นใหม่แล้ว เลดี้ กาก้า จะลืมเก้าอี้รถเข็นที่เธอเคยใช้งานก่อนหน้านี้ไปเสียแล้ว หลังจากที่เมื่อเดือนก่อน เธอเคยโพสต์ภาพรถเข็นที่เธอพร้อมตั้งชื่อให้มันว่า “เอมมา” ลงทวิตเตอร์
อาการป่วยครั้งนี้ของเลดี้ กาก้า ได้ทำให้เธอถูกบังคับต้องยกเลิกคอนเสิร์ตไปถึง 25 งาน หลังจากที่มีอาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณสะโพกด้านขวา จนทำให้เจ้าตัวถึงกับลุกและเดินไม่ไหว
ซึ่งในเวลานั้นเธอได้ขอบคุณแฟนๆที่คอยให้กำลังใจขณะที่เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนด้วย “ขณะที่เขาเข็นรถเข็นพาฉันเข้าไปยังห้องผ่าตัดวันนี้ ฉันคิดถึงแต่ความเจ็บปวดและความอุตสาหะของพวกคุณทุกคน ทั้งสถานการณ์ของแต่ละครอบครัว, สภาพแวดล้อมที่โรงเรียน, ปัญหาสุขภาพ, การเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัย, การต่อสู้ทางอัตลักษณ์ บางครั้งพวกคุณกล้าหาญกันมากๆซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกหวั่นเกรง ดังนั้นฉันเลยคิดกับตนเอง ฉันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เดินหน้าทำตามความฝัน และนี่ก็เป็นแค่อุปสรรคอย่างหนึ่งที่เราต้องเอาชนะมันให้ได้ ฉันรู้สึกยินดีที่มันไม่ใช่สิ่งถาวรที่ต้องเป็นแบบนี้ไปตลอด ซึ่งสำหรับบางคนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
ที่มา: manager.co.th