ซัมซุง มั่นใจปีนี้ขึ้นผู้นำตลาดกล้องดิจิตอลในทุกภาคส่วนที่ทำตลาด หลังเดินหน้าลุย 4 เซกเมนต์หลักภายใต้พื้นฐานการถ่ายภาพและแชร์ผ่านไวไฟได้ทันที หลังเห็นเทรนด์ไลฟ์สไตลผู้บริโภคจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา เผยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ช่วยดันฐานตลาดกล้องให้กว้างขึ้น นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงสภาพตลาดรวมกล้องดิจิตอลว่า ปีที่ผ่านมาตลาดโดยรวมค่อนข้างเติบโตอย่างคงที่ แต่จะมีในบางส่วนที่เห็นว่าได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างในกลุ่มที่เป็นคอมแพกต์โปร หรือมิลเลอร์เลส ที่มีอัตรการเติบโตสูงขึ้น
"ซัมซุงทำตลาดในกลุ่มกล้องดิจิตอล ไม่นับรวมกล้องดีเอสแอลอา ดังนั้นถ้ามองสัดส่วนตลาดของกล้องคอมแพกต์ และมิลเลอร์เลสแล้ว มีสัดส่วนอยู่ที่ 90% ต่อ 10% เช่นเดียวกับภาพรวมของตลาดกล้องดิจิตอล เพราะซัมซุงมีสินค้าที่ครอบคลุมทุกไลน์ตั้งแต่กล้องราคาถูกไปจนถึงกล้องมิลเลอร์เลสที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้"
โดยซัมซุงเปิดเผยว่า ตลาดกล้องคอมแพกต์ในช่วงปีที่ผ่านมา ในช่วงระดับราคาต่ำกว่า 2,000 บาท กับ ช่วง 6,000 บาทขึ้นไปยังมีอัตราการเติบโตอยู่ แต่ในระดับราคา 2,000 - 4,000 บาท ตลาดค่อนข้างหดตัว จึงมองว่า ความต้องการของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับฟีเจอร์พิเศษของกล้องมากขึ้นกว่าความละเอียดของกล้องคอมแพกต์เพียงอย่างเดียว
"กล้องคอมแพกต์ตอนนี้ถ้าจะขายได้ต้องมีจุดเด่นที่ชัดเจน ซึ่งในจุดนี้ซัมซุงมีทั้งกล้อง 2View ที่เป็น 2 หน้าจอ และกล้องคอมแพกต์ที่มาพร้อมโหมดบิวตี้ ใส่ฟิลเตอร์รูป เลือกกรอบภาพ ขณะที่ตลาดกล้องคอมแพกต์โปรก็จะมีรุ่นที่มีออปติคอลซูม 21 เท่า และกล้องมิลเลอร์เลสที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ ซึ่งทุกรุ่นสามารถเชื่อมต่อไวไฟได้ทั้งหมด"
ทางซัมซุงมีการสำรวจถึงพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า กลุ่มสุภาพสตรีส่วนใหญ่ก่อนที่จะทำการอัปรูปขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์กแทบทั้งหมดต้องมีการแต่งภาพก่อน ดังนั้นการที่ซัมซุงพยายามดันจุดเด่นอย่างการเชื่อมต่อไวไฟ เพื่อให้สามารถส่งรูปภาพจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตเพื่อแต่งภาพก่อนอัปขึ้นก็เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
"ปีนี้ซัมซุงจะรุกหนักในตลาดกล้องคอมแพกต์มากขึ้น ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 8 รุ่นที่จะทยอยจำหน่ายครบในช่วงเดือนมีนาคมนี้ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักคือ กล้องคอมแพกต์ทั่วไป กล้องคอมแพกต์โปรที่สามารถซูมได้ไกล กล้องมิลเลอร์เลสเปลี่ยนเลนส์ได้ และสุดท้ายคือกลุ่มของอินโนเวชัน คาเมร่า อย่างสินค้าในตระกูลกาแล็กซี คาเมร่า ที่ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์"
ซึ่งจากการวางจำหน่ายกาแล็กซี คาเมร่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทางซัมซุงได้ ขยายช่องทางจำหน่ายกล้องไปยังส่วนของมือถือมากขึ้น โดยเฉพาะฝั่งของโอเปอเรเตอร์ เนื่องจากตัวเครื่องสามารถใส่ซิมการ์ดเพื่อใช้งาน 3G ได้ ขณะเดียวกันด้วยความสามารถทางด้านไวไฟของกล้อง ก็สามารถนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในช่องของโทรทัศน์ได้ด้วยเช่นเดียว เพราะสามารถแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้ด้วย
สำหรับกล้องดิจิตอลที่ซัมซุงจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในตลาดประกอบไปด้วย กล้องดิจิตอลซูมไกล (Long Zoom) ได้แก่ ซัมซุง WB800F, ซัมซุง WB250F และซัมซุง WB30F กล้องดิจิตอล 2 หน้าจอ (2 View) ได้แก่ ซัมซุง DV150F กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ (Compact System Camera) ได้แก่ ซัมซุง NX300 รวมถึงกล้องดิจิตอลคอมแพกต์ดีไซน์เก๋ (Stylish) ได้แก่ ซัมซุง ST150F, ซัมซุงST72 และซัมซุง ES95 ในระดับราคา 4,490 - 25,900 บาท
นอกจากนี้ยังได้มีการอัปเกรดฟีเจอร์ภายในตัวกล้องจาก สมาร์ทคาเมร่าแอปฯ (SmartCameraApp) ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และไอโอเอส เข้ากับกล้อง ให้สามารถควบคุมกล้องในใช้แทน ผ่านฟังก์ชันรีโมทวิวไฟน์เดอร์ (Remote Viewfinder) โมบายล์ลิงก์ (Mobile Link) สำหรับส่งภาพมาเก็บในสมาร์ทโฟน และ ออโต้แชร์ (Auto Share) ในการแชร์ภาพจากบนมือถือไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือระบบคลาวด์ต่างๆโดยอัตโนมัติ
Company Relate Link :
Samsung
ที่มา: manager.co.th