"เอเซอร์" ยกเครื่องธุรกิจบริการหวังปั้นเป็นธุรกิจทำเงิน จัดทัพใหม่-ปูพรมศูนย์บริการย่อยที่ไซต์ลูกค้า พร้อมเสนอแพ็กเกจขยายระยะเวลารับประกันเพิ่ม 4-5 ปี รับกระแสลูกค้าชะลอการซื้อสินค้าใหม่ พร้อมเพิ่มบริการออนไซต์เซอร์วิสสำหรับคอนซูเมอร์ "อัสซุส" เผยจับตาตลาดสินค้าอัพเกรดมาแรง ผู้บริโภคชะลอการซื้อ สินค้าใหม่
นายโสภณ ปานฉิม ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เอเซอร์ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการให้บริการใหม่ โดยแบ่งเป็นทีมเซอร์วิสโอเปอเรชั่นในเขต กทม.และต่างจังหวัด จากเดิมที่รวมเป็นทีมเดียว พร้อมกับเพิ่มน้ำหนักฝ่ายขายเซอร์วิสมากขึ้น โดยตั้งขึ้นมาเป็นอีกหหนึ่งน่วยธุรกิจเพื่อตอบสนองการให้บริการลูกค้า พร้อมกับเพิ่มศูนย์บริการย่อยอีก 10 แห่งเพื่อดูแลตามไซต์งานของลูกค้า โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำถึงที่ อาทิ มหาวิทยาลัยรังสิต เอแบค โรงพยาบาลศิริราช ธนาคารทหารไทย เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น
พร้อมกับมีแผนขยายไปยังกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น ชลบุรี ระยอง เพราะ จากสภาพเศรษฐกิจทำให้องค์กรไม่มี งบประมาณซื้อสินค้าใหม่ จึงเป็นโอกาสของการบริการ นอกจากนี้ยังแบ่งตามประเภทสินค้า ซึ่งจะรองรับการให้บริการสินค้าของเอเซอร์ทุกแบรนด์ ทั้งอีแมชชีน, เกตเวย์ และสมาร์ทโฟน เพื่อเสนอบริการลูกค้าตรงความต้องการในอนาคต
นอกจากนี้ได้เพิ่มจำนวนพนักงานซับคอนแทร็กต์และฝ่ายออนไซต์เซอร์วิสเป็น 400 รายจากเดิมมี 200 ราย โดยใช้ งบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อการเทรนนิ่งบุคลากร
ขณะเดียวกันเพื่อสอดรับกับภาวะ เศรษฐกิจในปัจจุบัน เอเซอร์ได้ปรับลดค่าอัตราค่าบริการพีซีตามศูนย์บริการลงเหลือ 400 บาท จากปกติ 500 บาท โน้ตบุ๊กลดจาก 800 บาท เหลือ 600 บาท พร้อมกับเสนอแพ็กเกจขยายการรับประกันเพิ่มสำหรับคอมเมอร์เชียลเดสก์ทอปจากเดิม 3 ปี เป็น 4-5 ปี และเพิ่มบริการออนไซต์เซอร์วิสสำหรับคอนซูเมอร์เดสก์ทอปทุกรุ่น
"จากปัจจัยสภาพเศรษฐกิจทำให้กลุ่มลูกค้าทั้งคอนซูเมอร์และองค์กรหันมายืดอายุการใช้งานของสินค้ามากขึ้น โดยลดงบประมาณการซื้อเครื่องใหม่และหันมาใช้งบฯเพื่ออัพเกรดและบำรุงรักษาแทน"
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า ปีที่ผ่านมาหน่วยให้บริการของเอเซอร์มีรายได้สมดุล กับค่าใช้จ่ายแล้ว ต่างจากอดีตที่เป็นภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายของเอเซอร์อยู่ และคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ในอนาคต โดยมีนโยบายเปิดกว้างเสนอแพ็กเกจบริการไปยังสินค้าแบรนด์อื่นๆ ด้วย โดยปัจจุบันรายได้ของการให้บริการคิดเป็น 1% จากรายได้ทั้งหมด 1.4 หมื่นล้านบาทของเอเซอร์
ด้านนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีพบว่าตลาดอุปกรณ์อัพเกรด เช่น แรม ฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก วีจีเอการ์ด ได้รับความสนใจมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายและหันมาอัพเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แทนการซื้อสินค้าใหม่
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในอดีตพบว่าลูกค้าจะนิยมซื้อพีซีแบบครบชุด แต่ปัจจุบันจะเริ่มเห็นการเลือกซื้อทีละชิ้นๆ หรือซื้อเฉพาะส่วนที่ต้องการเพิ่มแทน โดยเฉพาะกลุ่มต้องการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เพราะมีความคุ้มค่ากว่าและสามารถยืดอายุการใช้งานของพีซีเพิ่มขึ้นอีกครึ่งปี-1 ปี
นอกจากนี้ปัจจัยด้านราคาสินค้าอุปกรณ์อัพเกรดที่ถูกลง เช่น แรม ขนาด 2GB ราคาไม่ถึง 1 พันบาท จากเดิมราคา 2-3 พันบาท ทำให้ผู้บริโภคสามารถอัพเกรดสินค้าได้ง่าย
ขณะที่ในด้านผู้ค้าหรือดีลเลอร์ก็มีกำไรจากการขายอุปกรณ์อัพเกรดได้ดีกว่าการขายพีซีแบบครบชุด ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจและมองหาสินค้าอัพเกรดที่มีลูกเล่นมาจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า
ที่มา:
http://www.matichon.co.th
