BlackBerry Z10 (ซ้าย) และ Lumia 920สตีเฟ่น อีลอป ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเกีย คอร์ปอเรชั่น ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทยLumia 920 เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่เกิดอาการของขาดไม่พอขายซีอีโอแบล็กเบอรี่บนเวทีเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ Blackberry 10 จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ Z10 (ซ้าย) และ Q10อดีต 2 ยักษ์ใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟนอย่างโนเกีย และแบล็กเบอรี่ กำลังจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่บนสังเวียนสมาร์ทโฟน ด้วยอาวุธหนักอย่างระบบปฏิบัติการใหม่ และ ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ซึ่งผลตอบรับจากตลาดสร้างความฮึกเหิมและแอบหวังอยู่ในใจลึกๆว่า คราวนี้อาจเป็นการแจ้งเกิดใหม่อีกครั้งก็เป็นได้ ในฟากฝั่งของโนเกียนั้น หลังจากการเปิดตัว Lumia 920 และ Lumia 820 ออกมาในช่วงปลายปี 2555 ที่ผ่านมา สตีเฟ่น อีลอป ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเกีย คอร์ปอเรชั่น กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 8 ของโนเกียนั้นได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดีมาก
'ผลตอบรับที่ดีมากจากผู้ใช้ทั่วโลก ช่วยยืนยันถึงการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของโนเกีย ภายใต้ผลิตภัณฑ์ในตระกูล Lumia'
ในช่วงแรกที่เปิดวางจำหน่ายในประเทศไทย Lumia 920 เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่เกิดอาการของขาดไม่พอขาย โดยเฉพาะตัวเครื่องรุ่นสีเหลือง ที่ดูสวยและแตกต่าง แสดงให้เห็นถึงความต้องการแฟลกชิปสมาร์ทโฟนของโนเกียในตลาดไทยได้เป็นอย่างดี
โดยสิ่งที่โนเกียยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์ คือต้องการสร้างความแตกต่างที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งานทั่วโลก ในจุดที่ผู้ผลิตรายอื่นไม่สามารถทำได้ บนพื้นฐานที่ต้องการให้ผู้บริโภคสามารถติดต่อและเชื่อมโยงถึงกัน
'ระบบกล้องใน Lumia 920 ที่ใช้เทคโนโลยี Pureview ทำให้สามารถถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงน้อยได้อย่างคมชัด และระบบนำทางโนเกีย แมปส์ ที่ให้บริการจากฐานข้อมูลแผนที่ของ Here บนวินโดวส์ โฟน 8 ถือเป็นความแตกต่างแรกที่โนเกียนำมาให้ผู้บริโภคได้ใช้งานกัน'
***Lumia เด็ดพอ ทวงบัลลังก์แชมป์ หลังจากที่โนเกีย ส่งเทคโนโลยีขั้นล่าสุดลงมาไว้ใน Lumia 920 และ Lumia 820 แล้ว ก็ถึงคราวที่โนเกียจะเริ่มเจาะตลาดระดับกลางด้วยการส่ง Lumia 620 เข้ามาตีตลาดสมาร์ทโฟนในระดับราคา 8,000 - 9,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นช่วงตลาดที่มีนัยสำคัญทั้งด้านยอดขายและมูลค่าในตลาดสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้
อีกหนึ่งสัญญาณที่เห็นได้ชัดในตลาดประเทศไทย คือการวางจำหน่าย Lumia 620 ภายในงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โปช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มียอดจำหน่ายเป็นอันดับ 1 ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 8 และติดอันดับ TOP 5ในส่วนของสมาร์ทโฟนขายดีประจำงานครั้งนี้ในช่วงราคา 8,000 - 12,000 บาทอีกด้วย
โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น ผู้จัดงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป ให้ข้อมูลว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนโนเกียในครั้งนี้ ถือว่าสูงกว่าครั้งที่ผ่านๆมาเป็นอย่างมาก เพราะช่วงที่ผ่านมายอดขายของมือถือโนเกียส่วนใหญ่จะตกอยู่กับฟีเจอร์โฟนเป็นหลัก แต่กลับกันในครั้งนี้ยอดเกือบครึ่งของโนเกีย มาจาก Lumia 620 ชนิดแซงหน้าพี่ใหญ่อย่าง Lumia 920
นอกเหนือจากในประเทศไทย นักวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อินเดียกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ Lumia 620 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยการผลักดันส่วนแบ่งตลาดวินโดวส์ โฟน ในประเทศอินเดียจากเดิม 8% ขึ้นมาเป็น 13% หลังจากวางจำหน่ายในช่วงเวลาสั้นๆ แสดงให้เห็นถึงชื่อชั้นของโนเกีย ที่สั่งสมในตลาดมายาวนาน ว่ายังมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งที่รอผลิตภัณฑ์ของโนเกียออกสู่ตลาด
นอกจากนี้ ด้วยรูปลักษณ์ ดีไซน์ และสีสัน ที่สวยสดแปลกตา แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปในตลาด ที่อาจเป็นการย้อนรอยความสำเร็จโนเกียรุ่นที่เปลี่ยนฝาครอบหรือหน้ากาก ที่เคยตีตลาดสร้างชื่อทำให้โนเกียสามารถขายโทรศัพท์มือถือได้ราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่น ทั้งๆที่ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ได้เหนือกว่าคนอื่นเลย เมื่อรวมกับวินโดวส์โฟน 8 ที่มีจุดแข็งเรื่องการเป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับความต้องการของมนุษย์งานที่ทำงานบนพีซีได้ดีที่สุด กลยุทธ์นี้จึงทำให้มือถือตระกูล Lumia สวยทั้งรูปและจูบหอมหวานด้วย
จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ไลน์อัปของสมาร์ทโฟนในตระกูล Lumia ที่จะทยอยออกมาทำตลาดต่อจากนี้ ที่หลุดออกมาจากปากของ สตีเฟ่น อีลอป ว่า เร็วๆนี้จะได้เห็นทั้งสมาร์ทโฟน Lumia ประสิทธิภาพสูง และมีจุดเด่นเหนือกว่า Lumia 920 ออกสู่ตลาด
ขณะเดียวกันก็จะมีผลิตภัณฑ์ในตระกูล Lumia ที่ปรับลดประสิทธิภาพลงเล็กน้อย และวางจำหน่ายในราคาต่ำกว่า Lumia 620 ทำให้ผู้บริโภคอาจจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 8 ในระดับราคาต่ำกว่า 8,000 บาทก็เป็นไปได้
ในส่วนของแอปพลิเคชัน แม้ว่าผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหลายคนยังมองว่า วินโดวส์ โฟน มีแอปพลิเคชันให้เลือกใช้งานน้อย แต่อีลอป ยืนยันว่า อัตราการเพิ่มของแอปในวินโดวส์ โฟน สโตร์ ยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเปรียบเทียบว่าใน 50 แอป ยอดนิยมของสมาร์ทโฟน 47 ตัวพร้อมให้ใช้งานในวินโดวส์ โฟน 8 เรียบร้อยแล้ว
***จะตายหรือจะบิน แบล็กเบอรี่? ฝรั่งนั้นมีวลี "Fly or Die" เพื่อถามคนหรือบริษัทว่าจะเลือกทุ่มสุดตัวเพื่อพัฒนาถีบตัวเองให้เหนือกว่าคู่แข่ง หรือจะพัฒนาอย่างครึ่งๆกลางๆจนคู่แข่งแซงหน้าหรือให้ตลาดเปลี่ยนแปลงจนตัวเองตายไปอย่างช้าๆ ล่าสุดแบล็กเบอรี่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกตั้งคำถามนี้ เพราะการเปิดตัวแบล็กเบอรี่ 2 รุ่นล่าสุดนั้นมีทั้งเสียงตอบรับจากตลาดทั้งที่ดีและไม่ดี ซึ่งสะท้อนว่าแบล็กเบอรี่ยังไม่สามารถ"บิน"ได้ไกลจนพ้นจากภาวะผู้ต้องสงสัย
30 มกราคมที่ผ่านมา ริมหรือ RIM ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอรี่ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น BlackBerry พร้อมกับเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Blackberry 10 (BB10) โดยเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ Blackberry 10 จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ Z10 และ Q10 ซึ่งรุ่น Z10 นั้นเริ่มมีการเปิดจองแล้วในบางประเทศ ก่อนวันวางจำหน่ายจริงในเดือนมีนาคม (รุ่น Q10 พร้อมลงตลาดเดือนเมษายนนี้)
สมาร์ทโฟน BlackBerry Z10 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนจอสัมผัสเต็มรูปแบบสีดำและสีขาว มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.2 นิ้วความละเอียด 1280x768 พิกเซล (356PPI) ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูดูอัลคอร์ 1.5GHz หน่วยความจำภายใน 16GB รองรับ micro SD แรม 2GB สนนราคา 599 เหรียญ (ราว 18,000 บาท) ขณะที่โอเปอเรเตอร์สหรัฐฯ อย่าง Verizon ประกาศราคา Z10 แบบติดสัญญา 2 ปีที่ 199 เหรียญ (ราว 6,000 บาท)
***มีทั้งบวกและลบ ข่าวคราวหลังการเปิดตัว Z10 ส่วนใหญ่ชี้ไปในทางความพร้อมของแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนหลักเพื่อผลักดันให้ BB10 สามารถแข่งขันกับระบบอื่นได้ ผลจากการทุ่มเทจูงใจให้นักพัฒนาร่วมกันสร้างแอปพลิเคชันสำหรับแบล็กเบอรี่ ทำให้วันนี้มีแอปพลิเคชันที่รองรับ Z10 และแบล็กเบอรี่รุ่นอื่นที่จะเปิดตลาด BB10 แล้ว 70,000 แอป โดยแอปพลิเคชันโด่งดังอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook), ทวิตเตอร์ (Twitter) รวมถึงแอปพลิเคชันเกมจากค่ายดัง โรวิโอ (Rovio), ดีสนีย์ (Disney) และอีเอ (EA) ล้วนสามารถรองรับ BB10 แล้วเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าแอปพลิเคชันบางส่วนไม่สามารถทำงานบน Z10 ได้ดีเท่าที่ควร เพราะในจำนวน 70,000 แอป พบว่าราว 40% เป็นแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ซึ่งนักพัฒนาสามารถปรับปรุงให้แอปทำงานเข้ากับ BB10 ในเวลารวดเร็ว แอปเหล่านี้มีข้อจำกัดด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้หรือ UI ที่ยังอิงกับระบบแอนดรอยด์ จุดนี้ทำให้แบล็กเบอรี่ต้องกระตุ้นให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมาเพื่อ BB10 โดยเฉพาะ (native) ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีข่าวคราวเกี่ยวกับการทดสอบการใช้งาน Z10 ในแง่ลบถูกเผยแพร่มากมาย ทั้งระบบแผนที่ซึ่งยังไม่ลงตัว ระบบกล้องดิจิตอลที่มีทั้งเสียงวิจารณ์แง่บวกและลบปนกันไป รวมถึงการทดสอบความแข็งแกร่งของเครื่องด้วยการโยนลงบนพื้นถนน (drop-test) ซึ่ง Z10 พ่ายแพ้และหน้าจอแตกยับเยิน
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เหล่านี้ BlackBerry Z10 ยังคงได้รับเสียงตอบรับดีจากชาวอังกฤษ (อังกฤษเป็นประเทศแรกที่ Z10 วางจำหน่าย) รายงานระบุว่า Z10 รุ่นสีขาวเริ่มขาดตลาดในอังกฤษแล้ว หากรวมกับรุ่นสีดำ บริษัทวิจัยเชื่อว่ายอดจำหน่าย Z10 ในอังกฤษน่าจะทะลุหลักแสนเครื่องแล้ว
***ยอดจองหดในบ้านเกิด ทั้งหมดนี้แบล็กเบอรี่แถลงการณ์ว่าพอใจกับกระแสตอบรับของ Z10 แม้ในประเทศแคนาดา รายงานจากนิวยอร์กไทมส์จะระบุว่ายอดจำหน่ายในแคนาดานั้นอยู่ในระดับหลักพันเครื่องเท่านั้น โดยอ้างข้อมูลจากโอเปอเรเตอร์ท้องถิ่นนาม Rogers ว่าผู้ซื้อ Z10 ในแคนาดาส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกันที่ข้ามพรมแดนมาซื้อก่อนที่ Z10 จะวางขายในสหรัฐฯเดือนมีนาคม
แม้ขณะนี้ ตลาด Z10 จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนและเรียกความสนใจจากนักสังเกตการณ์ได้มากคือการประกาศไม่วางจำหน่าย Z10 ในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่แบล็กเบอรี่ล้มเหลวในแดนปลาดิบมาตลอด
โฆษกของแบล็กเบอรี่ปฏิเสธว่าบริษัทไม่ได้ถอนตัวจากตลาดญี่ปุ่นอย่างที่มีการรายงานข่าวออกไป เพียงแต่บริษัทยังไม่มีแผนจำหน่าย Z10 ในขณะนี้ โดยยืนยันว่าแบล็กเบอรี่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรอย่างเอ็นทีทีโดโคโม (NTT DoCoMo) และจะร่วมมือกับโดโคโมในการสนับสนุนผู้ใช้แบล็กเบอรี่ที่ญี่ปุ่นต่อไป
ตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดล่าสุดของแบล็กเบอรี่ในญี่ปุ่นคือ 0.4% เมื่อเดือนมิถุนายน 2012 รายงานจากหนังสือพิมพ์นิคเคอิระบุว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนในประเทศญี่ปุ่นนั้นเพิ่มขึ้นถึง 40% จนมียอดทะลุหลัก 14 ล้านเครื่องระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายน แต่ยอดจำหน่ายแบล็กเบอรี่ในญี่ปุ่นนั้นมีเพียงหลักหมื่นเครื่องเท่านั้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาแต่อย่างใด
***อาการน่าเป็นห่วง ในภาพรวม สถานการณ์ของแบล็กเบอรี่ยังถือว่าน่าเป็นห่วง การสำรวจล่าสุดจาก AbiResearch.com พบว่าแบล็กเบอรี่มีโอกาสเหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 1% เท่านั้นในปี 2013 ทั้งที่เป็นปีที่คาดว่า จำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะเพิ่มขึ้นอีก 1,400 ล้านเครื่อง
การสำรวจพบว่าในสมาร์ทโฟน 1,400 ล้านเครื่องที่จะเปิดใช้งานใหม่ในปี 2013 จะเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราว 57% (ราว 798 ล้านเครื่อง) โดยไอโฟน (สมาร์ทโฟนไอโอเอส) จะมีส่วนแบ่งราว 21% (ราว 294 ล้านเครื่อง) สำหรับไมโครซอฟท์เชื่อว่าจะมีส่วนแบ่งราว 3.2% (ราว 45 ล้านเครื่อง) ขณะที่แบล็กเบอรี่ถูกประเมินว่าจะจัดส่งบีบีราว 1% เท่านั้น
งานนี้ไม่รู้ใครจะ Reborn หรือ ใครจะ Dead Again ไม่นานรู้กัน !!!
ที่มา: manager.co.th