แฉยับเหตุยูนิลีเวอร์ฉุนจะถอนโฆษณา เพราะ “แม่ณเดชน์” เรื่องมาก ไปถ่ายที่ญี่ปุ่นก็ขอผู้ติดตาม แถมขออัปเกรดตั๋วเครื่องบินจากชั้นธรรมดาเป็นบิสเนสคลาส เมาท์การทำงานของทีมงานข้ามประเทศให้แฟนคลับฟัง แฉซ้ำ! ถ้าถ่ายตัวนี้เสร็จจะได้อีก 10 ล้าน "เอ ศุภชัย" รู้ดี แต่แม่พระเอกดังคงไม่รู้เลยเหวี่ยงพาลูกอด เป็นเรื่องทีเดียว สำหรับพระเอก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ที่โดนบริษัทยักษ์ใหญ่ ยูนิลีเวอร์ ประกาศตัดขาด ไม่ขอร่วมงานด้วย ถึงขั้นประกาศยกเลิกสัญญาทุกอย่าง และถอนโฆษณาออกจากช่อง 3 ทันที หากมีช่วงที่ละครของณเดชน์ออกอากาศ และกับทุกๆ สื่อ ทุกๆ รายการที่มีณเดชน์ไปออกโทษฐานที่ผู้เป็นแม่ ก็คือ “แม่แก้ว” สุดารัตน์ คูกิมิยะ ทำตัวเรื่องเยอะไม่ยอมให้ลูกชายถือสินค้า เมื่อครั้งที่ไปถ่าย AD ลงนิตยสารลิปส์ (Lips) ซึ่งทางยูนิลีเวอร์ได้ซื้อโฆษณาไว้ ทั้งที่ณเดชน์รับค่าพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมไปแล้วกว่า 10 ล้าน แถมยังได้ค่าถ่ายแบบครั้งนี้เพิ่มอีก 5 แสน ซึ่งถ้าเป็นจริงบอกได้เลยว่างานนี้ณเดชน์กับช่อง 3 เจ็บหนัก เพราะปีหนึ่งๆ ยูนิลีเวอร์ทุ่มเม็ดเงินโฆษณาเฉพาะแค่ทีวีก็ 600 ล้านบาทแล้ว
งานนี้ "เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร" ผู้จัดการส่วนตัวของคนดังของณเดชน์ก็เลยต้องออกโรงไปเคลียร์กับยูนิลิเวอร์ อ้างเป็นเรื่องเข้าใจผิด มีการตกลงว่าจะไม่ให้ถือสินค้าในการถ่ายแบบแต่ก็มีการถือ ยันคุณแม่ณเดชน์ไม่ได้เรื่องมากแต่คนที่ไม่พอใจที่ให้ถือสินค้าคือตน แต่ตอนนี้เข้าใจกันแล้วว่าเป็นการถ่ายเผื่อไว้สำหรับเมืองไทยเพราะณเดชน์คิวเยอะอาจไม่ว่างถ่ายให้อีก
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวรายงานว่า ความจริงกลับสวนทางกับสิ่งที่เอ ศุภชัยพูด ราวกับหนังคนละม้วน แถมการถ่ายแบบครั้งนี้ นอกจากณเดชน์จะได้เงิน 5 แสนเพิ่มนอกเหนือจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว ก็ยังจะได้เพิ่มอีก 10 ล้านจากการถ่ายแบบครั้งนี้ เพื่อเอาภาพเซ็ทนี้มาทำเป็นลายเส้นการ์ตูนญี่ปุ่นมังงะ โดยแหล่งข่าวอ้างว่าข้อตกลงดังกล่าวทางยูนิลีเวอร์ได้ตกลงกับ “เอ ศุภชัย” ผู้จัดการส่วนตัวไว้ตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตและมีการตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าแม่ของพระเอกหนุ่มทราบเรื่องนี้ ก็ไม่น่าจะแสดงความไม่พอใจ เพราะได้เงินเพิ่ม 10 ล้าน ไม่ใช่แค่ 5 แสนคงไม่มีใครอารมณ์เสีย
ฟัง เอ ศุภชัย พูดไปแล้ว คราวนี้ไปฟังแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดสุดๆ กับทีมงานชี้แจงกันบ้าง...
“ทางยูนิลีเวอร์ได้ซื้อโฆษณาเป็นลักษณะการถ่ายแบบกับนิตยสาร Lips และยกกองไปถ่ายที่ญี่ปุ่น ตกลงเรื่องค่าถ่ายแฟชั่นครั้งนี้ 5 แสนบาท ก่อนไปแม่ของณเดชน์ก็ขอว่าจะเอาช่างแต่งหน้าไปด้วย แต่ทีมงานปฏิเสธเพราะมีของกองอยู่แล้ว แต่แม่ไม่ยอม โดยบอกเลยว่าแม่ขอ ถ้าไม่มีช่างคนนี้ก็ไม่มีแม่ ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีณเดชน์ พร้อมกับขอเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินชั้นธรรมดา เป็นชั้นบิสเนสคลาส (Business Class)”
“การทำงานที่ญี่ปุ่นใช้เวลาถ่าย 2 วัน พอถ่าย AD เสร็จ ทางยูนิลีเวอร์ก็ขอให้ณเดชน์ถือขวดแซมพูเคลียร์ที่เจ้าตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ เพื่อเอามาทำเป็นลายเส้นการ์ตูนญี่ปุ่นมังงะ ซึ่งณเดชน์จะได้อีก 10 ล้านจากการถ่ายตัวนี้ และไม่เกี่ยวกับ 10 ล้านที่เซ็นไปก่อนหน้านี้ ซี่งเรื่องนี้ทางลูกค้ามีการตกลงกันกับทาง เอ ศุภชัย ก่อนไป และมีสัญญาระบุเรียบร้อย ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นแม่โทร.มาด่าหยาบคาย แล้วก็บอกว่านี่ไม่ใช่ AD ถ้าจะให้ถือต้องจ่ายเพิ่มอีก 5 แสน แล้วตอนที่อยู่ที่โน่นญี่ปุ่นแม่ก็มีการโพสต์อินสตาแกรมด่าทีมงานกับแฟนคลับตลอด”
“พอกลับมาทางผู้ใหญ่ของยูนิลีเวอร์และเป็นระดับบิ๊กเลยส่งดอกไม้ และมีการ์ดข้อความไปขอโทษ บอกว่าเป็นความเข้าใจผิดต้องขอโทษด้วย เพราะลูกค้าก็อยากจะรับผิดชอบ แต่ปรากฎว่าแม่บอกว่าไม่รับคำขอโทษ แล้วยังส่งกระเช้าดอกไม้กลับ และยังบอกอีกว่าจะคืนเงิน 5 แสน และคืนสัญญาการทำงานที่จะหมดลงเดือนมิถุนาฯนี้ ต่อไปจะไม่ร่วมงานกับยูนิลีเวอร์อีกแล้ว ทำให้ทางยูนิลีเวอร์โกรธมาก เพราะถือการกระทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลย ถึงกับสั่งแบบดาราในสังกัด เอ ศุภชัย ทุกคน รวมถึงสื่อทั้งหมดที่มีณเดชน์ไปออก รวมถึงละครของณเดชน์ที่ออกอากาศ และกับทุกๆ สื่อ ทุกๆ รายการที่มีณเดชน์ไปออก แล้วงบโฆษณาที่ยูนิลีเวอร์จะลงกับทีวีปีนึง 400-500 ล้าน แม็กกาซีนอีก 40-50 ล้าน หนังสือพิมพ์ 50 ล้าน ซึ่งทุกคนกระทบหมดแน่นอน”
“แต่แม่กลับไม่ยอมหยุดแค่นี้ มีการไปด่าผู้บริหารของยูนิลีเวอร์ ส่วนเอก็ยกหูโทร.ไปด่าทางยูนิลีเวอร์อีก ยังไปโพสต์ด่าในอินสตาแกรมต่ออีก ตอนนี้ทางลูกค้าได้มีการเซฟข้อความทุกอย่างที่แม่โพสต์ไว้หมดแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้มีบริษัทหนึ่งจ้างณเดชน์ไปถ่ายโฆษณา ตกลงกันเรียบร้อย แต่แม่ก็ไปขอให้เอาแม่ไปเล่นด้วย และให้จ่ายเงินค่าตัวแม่เพิ่มด้วย จริงๆ เคยทำงานกับณเดชน์มาหลายครั้งไม่เคยมีปัญหาเลย เพราะน้องน่ารักมาก แต่จะมีปัญหาทุกครั้งถ้าแม่และ เอ ศุภชัย เข้ามายุ่ง ตอนนี้ยูนิลีเวอร์เขาไม่คุยกับเอแล้ว”
“ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าน้องเสียกับเสียเพราะเรื่องไม่ได้หยุดแค่นี้ เพราะมันบานปลายตอนนี้มีคนมีออกมาแฉความกร่างของแม่ และขุดคุ้ยเรื่องณเดชน์เลี่ยงภาษี ใช้คนอื่นไปรับเงินแทน”
ที่มา: manager.co.th