Author Topic: “เอ ศุภชัย” เคลียร์วุ่น อ้างเข้าใจผิด ตอนนี้จูบปากยูนิลีเวอร์แล้ว  (Read 759 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


อินสตาแกรม "แม่แก้ว" แม่ของ "ณเดชน์"


“แม่แก้ว” สุดารัตน์ คูกิมิยะกับลูกชายคนดัง (แฟ้มภาพ)


งานงอก! “ณเดชน์” โดนยูนิลีเวอร์ถอนโฆษณานับสิบล้านบาท โทษฐานที่ทำตัวเรื่องเยอะไม่ยอมถือสินค้าทั้งที่รับค่าพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมไปแล้วกว่า 10 ล้าน ด้าน “เอ ศุภชัย” รีบเคลียร์ยูนิลีเวอร์อ้างเป็นการเข้าใจผิด ตอนนี้จูบปากกันเรียบร้อยแล้ว
       
       ซวยตั้งแต่ต้นปีทีเดียว สำหรับพระเอก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ที่โดนบริษัทยักษ์ใหญ่ ยูนิลีเวอร์ ประกาศตัดขาด ไม่ขอร่วมงานด้วย ถึงขั้นประกาศยกเลิกสัญญาทุกอย่าง และถอนโฆษณาออกจากช่อง 3 ทันที หากมีช่วงที่ละครของณเดชน์ออกอากาศ และกับทุกๆ สื่อ ทุกๆ รายการที่มีณเดชน์ไปออก แว่วว่ารายได้ที่เจ้าตัวหลุดมือไปรวมหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว แถมงานนี้ไม่ได้สะเทือนแค่พระเอกหนุ่มแต่ยังเสียหายถึงช่อง 3 ต้นสังกัด รวมถึง “เอ ศุภชัย” ผู้จัดการส่วนตัวด้วย เพราะทางยูนิลีเวอร์ไม่ได้ตัดขาดแค่ณเดชน์ แต่ทำท่าตัดขาดเด็กในสังกัดของผู้จัดการดาราคนดังทุกคนอีกด้วย ซึ่งน่าจะทำให้เด็กในค่าย “เอ ศุภชัย” และช่อง 3 สูญเงินนับร้อยล้าน
       
       สำหรับชนวนเหตุที่ทำให้ณเดชน์โดนยูนิลีเวอร์ประกาศแบน เริ่มจากทางยูนิลีเวอร์จ้างณเดชน์เป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมเคลียร์ ตกลงค่าตัวโฆษณา ซึ่งรวมถึงการออกอีเวนต์ การร่วมกิจกรรมทุกๆ อย่างที่ยูนิลีเวอร์จัดขึ้น มูลค่าเป็นหลัก 10 ล้านบาท และเมื่อเดือนก่อนทางยูนิลีเวอร์ก็ได้ซื้อโฆษณาเป็นลักษณะการถ่ายแบบกับนิตยสารลิปส์ (Lips) และก็ยกกองไปถ่ายทำกันไกลถึงญี่ปุ่น พระเอกคนดังมีคุณแม่ “แม่แก้ว” สุดารัตน์ คูกิมิยะ เป็นผู้ติดตามคอยไปดูแลอย่างใกล้ชิด ระหว่างการทำงานนั้น ทางนิตยสารดังก็อยากจะทำเพื่อลูกค้าที่ซื้อโฆษณาให้ออกมาดีและคุ้มค่าต่อลูกค้าที่สุด เลยบอกให้พระเอกคนดังถือผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายแบบหน่อย แต่ทางแม่ของพระเอกดังกลับบอกว่า “ไม่ได้ หากจะให้ถือต้องจ่ายเพิ่มอีก” ว่ากันว่าแม่ของพระเอกดังเรียกเพิ่มอีก 5 แสนบาท ทางนิตยสารจึงมีการต่อรองว่าจะถ่ายให้ดูเหมาะสม ไม่ฮาร์ดเซลส์จนเกินไป
       
       พอกลับมาถึงเมืองไทย ทางบรรณาธิการนิตยสาร Lips จึงไปคุยกับยูนิลีเวอร์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ญี่ปุ่น รูปที่ถ่ายมาถ้าหากจะนำมาใช้งานต้องมีการจ่ายค่าตัวณเดชน์เพิ่มอีก เมื่อรู้อย่างนั้นทางยูนิลีเวอร์จึงส่งดอกไม้พร้อมแนบการ์ดมีข้อความไปขอโทษประมาณว่า ถ้าเกิดความผิดพลาดในการทำงานที่ญี่ปุ่นนั้นก็ต้องขออภัยด้วย ทางฝั่งแม่ที่เป็นผู้ดูแลนอกจากจะไม่รับคำขอโทษนี้แล้ว ก็ส่งกระเช้าดอกไม้กลับคืนพร้อมกับสัญญาการทำงานที่กำลังจะหมดลงเดือน มิ.ย.นี้ กลับคืน พร้อมบอกว่า นี่คงเป็นการร่วมงานครั้งสุดท้ายกับทางยูนิลีเวอร์แล้ว ซึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ประกาศแบนพระเอกดังทันที
       
       ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบในเฟซบุ๊กของ นายศักดิ์ชัย กาย ผู้บริหารนิตยสารลิปส์ ก็พบว่าในช่วงเที่ยงวันนี้ (4 มี.ค.) เฟซบุ๊กดังกล่าวมีการโพสต์ข่าวที่เริ่มแพร่ออกมาทางโลกอินเทอร์เน็ต และมีการพูดถึงในหมู่สื่อมวลชน ขณะที่เมื่อตรวจสอบไปยังอินสตาแกรมของนายศักดิ์ชัย ก็พบว่าการเดินทางไปถ่ายทำแฟชั่นที่เป็นต้นเรื่องดังกล่าว น่าจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่นิตยสารลิปส์ พร้อมณเดชน์และคุณแม่ยกกองไปแฟชั่นที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
       
       นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบไปยังอินสตาแกรมของ “แม่แก้ว” สุดารัตน์ ก็พบว่าในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ก็โพสต์ภาพและข้อความที่สนามบินฮาเนดะ ระบุว่า
       
       “keaw_jung แม่กับน้องๆ ขอขอบคุณมากกับทุกคนที่ให้ประสบการณ์ได้เรียนรู้ในทริปนี้เป็นอย่างดีและก็จะเก็บไว้เพื่อสอนตัวเองและลูกในการดำเนินชีวิตบนเส้นทางนี้ จะได้มีโอกาสเลือกสรรสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองและคนรอบข้างอย่างมีความสุขและเป็นประโยชน์ ในวันข้างหน้าต่อ่ไป นะคะ”
       
       “keaw_jung @ทุกคนFc อาหารมื้อสุดท้ายที่สนามบินฮาเนดะนี้ รู้สึกว่ารสชาติอร่อยดีแต่ก็กลืนไม่ค่อยลง เพราะเหนียวเคี้ยวยากแม่ขอคายไม่กลืน นะคะ”
     
       อย่างไรก็ตาม กับประเด็นดังกล่าวทีมข่าวบันเทิง “เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์” ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถามไปยัง “แม่แก้ว” สุดารัตน์ คูกิมิยะ ซึ่งเป็นแม่ของณเดชน์ เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่รับโทรศัพท์ รวมถึง “เอ ศุภชัย” ผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงความเคลื่อนไหวล่าสุดของทาง “แม่แก้ว” ที่ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรมของตนเอง โดยมีข้อความว่า... “ทุกคนแฟนคลับ สบายชิลล์ๆ นี่คือรสชาติของชีวิต ไหวครับ ไหนใครอยากช่วย ขอให้ยกมือขึ้น” โดยมีตัวการ์ตูนณเดชน์ทำท่ากำลังยกน้ำหนัก
       
       อย่างไรก็ตามล่าสุด “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการส่วนตัวของ “ณเดชน์” ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ได้เคลียร์กับยูนิลีเวอร์เรียบร้อยแล้ว สามารถร่วมงานกันได้ปกติทุกคนเข้าใจกันดี
       “สรุปแล้วมันไม่มีอะไรเลยยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นชีวิตยังเหมือนเดิมเลยค่ะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นการเข้าใจผิดกันนิดหน่อยไม่รู้ใครไปปล่อยข่าว กับทางยูนิลีเวอร์พี่เอก็เคลียร์กับทางผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้ใหญ่ของเราจัดการให้เรียบร้อยแล้วเรื่องที่ทางยูนิลีเวอร์จะถอนโฆษณาทั้งหมดที่ณเดชน์เล่นไม่เป็นความจริงเลย”
       
       “คือเรื่องทั้งหมดมันเกิดมาจากว่าน้องณเดชน์ได้มีโอกาสไปถ่ายหนังสือลิปส์ที่เมืองนอก เพื่อที่จะโปรโมทหนังเรื่องคู่กรรมก็ไปกับน้องริชชี่นางเอกของเรื่องเวลาที่จะไปเนี่ยก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลยกำลังจะเดินทาง แล้วทางผู้ใหญ่ของลูกค้าก็คือยูนิลีเวอร์ทางลิปส์เขามาขายโฆษณา ซึ่งทางเราก็ได้ถามเขาแล้วว่าถ้าเป็นถ่ายถือของอันนั้นไม่เอานะ เพราะมันถือเป็นการไท-อิน (Tie-in) โฆษณา ก็ให้เอาสินค้าวางอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่ต้องให้น้องถือ แค่นี้แล้วเดี๋ยวเขาจะมีค่าเหนื่อยมาให้เพิ่มเหมือนที่เป็นตามข่าวนี่ล่ะ”
       
       “ซึ่งตรงนี้เราก็บอกกับทางหนังสือว่าได้เลยไม่มีปัญหาเดี๋ยวพี่เอบอกแม่ให้ เพราะเราไม่ได้ไปเองเราก็ไม่ได้ซีเรียสก็บอกคุณแม่ว่าเดี๋ยวจะมีการถ่ายไทอินถามว่าน้องมาถ่ายแฟชั่นและมีกล่องโปรดักส์วางอยู่ข้างๆ ก็บอกให้คุณแม่ช่วยดูให้หน่อยก็เป็นตามข่าวนั่นล่ะ ปรากฏว่าไปถึงเขาไม่ได้ทำแค่นั้น คือความหวังดีเผื่อน้องกลับมาแล้วจะไม่มีคิวถ่ายก็จับริชชี่กับณเดชน์ทำเป็นพรีเซนเตอร์แล้วก็ถ่ายภาพนิ่งเลยทั้งสามวันซึ่งเราก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เราเองก็ต้องโทรไปถามแม่ว่ามันเป็นยังไงบ้างแม่ก็เล่าให้ฟัง”
       
       “เอก็เลยโทรไปบอกว่ามันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขข้อตกลง ซึ่งทางคุณแม่ไม่ใช่ไม่โอเคแต่เป็นทางเอเองนี่ล่ะที่ไม่โอเค เพราะมันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขเราไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้คุณ ฉะนั้นจะมาจับริชชี่ถ่ายได้ยังไงเรื่องนั้นที่ไม่ได้เป็นประเด็น เพราะน้องริชชี่ยังไม่มีชื่อเสียงเอเลยไม่ได้เท้าความ”
       
       “ทางเขาก็โอเคนะเขาก็อธิบายให้เราฟังว่าทางเขาก็หวังดีบอกว่าน้องเป็นพรีเซนเตอร์อยู่แล้ว ถ้ามาที่เมืองไทยเดี๋ยวน้องไม่มีเวลาถ่ายน้องคิวเยอะ ซึ่งเขาเลยจัดการถ่ายเผื่อไว้เลย แต่ในเงื่อนไขการทำงานมันไม่ได้ถูกต้องตามที่ตกลงในสัญญา”
       
       “แต่เข้าใจเรื่องนี้ไม่มีคนถูกคนผิดหรอก เพียงแต่ว่าเราไม่ได้มีการบอกกันล่วงหน้าพอมาตอนหลังเคลียร์และต่างคนต่างอธิบายให้กันฟังก็เลยไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลยแม่ก็จบไม่มีอะไร”
       
       เรื่องกระเช้าดอกไม้ที่ทางยูนิลีเวอร์ส่งมาขอโทษในเรื่องการทำงานผิดพลาด แต่แม่ของณเดชน์กลับส่งคืนนั้น “เอ ศุภชัย” บอกว่า...
       “อ๋อ!กับเรื่องกระเช้าดอกไม้นี่มันไม่มีอะไรเลย คือเหมือนทางลูกค้าเขาอยากที่จะขอโทษรู้สึกว่ามันเป็นการเข้าใจผิดกันก็เลยมาบอกกับเอว่า อยากที่จะส่งกระเช้ามาขอโทษเอก็บอกว่าลองส่งมาได้ พอส่งมาเอก็โทรไปบอกแม่น้อง คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรลูกแม่ไม่ได้ว่าและคิดอะไรเลยมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยเองบอกเขาไม่ต้องเอามาหรอกแม่เกรงใจไม่ต้องดอกไม้มันก็เลยค้างอยู่ที่บ้านเอเราไม่ได้ส่งกลับอย่างที่เป็นข่าวเลย เอก็โทรไปบอกลูกค้าว่าไม่ต้องซีเรียสนะแม่ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย”
       
       ผู้จัดการคนดังยันว่าหลังจากมีข่าวเรื่องดังกล่าวออกมาก็ได้มีการคุยกับทางบริษัทแม่ของยูนิลีเวอร์เรียบร้อยแล้ว
       “คือคุยกันแล้วเป็นผู้ใหญ่ของเราไปคุยกับทางบริษัทแม่ตัวใหญ่ของยูนิลีเวอร์เลย เขาก็บอกว่าไม่มีปัญหามันเป็นแค่เรื่ององค์กรย่อยของยูนิลีเวอร์เป็นของสินค้าเคลียร์อย่างเดียว ทางยูนิลีเวอร์ใหญ่จริงๆ เขารักน้องณเดชน์มาก และเราก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเลย เพราะเราต้องรักษาลูกค้ายิ่งกว่าพระเจ้า เพราะเขาเอาเงินมาให้เราต้องรักเขา เอเองก็ไม่มีปัญหาเลย แต่มันเหมือนเป็นการพูดกันไปพูดกันมาเหมือนเมาท์ว่าระวังนะถ้าเธอเป็นแบบนี้เดี๋ยวเขาถอดนะคนก็เอาไปพูด”
       
       ไม่หวั่นเด็กในสังกัดโดนยูนิลีเวอร์แบนไม่เอามาเป็นพรีเซนเตอร์
       “คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยมันเหมือนลิ้นกับฟันกับเคลียร์เองก็ไม่ใช่ครั้งแรกเราทำงานกันมาตั้งสิบกว่าปีก็มีอะไรแบบนี้บ่อย แต่เพียงครั้งนี้มันมีข่าวลงแค่นั้นเองเลยเป็นประเด็น กับผลกระทบที่จะเกิดกับเด็กในสังกัดคนอื่นๆ เอว่ามันไม่ใช่เรื่องเลย ตัวเราเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแต่คนอื่นไม่รู้ยังไงนะ (หัวเราะ)
       
       สำหรับ ข้อมูลจากบริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ประเทศไทย จำกัด เมื่อเดือนมกราคม 2556 ระบุว่า ตลอดปี 2555 ที่ผ่านมากลุ่มยูนิลีเวอร์ ใช้งบโฆษณารวมแล้วกว่า 6,637,398,000 บ

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)