“เอ ศุภชัย” ยัน “กุ๊บกิ๊บ-มาริโอ้” ยังร่วมงานกันได้ไม่มีปัญหา ตอบไม่ได้จะเป็นกาวใจได้หรือไม่ แต่จะทำให้ดีที่สุด พร้อมกร้าวไม่โง่สร้างข่าวทั้งคู่เลิกกันเพื่อหวังโปรโมต ก่อนบอกวิธีนี้เชยแล้ว หลังจากที่หนุ่มหน้าใส “มาริโอ้ เมาเร่อ” และสาว “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย” ออกมาประกาศเลิกรากันทั้งที่คบหากันมา 9 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่างานเยอะจนไม่มีเวลาให้กัน ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่ากุ๊บกิ๊บมีกิ๊กจนมาริโอ้จับได้ ซึ่งในภายหลังกุ๊บกิ๊บได้ออกมาปฏิเสธไปแล้วนั้น ล่าสุด ได้เจอตัว “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการส่วนตัวของทั้งคู่ สอบถามถึงเรื่องดังกล่าว เอก็ออกตัวว่าไม่อยากยุ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องของสองคน
“เรื่องมาริโอ้กับกุ๊บกิ๊บอันนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของน้องทั้งสองคนแล้วกันนะครับ ในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง จริงๆ มันเป็นสิ่งที่ยากที่จะตอบถึงบุคคลที่ 3 และเราก็จะไม่ถามพวกน้องเขาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหมือนว่าที่ผ่านมาจะเคยถามไปบ้างแล้ว แต่ก็เก็บไว้ในความรู้สึกครับ คือจะไม่ตอบว่าเขาเลิกหรือไม่เลิกกัน ไม่ขอรับฟังถ้าจะบอกว่าเขาออกมาบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่เอว่าให้เวลาเขาอีกนิดหนึ่ง คำตอบดีๆ อยากให้ออกมาจากปากเขาเอง”
“เราก็ไม่ได้เตือนอะไรเขา คือเราก็พูดในสิ่งที่มันพูดได้แล้วก็จะบอกเขาว่าขอให้ทบทวนทุกอย่าง แล้วก็คือว่าเราก็ไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ขอให้ใช้สติใช้ความคิดทุกๆ อย่าง แต่น้องสองคนเป็นคนที่น่ารักมาก แล้วเขาก็จะรู้ว่าเวลาที่เราโทรไปเราก็จะบอกว่าพี่มาในฐานะที่เป็นพี่นะ ไม่ได้มาในฐานะอะไรทั้งสิ้น คือทั้งสองคนเรารู้ว่ามันมากกว่าคำว่าแฟน มากกว่าคำว่าเพื่อน คือเหมือนทุกคนที่เข้ามาอยู่บ้านนี้กับพี่เอจะดูแลกันทุกอย่างอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทำอะไรมันเหมือนความละเอียดอ่อน มันต้องระวังด้วยครับ”
บอกปัดไม่รู้จะเป็นกาวใจได้หรือไม่ แต่จะทำให้ดีที่สุด
“ตรงนี้เอคิดว่าเอทำดีที่สุดแล้ว เราก็เข้าไปถามน้องนะ เพราะว่าเราก็อยากรู้เหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปมาก เพราะถ้าเข้าไปมากมันก็เหมือนว่าเราเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ซึ่งเราก็ลำบากใจและเขาก็รู้ว่าเราก็ลำบากใจ เพราะทุกครั้งที่โทรเขาจะเข้าใจเราตลอด เราก็ไม่ได้ไปอยู่กับเขาตลอดเวลาได้ แต่ดูเขาในอินสตาแกรมก็ดูน้องในการออกสื่อเหมือนกัน พี่สัมผัสน้องเหมือนนักข่าวสัมผัสได้ยินข่าวในความรู้สึกพี่น้องเขาจะเฮิร์ทไม่เฮิร์ทก็ดูจากคำตอบที่เขาตอบเอานะครับ”
ยันทั้งสองร่วมงานกันได้ไม่มีปัญหา
“ถ้าเกิดว่าเขาทั้งสองคนเป็นอย่างที่ข่าวออกจริงๆ คือเลิกกัน เอว่าการทำงานของเขา ถ้าได้ทำงานร่วมกันจริงๆ เขาทั้งสองคนเป็นมืออาชีพมีน้ำใจนักกีฬาพอ เขาอยู่ในวงการจนเขาเป็นคนสอนคนอื่นแล้ว เขาไม่ใช่ว่าจะให้ใครต้องคอยมาสอนเขา”
ปัดสร้างข่าวเลิกกันเพื่อแผนโปรโมต
“แผนโปรโมตมันหมดยุคไปแล้วครับ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ครับ มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้เอามาเล่นได้ เอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องซีเรียส แล้วเอว่าถ้าเอจะทำงานแผนการตลาดแบบนี้ เอคงเป็นคนที่โง่นะ เอก็ไม่ได้เป็นคนฉลาดนะ แต่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คงไม่เอามาล้อกันเล่น มันเป็นเรื่องของชีวิตนะครับ โดนโยงไปเกี่ยวไม่รู้สึกอะไรครับ เพราะว่าเราก็โดนโยงไปเกี่ยวด้วยตลอด”
พร้อมฝากบอกไม่ว่าจะเลิกไม่เลิกก็ยังจะคอยดูแลเสมอ
“ก็อยากจะบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราพร้อมที่จะอ้าแขนรับทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าจะเกิดเหมือนที่ข่าวออกหรือยังไง เราก็ยังพร้อมที่จะอ้าแขนรับเสมอ เราก็จะยืนอยู่ตรงจุดเดิม แล้วก็พร้อมที่จะดูแลและก็คอยเทคแคร์ทั้งสองฝ่าย ถึงไม่เป็นอย่างที่ข่าวออกเราก็จะยืนตรงนี้ ดูแลเขาทั้งสองคนเหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เอพูดกับเขาทั้งสองคนทุกครั้ง”
ที่มา: manager.co.th