Laws of the Jungle เรียลลิตี้โชว์สุดฮิตพาดาราบุกป่าของเกาหลี โดนวิจารณ์หนัก "จัดฉาก"ชาวเน็ตเกาหลีค้นพบ เผ่าพื้นเมืองที่คนนอกเข้าไม่ถึงแต่กลับมี เพจ facebookการเดินทางสำรวจดินแดนที่ไม่เคยมีใครไปใน "Laws of the Jungle" ล้วนพบได้ในโปรแกรมทัวร์ทั่ว ๆ ไปทีมงานยอมรับมีการ "แต่งเติม" รายละเอียดบางอย่างเมื่อความ "บันเทิง" ของคนดู แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหา "จัดฉาก" Allkpop - เรียลลิตี้โชว์สุดฮิตของแดนกิมจิ ที่นำดาราไปผจญภัยยังสถานที่ห่างไกล และเข้าถึงยากลำบากทั่วโลก กำลังโดนตั้งคำถามถึงความ "เรียลลิตี้" ของรายการ ว่าถ่ายทำตามความเป็นจริงหรือเป็นแค่การ "จัดฉาก" "รายการโคตรเฟค!" เป็นความเห็นของผู้บริหารจากต้นสังกัดของดาราสาว ปาร์คโบยอง หนึ่งในผู้ร่วมรายการ Laws of the Jungle ที่ออกมาตั้งคำถามถึงความ "จริง" ของเรียลลิตี้โชว์สุดฮิตของเกาหลี จนก่อให้เกิดประเด็นถกเถียงขึ้นมากมาย และนำมาซึ่งการจับผิดรายละเอียดจุดต่าง ๆ ของรายการ
Laws of the Jungle เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ที่จะนำทีมงาน และแขกรับเชิญไปสำรวจยังดินแดนที่ยังคง "บริสุทธิ์" จากการเข้าถึงของผู้คน มีเพียงชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นการเดินทางทางที่เต็มไปด้วยอันตราย, ผ่านเส้นทางโหดหิน และต้องอาศัยความอดทนพยายามอย่างหนัก เป็นรายการที่ผู้สร้างยืนยันอย่างเต็มปากว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ชมเห็นกันนั้นจริง "100%"
แต่แล้วกลับเกิดข้อสงสัยเรื่องความ "เรียลลิตี้" ของรายการขึ้นมา การเดินทางกลับเกาหลีของคณะดารานักแสดง และทีมงานที่ไปร่วมบันทึกภาพรายการ Laws of the Jungle เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงได้รับความสนใจมากมาย มีผู้สื่อข่าวมารอขอสัมภาษณ์เหล่าทีมเดินทางสำรวจโลกกลุ่มนี้กันเต็มไปหมด
ทีมงานยอมรับ "แต่งเติม" แต่ไม่ได้ "จัดฉาก"
ล่าสุดกระแสวิจารณ์ และจับผิด Laws of the Jungle ยังคงแรงต่อเนื่อง และหลักฐานก็มีความชัดเจนน่าเชื่อถือไม่น้อย จนทางโปรดิวเซอร์ของรายการต้องออกแถลงขออภัยอย่างเป็นทางการ และแม้จะยอมรับว่ามีการ "แต่งเติม" รายละเอียดของสถานการณ์บางอย่างลงไปเพื่อความบันเทิงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่การ "จัดฉาก" อย่างที่ว่ากันแน่นอน
โดยในแถลงการณ์ทีมงานเรียก Laws of the Jungle ว่าเป็นรายการประเภท "เรียลวาไรตี้" ซึ่งทั้งผู้ถ่ายทำและแขกรับเชิญได้มีโอกาสไปสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมอันเป็นธรรมชาติ และไม่มีการปรุงแต่ง เพื่อให้ทุกคนที่ใช้ชีวิตกันอยู่ในเมืองอันเต็มไปด้วยความทันสมัย ได้มองเห็นถึงมนุษย์ที่ยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
สำหรับข้อกล่าวหาจากต้นสังกัดของ ปาร์คโบยอง ที่มองว่า Laws of the Jungle เป็นเพียงรายการ "เฟค ๆ" ที่ทีมงานจัดฉากขึ้น ตัวแทนของรายการยืนยันว่าผู้วิจารณ์คนดังกล่าวได้เขียนขอโทษ และแสดงความเสียใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทางรายการก็ยอมรับว่าคำวิจารณ์ครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบไปถึงภาพรวมความน่าเชื่อถือของรายการ ทั้งในตอนที่ยังไม่ได้ออกอากาศ และตอนเก่า ๆ ที่แล้วมา
ทางทีมโปรดิวเซอร์ของ Laws of the Jungle ยอมรับว่าในขั้นตอนการผลิต มีการใช้เทคนิคการตัดต่อ เพื่อเร้าอารมณ์สร้างความประทับให้คนดูกับสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ยืนกรานว่ารายการผจญภัยบุกเบิกดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกรายการนี้ ไม่ได้เป็นการเดินทางไปตามแพ็คเกจทัวร์อย่างที่มีการกล่าวหาแน่นอน นอกจากนั้นทีมงานยังพร้อมรับคำติเตียนทั้งหมด เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานในอนาคตต่อไป
กระแสจับผิดยังไม่หยุด
อย่างไรก็ตามคำแถลงดังกล่าวก็ยังไม่สามารถหยุดกระแสจัดผิดได้ เพียงแค่การเช็คข้อมูลแบบกว้าง ๆ ชาวเกาหลีหลาย ๆ คนได้พบรายละเอียดที่ไม่ชอบมาพากลของรายการ ที่พิสูจน์ได้ว่า Laws of the Jungle ดูจะไม่ใช่รายการที่มีจุดมุ่งหมาย "บุกเบิกดินแดนที่ยังไม่มีใครเข้าถึง" อย่างที่ผู้สร้างคุยกันเอาไว้
อย่างในซีรีส์ของการตลุยวานูอาตู ที่ทีมงานและเหล่านักแสดงเดินทางขึ้นเขายาซัวร์, ถ้ำสหัสวรรษ และหลุมสีน้ำเงิน รายการพูดหลายครั้งว่านี่คือดินแดนที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ซึ่งทีมงานต้องหาทางไปกันเอง โดย คิมบยองมัน เป็นผู้นำคณะเดินทางผ่านเส้นทางริมหน้าผา ที่พวกเขาบุกเบิกขึ้นเอง และต้องคอยเตือนให้ทุกคนระวังภัยอันตรายจากหินที่จะตกมาจากด้านบน
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบกลับพบว่าเขายาซัวร์คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้สูงอายุก็สามารถไต่ขึ้นเขามาได้ด้วยเวลาสั้น ๆ ไม่ถึง 30 นาที
เพื่อยืนยันข้อมูลทางสำนักข่าว Dispatch ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังบริษัทท่องเที่ยวในวานูอาตู จนทราบว่ามีแพ็คเกจทัวร์สำหรับการเยือนสถานที่ดังกล่าว และเป็นเขตท่องเที่ยวที่ปลอดภัย 100% ไม่มีอันตรายใด ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวแน่นอน
"ไกด์ทัวร์จะบอกคุณเองว่าตอนไหนที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีอะไรเสี่ยงหรอก ถ้ามีหินตกลงมาก็แค่รอ รถโฟล์วิลก็ขึ้นภูเขาไฟยาซัวร์ได้ จะมีไกด์ที่จะช่วยถือกล้องให้คุณด้วย รถก็เป็นของไกด์เอง" บริษัททัวร์จาก วานูอาตู กล่าว
ผจญภัยบุกเบิกโลกตามโปรแกรมทัวร์
Laws of the Jungle เน้นย้ำเสมอว่ารายการเลือกที่จะพาทีมงาน และแขกรับเชิญไปยังดินแดนสภาพแวดล้อมที่ยังคงปลอดจากความทันสมัย โดยรายการที่ผ่านมามีการเดินทางไปถ่ายทำถึงที่ ไซบีเรีย, วานูอาตู, อเมซอน, นามิเบีย, ปาปัวนิวกีนี และนิวซีแลนด์มาแล้ว
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบแบบพื้น ๆ ก็สามารถพบได้ว่าสถานที่ซึ่งรายการ Laws of the Jungle ไปถ่ายทำรวมถึงการเดินทางเพื่อไปพบกับชุมชนพื้นเมือง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจทัวร์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถไปได้ถ้าเงินถึง
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ "เผ่าเวารานี" ในอเมซอนซึ่งรายการเคยไปเยือน ซึ่งอันที่จริงแล้วที่เป็นจุดหมายหนึ่งของโปรแกรมทัวร์ท่องเที่ยวจำนวนมาก ทางเผ่ายังมี Facebook ของตัวเองที่โชว์ภาพ และคลิปให้คนที่สนใจอยากลองมาสัมผัสกับวิถีชีวิตของพวกเขาได้ดูกันก่อนด้วย ซึ่งบางโปรแกรมทัวร์ก็ถือว่าตรงกับโปรแกรมของรายการ Laws of the Jungle แบบพอดิบพอดี
นอกจากนั้นกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทาง Laws of the Jungle เจอและนำมาออกอากาศก็สามารถซื้อได้ด้วยเงินทั้งนั้น
ทาง Dispatch ได้ยืนยันหลังมีการเช็คข้อมูลจนมั่นใจแล้วว่าพิธีกรรมพื้นเมืองต่าง ๆ ที่เห็นในรายการเป็นสิ่งที่ทางเผ่าคิดขึ้นมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่ได้เป็นพิธีโบราณที่ตกทอดกันมาอย่างที่อ้างแต่อย่างใด แหล่งข่าวของบริษัททัวร์ที่มีโปรแกรมเที่ยวอเมซอนยังเปิดเผยกับสื่อในเกาหลีว่า "เราเคยติดต่อไปที่เผ่าเวารานี ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่สำหรับการโชว์พิธีกรรมต่าง ๆ เขาบอกว่าถ้าจ่ายให้ซัก 600 เหรียญฯ ต่อคน ก็อาจหาคนมาร่วมพิธีกรรมได้ซัก 16 คน ถ้าคุณสนใจเราก็จะติดต่อทางเผ่าให้ทันที"
เช่นเดียวกับโปรแกรมทัวร์ที่วานูอาตู และไซบีเรียซึ่งปรากฏอยู่ใน Laws of the Jungle ก็มีคำยืนยันว่ามีแพ็คเกจทัวร์ที่รายละเอียดการท่องเที่ยวแทบจะเหมือนในรายการเลย
ชาวเน็ตแฉ "ปลอมเกือบหมด"
ยังมีหลักฐานการ "จัดฉาก" ของ Laws of the Jungle อีกมากมาย รวมถึงตอนที่ไอดอลหนุ่ม มีร์ (สมาชิกวง MBLAQ) กินสมองลิงระหว่างร่วมพิธีแต่งงานในชนเผ่า ของหนุ่มที่ชื่อว่า "เปโดร" ที่เพิ่งออกอากาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตามกลับมีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่าที่แท้ เปโดร คนนี้เป็นไกด์ทัวร์ ซ้ำร้ายยังมีภรรยาแถมมีลูกแล้วด้วย
ส่วนในรายการเทปที่เดินทางไปยังวานูอาตู ชาวเผ่าคนหนึ่งพูดต่อหน้ากล้องว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนนอกเดินทางมาถึงหมู่บ้านของเขา แต่กลับมีการค้นพบภาพของชาวบ้านเหล่านี้ ในภาพถ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ และชัดเจนว่าหมู่บ้าน "ห่างไกลที่ไม่เคยมีคนเมืองเข้าถึง" แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งโปรแกรมทัวร์ทั่ว ๆ ไป
ที่มา: manager.co.th